วารินีอมยิ้ม อ่ะไม่ปฏิเสธแบบนี้ คงไม่ต้องถามย้ำแล้วล่ะ เฮ้อเพื่อนชั้น มีหนุ่มๆหล่อๆมาจีบมากมาย แต่สุดท้ายกลายเป็นเจ้าหญิงขี่ม้าขาวจากไหนก็ไม่รู้มาตัดหน้าไปก่อนใครซะงั้น
"ฉันล่ะอยากจะเห็นเจ้าหญิงที่ขี่ม้าขาวมาช่วยแกคืนนั้นจริงๆยัยปราย" ยัง ยังไม่วายพูดแซวเธอให้อายหนักเข้าไปอีก
"ยัยวา! ถ้าแกไม่หยุดล้อฉันเรื่องนี้ ฉันจะโกรธแกจริงๆแล้วนะ จะกินไหมข้าวเนี่ย ไม่กินจะได้เช็คบิล" เสียงหวานของเพื่อนที่เริ่มขุ่น เป็นสัญญาณเตือนอีกคนให้รู้ว่า เพื่อนคนสวยคงจะเริ่มโกรธกันจริงๆซะแล้ว
"โอ๊ะโอ๋ๆกิน จ๊ะกิน อย่าเพิ่งโมโหเพื่อนสิคะ ถึงจะยังไงก็ตามเหอะฉันก็ยังคิดว่าแกโชคดี ดีกว่าพลาดท่าเสียทีไปกับนายภาณุนั่นแหล่ะ ผู้หญิงด้วยกันยังไงก็คงไม่เสียหายเหมือนผู้ชายหรอกแก" วารินีกล่าวออกมาเพราะไม่อยากให้เพื่อนเธอคิดมาก ไหนๆเหตุการณ์นั้นมันก็ผ่านไปแล้วกลับไปแก้ไขอะไรก็คงไม่ได้
ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไปบางทีเกิดมาหน้าตาดีมากอย่างเพื่อนเธอมันก็ไม่ใช่ว่าจะดีหรอกนะ มีแต่คนเข้าหาต้องคอยหลบคอยเลี่ยงพวกแมลงภู่ทั้งหลายที่หมายอยากจะเข้ามาเชยชมดอกไม้งามดอกนี้กันทั้งนั้น คิดแล้วก็รู้สึกดีใจที่ความสวยของเธอน้อยกว่าเพื่อนหน้าหวานตรงหน้านี้หน่อยนึงชีวิตเธอก็เลยไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่ หึหึ
ปรายฟ้าเมื่อฟังคำพูดเชิงปลอบใจของเพื่อนก็อดที่จะคิดตามไม่ได้ นั่นสินะ ถึงเธอจะสูญเสียครั้งแรกให้กับผู้หญิงด้วยกัน มันก็คงดีกว่าพลาดท่าให้กับผู้ชายเลวๆบางคนนั่นแหล่ะ
"เออปรายแล้วเรื่องที่นายภาณุเอารูปไปโพสในเพจรวมแกจะแก้ปัญหายังไง เท่าที่ฉันรู้ตอนนี้หลายคนเข้าใจว่าแกตกลงคบหากับนายนั่นเรียบร้อยไปแล้วนะ"
วารินีสอบถามเพื่อนสาว ในขณะที่กำลังนั่งรถกลับเข้าที่บริษัทช่วงบ่าย และดูท่าทางเจ้าตัวก็ยังคิดไม่ตกกับเรื่องนี้เหมือนกัน
"ตอนนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง แต่ถ้าหากมีใครมาถามฉันก็จะบอกไปตามจริงนั่นแหล่ะว่ามันไม่มีอะไร ก็แค่ไปทานข้าวกันธรรมดาส่วนใครจะคิดยังไงเราคงไปห้ามไม่ได้"
หญิงสาวพูดออกไปตามที่คิด ที่จริงเธอก็ไม่คิดจะไปตามแก้ข่าวไม่จริงแบบนั้นหรอกนะเพราะยังไงจากนี้ไปเธอไม่มีทางที่จะไปไหนกับคนพรรณนั้นอีกแล้ว มันคงจะไม่มีรูปภาพแบบนั้นโผล่ออกมาอีกแน่นอนส่วนตอนนี้ใครจะคิดหรือพูดยังไงเธอก็คงจะต้องคอยปฏิเสธไปตามจริงนั่นล่ะเพราะมันก็แค่ภาพๆเดียวใครจะหลงเชื่อคำพูดของนายคนนั้นเธอก็คงไปห้ามไม่ได้
"อืม ฉันก็ว่าแกอย่าไปสนใจเลย ปล่อยให้นายนั่นบ้าไปคนเดียวเหอะดีไม่ดีมีแค่ภาพนั้นภาพเดียวแล้วต่อไปจะเอาภาพคู่จากไหนมาสร้างเรื่องต่อ สุดท้ายฉันว่านายนั่นแหล่ะที่จะโดนหาว่าสร้างภาพให้ตัวเองดูดี"
"อืม เราก็ว่าจะปล่อยไปอย่างนั้นแหล่ะ พอไม่มีอะไรจริงๆ อีกหน่อยเรื่องคงเงียบไปเอง"
แล้วก็เป็นอย่างที่ทั้งคู่คิดกันเพียงย่างกรายเข้ามาในแผนกช่วงบ่ายปรายฟ้าก็โดนพี่หลายคนในแผนกกรู่กันเข้ามาสอบถามทันที เธอก็บอกไปตามจริงว่าแค่ไปกินข้าวกันธรรมดาไม่ได้ไปเดทหรือตกลงคบหากันอย่างที่ฝ่ายชายเจาะจงใช้คำขึ้นสถานะให้คนอ่านคิดตีความกันไปผิดๆ
"สู้ สู้ นะเพื่อนเลิฟ ไปทำงานล่ะ" วารินีเข้ามาตบไหล่บางของเพื่อนรัก
"เออวา เดี๋ยวตอนเย็นรอออกไปพร้อมกันนะมีผลไม้มาจากสวนที่บ้านเราลืมหยิบขึ้นมาแกเอากลับไปกินด้วย"
"โอเคๆขอบใจนะเพื่อน ฉันคงประหยัดเงินค่าผลไม้ไปได้หลายวัน ฮึฮึ"ปรายฟ้าได้แต่ยิ้มส่ายหน้าให้กับคำพูดของเพื่อน ก่อนที่เธอจะลงมือทำงานของตัวเอง
การประชุมแผนงานประจำเดือนของวันนี้กว่าจะสรุปกันจนเสร็จสิ้นก็ปาเข้าเที่ยงวันพอดี ณัฐวรินทร์เก็บโน๊ตบุ้คพร้อมแฟ้มเอกสารเตรียมออกจากห้องประชุม
"คุณณัฐจะออกไปทานข้าวข้างนอกหรือจะให้อินสั่งขึ้นมาให้คะ" อินทิราเอ่ยถามเจ้านายเมื่อเดินตามกันออกมาจากห้องประชุม
"รบกวนคุณอินช่วยสั่งขึ้นมาให้แล้วกันค่ะ เอาเหมือนเดิมก็ได้" ณัฐวรินทร์หันมาบอกเลขา อินทิราพยักหน้ารับรู้ว่าเหมือนเดิมของเจ้านายก็คือข้าวผัดทะเลกับผัดผักรวมมิตรใส่กุ้งนั่นเอง
ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่เอนหลังพิงพนักแล้วหลับตาลงเพื่อพักสายตา เพียงแค่สมองหยุดคิดเรื่องงานความคิดเธอก็หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาอีกครั้ง ทุกรอยสัมผัสหวานละมุนยังคงกรุ่นอยู่ในใจที่ได้นึกถึง ภาพใบหน้าสวยหวานยามที่ถูกเธอสัมผัสแตะต้องเสียงครางแว่วหวานหูยังดังก้องอยู่ในความรู้สึก
ณัฐวรินทร์ลืมตาขึ้นมาพร้อมถอนหายใจ พี่จะมีโอกาสได้เจอคุณอีกไหมนะถ้าหากการพบกันของเรามันเกิดจากโชคชะตาหรือพรหมลิขิต ก็ขอให้เราได้เจอกันอีกครั้งเถอะนะหญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจ
ปรายฟ้ากำลังเตรียมเก็บของกลับบ้านเมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน แต่ต้องชะงักมือเมื่อเสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้น
"น้องปรายครับ จะกลับแล้วเหรอ" ภาณุรีบเอ่ยทักสาวสวยพร้อมรอยยิ้มหวาน วันนี้เขาต้องออกไปพรีเซ้นต์งานข้างนอกกับหัวหน้าเสร็จแล้วถึงรีบกลับมาเพราะกลัวจะไม่ทันอีกคน
ปรายฟ้าหันมามองผู้ชายที่สร้างปัญหาให้กับเธอด้วยสายตาขุ่นเคือง เขายังกล้าเสนอหน้ามาหาเธอแถมยังทำตัวปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เขาช่างเป็นผู้ชายที่หน้าด้านที่สุดหญิงสาวคิด
ภาณุชะงักไปเหมือนกันเมื่อเจอสายตาที่มองมาที่เขาด้วยความขุ่นเคืองไม่พอใจ รอยยิ้มค่อยๆหายไปจากใบหน้าหรือว่าปรายฟ้าจะรู้ ว่าตัวเองโดนวางยาในคืนนั้น พอคิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบยิ้มกลบเกลื่อนพร้อมแกล้งต่อว่าหญิงสาวออกไป
"เมื่อคืนวันศุกร์ทำไมน้องปรายหนีกลับก่อนละครับพี่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม ถามจากเด็กในร้านเขาบอกว่าเห็นน้องปรายออกไปกับเพื่อน" ภาณุรีบแอบอ้างคำพูดของเด็กเสิร์ฟในร้านที่มาบอกกับเขาตอนที่ไปดักรออีกคนหน้าห้องน้ำ
ปรายฟ้ามองหน้าผู้ชายกระล่อนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสมเพช คิดจะตีหน้าซื่อโกหกเธอให้หลงเชื่ออีกสินะ
"เป็นห่วง หรือว่าผิดหวังกันแน่คะคุณภาณุ" ปรายฟ้าตอกกลับอีกคนให้ได้สะดุ้ง เธอทันได้เห็นแววตาวูบไหวของผู้ชายตรงหน้าแต่แค่เพียงนิดเดียวก่อนที่เขาจะรีบปรับสีหน้า
"น้องปรายทำไมถึงพูดแบบนั้นละครับ พี่ก็ต้องเป็นห่วงสิ จู่ๆน้องปรายก็หนีกลับไม่บอกกันซักคำ" เขายังแกล้งทำเสียงตัดพ้อออกไปทั้งที่ในใจเริ่มจะกังวลกับสายตารู้ทันของสาวสวยตรงหน้าขึ้นมาแล้ว
ปรายฟ้าถอนหายใจ ในเมื่อเขาไม่สำนึกในสิ่งที่กระทำเธอคงต้องพูดอะไรให้มันเด็ดขาดสักที เธอรู้สึกแย่กับผู้ชายคนนี้จนไม่อยากจะเสวนาหรือเห็นหน้าอีกคนต่อไปแล้ว ปรายฟ้าหันมองรอบตัวก็เห็นสายตาเพื่อนร่วมงานบางคนที่ยังไม่ออกไปเมียงมองมาที่เธออย่างอยากรู้ ยิ่งมีข่าวกับรูปที่หลายคนเห็นเมื่อเช้าเธอจึงกลายเป็นจุดสนใจมากขึ้นเธอจึงตัดสินใจที่จะจบปัญหากับผู้ชายคนนี้เสียที
"คุณภาณุ ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารหรือแม้แต่เรื่องรูปที่คุณเอาไปโพสให้คนอื่นเข้าใจกันผิดๆ ฉันบอกตรงๆว่าสิ่งที่คุณทำมันแย่มาก อย่าให้ฉันต้องบอกออกมาเลยว่าเรื่องอะไรคุณคงรู้อยู่แก่ใจดี"
ภาณุถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของคนหน้าหวาน ที่ตอนนี้ส่งสายตาไม่พอใจมาหาเขา แต่มีหรือคนอย่างเขาจะยอมรับง่ายๆ
"น้องปรายหมายถึงอะไร ถ้าเรื่องรูปที่โพสต์โอเคพี่ก็แค่ลงเล่นๆ แต่เรื่องที่ร้านอาหารคืออะไรพี่ไม่เข้าใจ" ภาณุยังทำหน้าซื่อตาใสแถต่อไป แต่เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เขาต้องหันกลับไปมองอย่างไม่พอใจ
"ก็เรื่องที่คุณแอบวางยาเพื่อนฉันไงคุณภาณุ หรือคิดว่าจะไม่มีคนรู้ในสิ่งเลวๆที่คุณทำ" วารินีโพร่งคำพูดออกมาอย่างเหลืออด จะหน้าด้านแถไปถึงไหน เธอหยุดมองเพื่อนโต้วาทีกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่อยู่หลายนาทีจนทนไม่ไหวกับความหน้าด้านไม่ยอมถอยของเขา จึงได้เดินเข้ามาแทรกเพราะทั้งโมโหและหมั่นไส้แทนเพื่อน
ภาณุใบหน้าแดงก่ำทั้งโกรธและตกใจที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาวที่เดินเข้ามา
"นี่คุณวารินี จะพูดอะไรระวังคำพูดของคุณด้วย วางยาอะไรคุณมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาผมไม่ทราบ" ภาณุต่อว่าอีกคนด้วยความโมโห แม้จะแอบสะดุ้งในสิ่งที่วารินีพูดออกมาก็ตาม
"หลักฐาน อ้อ คุณต้องการหลักฐานใช่ไหม ได้ฉันจะจัดให้ แต่วันนี้ฉันคงต้องพาเพื่อนไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นผู้เสียหายก่อนนะ แหมเพื่อนฉันรึอุตส่าห์จะไม่เอาเรื่องเอาราวแค่จะขอให้คุณเลิกมายุ่งวุ่นวายอีก แต่คนทำผิดกลับไม่สำนึกแบบนี้คงต้องว่ากันไปตามกฏหมายแล้วล่ะยัยปราย ยังไงแกก็โทรนัดน้องเด็กเสิร์ฟคนนั้นให้เตรียมตัวมาเป็นพยานให้แกด้วยก็แล้วกัน"
คำพูดของวารินีแม้ปรายฟ้าจะยังไม่เข้าใจ แต่ก็ยังเลือกที่จะเออออตามน้ำไป และตอนนี้ใบหน้าของผู้ชายตรงหน้าก็เริ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัดคงจะเริ่มร้อนตัวแล้วสินะ
"อืม ในเมื่อตกลงกันดีๆไม่ได้ฉันก็คงต้องทำอย่างที่แกพูดนั่นแหล่ะวา" หญิงสาวแกล้งบอกออกไปยิ่งทำให้ภาณุร้อนตัวจนต้องรีบเอ่ยตะกุกตะกักออกมา
"เดี๋ยวๆครับน้องปราย คะ คือ พี่ขอโทษ พี่ยอมรับก็ได้ว่าพี่แอบให้เด็กเสิร์ฟใส่ยาลงไปในน้ำส้มแก้วนั้น อย่าถึงขั้นไปแจ้งความเอาเรื่องพี่เลยนะส่วนเรื่องรูปพี่จะรีบลบออกทันที และจะไม่มายุ่งกับน้องปรายอีกเลยนะ"
ภาณุรีบพูดออกไปอย่างร้อนรน จะไม่ให้เขากลัวได้ยังไงเท่าที่รู้มาปรายฟ้ามีพี่ชายเป็นตำรวจยศผู้กองด้วยซ้ำ เกิดหญิงสาวเอาเรื่องเขาขึ้นมาจริงๆโอกาสรอดคงยากถึงข้อหาจะไม่ร้ายแรง แต่มันก็ต้องเสียประวัติเสือผู้หญิงอย่างเขาแน่นอน ยิ่งวารินีพูดถึงพยานที่เป็นเด็กในร้านก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงเด็กเสิร์ฟคนที่เขาให้วางยาให้และไหนจะเด็กอีกคนที่มาบอกเขาว่าหญิงสาวออกจากร้านมากับเพื่อน แสดงว่าเพื่อนที่ปรายฟ้าพูดถึงคงจะเป็นวารินีนั่นเองเพราะอีกคนพูดเหมือนรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น เกือบได้ไปนอนกินข้าวแดงในคุกแล้วไหมล่ะไอ้นุ เขาลืมไปได้ยังไงว่าปรายฟ้ามีพี่ชายเป็นตำรวจชายหนุ่มได้แต่นึกในใจพร้อมส่งสายตาสำนึกผิดไปให้สองสาว
ปรายฟ้าและวารินีหันมองหน้ากันแล้วแอบยกยิ้มมุมปากอย่างรู้กัน
"เอาล่ะคุณภาณุ ในเมื่อคุณยอมรับผิดฉันก็จะไม่เอาเรื่อง และเรื่องรูปภาพที่คุณโพสก็ขอให้คุณลบออกให้เรียบร้อยด้วยนะคะ อีกอย่างที่ฉันอยากจะเตือนเพราะหวังดีหรอกนะคะ การที่คุณใช้วิธีแอบวางยาเพื่อให้ได้มาซึ่งคู่นอนหรือผู้หญิงที่คุณพึงใจ มันไม่ต่างอะไรกับการข่มขืนพวกเธอทางอ้อมหรอกนะ ถ้าหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของคุณบ้างคุณจะรู้สึกยังไง เลิกทำเถอะค่ะคุณก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่คงมีผู้หญิงอีกมากที่เขายินยอมพร้อมใจกับคุณ"
ปรายฟ้าเอ่ยออกมายืดยาว เพราะสิ่งที่เกิดกับเธอมันคงไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาณุกระทำ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาและในอนาคตต่อไปผู้ชายคนนี้จะใช้วิธีนี้กับผู้หญิงอีกกี่คน เธอแค่อยากเตือนให้เขาคิดส่วนเจ้าตัวจะคิดได้หรือไม่ได้ก็คงสุดแล้วแต่ ส่วนเธอขอแค่เขาเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตเธอต่อไปก็พอใจแล้ว
ภาณุได้แต่กล่าวขอบคุณอีกคนพร้อมรอยยิ้มแหยกับคำกล่าวเตือนสติให้เขาได้คิดในสิ่งที่ทำลงไป
"พี่ขอบคุณน้องปรายมากนะที่ยกโทษให้พี่ เรื่องรูปเดี๋ยวพี่จะรีบไปจัดการตอนนี้เลยขอตัวก่อนนะครับ"
ภาณุเอ่ยบอกก่อนที่จะขอตัวไปจัดการตามที่รับปากไว้
"เดี๋ยว! คุณภาณุคำสารภาพของคุณฉันได้บันทึกไว้ในนี้เรียบร้อยแล้วนะ ถ้าคุณไม่ทำตามที่พูดไว้หลักฐานนี้จะถึงมือตำรวจแน่นอน" วารินีชูโทรศัพท์ในมือขึ้นโชว์ให้อีกฝ่ายได้รู้ว่า อย่าได้คิดมาเล่นแง่กับพวกเธอ
ภาณุหันกลับมามองหญิงสาวทั้งคู่ก่อนจะตอบกลับไปอย่างลูกผู้ชาย
"คุณวารินีสบายใจได้เลยว่าต่อไปนี้ผมจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเพื่อนคุณอีก แต่ถ้าหากต้องเจอกันก็ขอแค่ทักทายอย่างเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งคุณคงจะไม่ว่านะ" ภาณุกล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากแผนกทันที
เฮ้อ เสียงถอนหายใจพร้อมกันของทั้งสองสาวดังออกมาทันทีเมื่อเจ้าตัวคนสร้างเรื่องเดินลับตาไป
"ขอบใจแกมากนะวา ที่ช่วยกรุเรื่องขึ้นมาจนนายภาณุร้อนตัวต้องยอมสารภาพออกมาน่ะ ว่าแต่แกบันทึกเสียงไว้จริงเหรอ" ปรายฟ้ากล่าวขอบคุณเพื่อนพร้อมถามอีกคนที่ยืนอมยิ้มทะเล้นสะใจข้างๆเธอ
"เรื่องคลิปเสียงฉันบันทึกไว้จริงๆและจะส่งให้แกด้วย ฉันยังไม่อยากไว้ใจนายนั่นเท่าไหร่หรอกนะ เผื่อเขาไม่ยอมเลิกวุ่นวายหรือสร้างปัญหาให้แกอีก เราจะได้มีหลักฐานเล่นงานเขาได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เอ่ยอ้าง"
วารินีบอกอีกคนอย่างภูมิใจในความรอบคอบของตัวเอง ฮึก็เธอมันคนฉลาดนี่นา
"จ้า แม่คนฉลาดขอบใจมาก ป่ะงั้นกลับกันดีกว่าจะ6โมงแล้วแก ตอนนี้รถคงติดน่าดู" คนหน้าหวานบอกก่อนจะเก็บของลงกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วทั้งคู่จึงเดินออกมายังลานจอดรถพร้อมกัน
วันเวลาหมุนวนไปเรื่อยจากวันเป็นสัปดาห์จากสัปดาห์กลายเป็นเดือน แต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำแม้จะเหนื่อยล้า หรือว่ามีเรื่องอะไรให้ต้องคิด แต่ทุกคนก็ยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดในแต่ละวัน
นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ณัฐวรินทร์เฝ้าวนเวียนกลับมาที่ร้านอาหารกึ่งผับร้านนี้เกือบจะทุกสัปดาห์ สาวหน้าคมได้แค่หวังว่าจะได้เจอใครคนนั้นอีกสักครั้ง แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอคนหน้าหวานเลย หรือแม้แต่ผู้ชายคนนั้นที่เป็นต้นเหตุของเรื่องตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเจอเลย ที่เธอรู้ก็เพราะเมื่อช่วงต้นเดือนเธอมาที่ร้านและได้ทิ้งนามบัตรไว้ให้กับเด็กเสิร์ฟคนที่เคยให้ความช่วยเหลือเธอและคนหน้าหวานในคืนนั้น ให้เขาช่วยโทรรายงานเธอทันทีหากว่าเจอหญิงสาวกลับมาที่ร้านนี้เมื่อไหร่แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไร้วี่แววของเธอคนนั้น
หวังว่าอีกคนจะสุขสบายดีทั้งใจและกายนะ สิ่งที่นึกกลัวและกังวลมาตลอดจนถึงวันนี้ณัฐวรินทร์ก็ยังไม่คลายความกังวลลงได้เลยสักครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น ยิ่งช่วงนี้เธอยังฝันประหลาดๆอยู่บ่อยๆ ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอฝันเห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก แถมทุกครั้งที่ฝันยังเป็นเด็กคนเดิมอีกด้วยเธอไม่เคยฝันแปลกๆแบบนี้มาก่อนเลย เรื่องนี้เธอยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะกลัวทุกคนจะหาว่าเธอเครียดและกังวลเกินไปจนเก็บเอาไปฝันก็เป็นได้