ตอนเช้ามืด ณ อีกมุมหนึ่งของเกาะ ศรัญย์ชัยก้าวลงจากเรือเฟอร์รี่ที่เขาจ้างมาเป็นพิเศษเพื่อมาส่งเขาที่เกาะแห่งนี้ เมื่อวานเขามาพร้อมเพื่อนไม่ได้ เพราะที่บริษัทมีเรื่องด่วนเข้ามาให้จัดการ ซึ่งผู้ช่วยของเขาไม่สามารถตัดสินใจแทนได้ เขาจึงต้องไปจัดการด้วยตนเองและปล่อยน้องสาวมากับเพื่อนก่อน และวันนี้เขาได้ตามมาที่เกาะโดยไม่บอกใคร กะว่าจะมาเซอไพรส์ทุกคน เพราะวางแผนมาพักผ่อนที่นี่กันถึงเจ็ดวัน เขาถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าเหยียบย่ำทรายสบายๆ งานด้านธุรกิจไม่ได้สร้างความเหนื่อยให้เขาเท่าใดนัก
แม้ว่าบริษัทของเขาจะเป็นบริษัทด้านการบันเทิง ยักษ์ใหญ่ของประเทศ แต่เขาก็ยังมีน้องสาวบริหารช่วยกัน แต่งานด้านการแสดงที่เขาหลวมตัวเข้าไปทำ นี่สิที่สร้างความลำบากยิ่งกว่าเพราะตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ปู่ พระเอกรูปหล่อไฮโซที่มีฝีมือการแสดงเยี่ยม เป็นที่หมายปองของหลายๆ คน แต่ความดัง ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวที่เขาปรารถนาที่สุดในชีวิตไป บ่อยครั้งที่เขาโดนปาปารัซซี่ตามล่า เพราะในเรื่องส่วนตัวนั้นไม่ค่อยจะมีใครได้รู้จักเขานอกจากเพื่อนๆ กัน เขาคงเป็นพระเอกคนแรกกระมังที่เกลียดการสัมภาษณ์เป็นชีวิตจิตใจ และหลีกเลี่ยงมาตลอดจนได้รับฉายา “หนุ่มติสท์” แห่งวงการไปแล้ว แต่กับเพื่อนนั้นทุกคนรู้ว่าเขาเพียงแค่อยากมีมุมส่วนตัวเท่านั้นเอง เขาคิดถึงเรื่องตัวเองขำๆ เมื่อเดินมาใกล้ถึงบ้านพัก ที่เขาเคยมาบ่อยจนจำได้แทบทุกซอกทุกมุม เขาหยิบมือถือขึ้นมา ตั้งใจจะโทรหาน้องสาวสุดที่รัก “เฮ้อ ไม่โทรดีกว่า ยัยย่าคงนอนหลับฝันหวานอยู่มั้ง ขึ้นไปเลยดีกว่า” เขาพึมพำเบาๆ
เมื่อเดินเข้ามาที่บ้านพักเขามองเลยโต๊ะรับแขกไป พลางนึกว่าน้องสาวจะอยู่ห้องไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นประตูห้อง ห้องหนึ่งเปิดออกมา พร้อมกับหนุ่มสาวสองคนที่ก้าวพ้นประตูออกมาในชุดนอนที่เรียบร้อย แต่เขาเห็นฝ่ายชายคว้าตัวผู้หญิงมากอดและหอมแก้ม ส่วนผู้หญิงก็มีท่าทางเอียงอายแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ท่าทางที่แสดงออกต่อกันราวกับเป็นคู่รักกันมานานปี
“ศรัญย์ชยา” เขาเรียกชื่อน้องสาวเต็มๆ อย่างคาดไม่ถึงกับสิ่งที่เห็น นี่มันน้องสาวสุดที่รักของเขาเดินออกมาจากห้องนอนกับเดรโก มันเกิดอะไรขึ้น
“พี่ปู่” หญิงสาวรีบปล่อยมือออกจากเดรโกทันที ทำไมพี่ชายของเธอถึงมาที่เกาะนี้ได้ ก่อนที่จะคิดอะไรออกนั้นผู้เป็นพี่ชายก็ปราดเข้ามาชกหน้าเดรโกทันที เดรโกที่ไม่ทันตั้งตัวก็โดนไปเต็มๆ เขามองความโกรธเกรี้ยวของผู้มาใหม่แล้วเริ่มเห็นเงาของหายนะรางๆ
“พี่ปู่ ไม่ใช่ พี่เข้าใจผิดนะคะ” ผู้เป็นน้องปราดเข้ามาดึงแขนพี่ชายไว้ ไม่อยากให้อีกคนโดนทำร้ายไปกว่านั้น แม้ว่าจะแอบหมั่นไส้เขาเพราะเรื่องเมื่อวานนิดหน่อย แต่เธอก็ไม่อาจให้เขาโดนทำร้ายเพราะความเข้าใจผิดของพี่ชายได้
“ย่า พี่เคยเชื่อเรานะ แต่ตอนนี้พี่เชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่า เราออกไปก่อน พี่ขอคุยกับเขาอย่างลูกผู้ชาย” เขาพูดทั้งๆ ที่ยังคว้าคออีกคนไว้ เดรโกเองก็เหลือเกินจะพูดแก้ไขอะไรซักคำก็ไม่พูด
“แต่ว่ามันไม่ใช่อย่างที่พี่ปู่คิดนะคะ” เธออ้าปากเถียง ส่วนมือก็คว้าแขนพี่ชายเอาไว้ หล่อนและเขาไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่พี่ชายคิด เมื่อครู่นี้หล่อนแค่ว่าเขาแล้วเขาก็แค่ก้มลงมาหอมแก้มอย่างหมั่นไส้เท่านั้น
“ออกไป” ศรัญย์ชัยตวาดกลับเสียงดัง ทำเอาร่างเล็กของหญิงสาวรีบผลุนผลันไปด้วยความน้อยใจ ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ชายของเธอไม่เคยดุเธอเลยสักครั้ง แล้วครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นมา แม้แต่คำอธิบายจากปากเธอ เขาก็ไม่คิดจะฟัง หญิงสาวคิดอย่างน้อยใจและเสียขวัญ
พอเดินออกมาจากตัวบ้านแล้ว ศรัญย์ชยาก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไปเดินเล่นที่ชายหาดก็ดูจะเช้าไป จะกลับเข้าไปในบ้านก็กลัวโดนพี่ชายใจร้ายมาตวาดซ้ำอีก อยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะทำอะไรเดรโก เธอไม่อยากให้เรื่องออกมาเป็นแบบนี้เลย พี่ชายเข้าใจผิด ทั้งๆ ที่เธอและเขาไม่ได้มีอะไรกันเลย บังเอิญที่พี่ชายมาเห็นมากกว่า ถึงเธอจะนึกชอบเดรโกตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็ไม่คิดจะถวายตัวให้หรอก นายเดรโกนั่นแหละผิดที่เข้ามาอยู่ในห้องของเธอเอง นั่งอยู่สักพักจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เดินเข้าไปในบ้านพัก บางทีการอธิบายอาจทำให้เขาได้รู้เรื่องหลายๆ อย่างและไม่โกรธอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้
“อ้าวมาก็ดีแล้ว ไปเตรียมตัวซะ อีกสักพักเราจะไปบนฝั่งกัน” พี่ชายบอก เธอมองไปยังเดรโกที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับพี่ชายเธอ เขามีสีหน้าเรียบเฉยจนไม่อาจเดาอารมณ์ได้
“ทำไมต้องกลับล่ะคะ เรามีงานด่วนเหรอคะ”
“เปล่าหรอก เธอสองคนต้องไปจดทะเบียนกัน” คนเป็นพี่บอก
“จดทะเบียน!” หญิงสาวร้องเสียงหลง
“พี่ปู่ฟังย่าก่อนนะคะ มันไม่ใช่อย่างนั้นเมื่อคืนเรา...”
“หยุด” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบศรัญย์ชัยก็แทรกขึ้นมา
“พี่ตัดสินใจแล้ว” เขาพูด ด้วยความที่เป็นคนเด็ดเดี่ยว มาแต่ไหนแต่ไร หากเชื่อและตัดสินใจสิ่งใดไปแล้ว เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนใจ
“เดรโก คุณทำไมไม่อธิบายกับพี่ปู่ล่ะ จะให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้นะ” เธอพูดแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากเขา ดวงหน้าคมนิ่งเฉยไม่ยินดียินร้ายจนเธอนึกอยากเข้าไปฟาดเขาแรงๆ สักที เพื่อที่จะได้บอกให้พี่ชายเลิกเข้าใจเรื่องเหล่านี้ผิดๆ
“ย่า เข้าไปแต่งตัว” ศรัญย์ชัยเน้นเสียงดังอย่างจริงจัง
“แต่ว่า มัน...”
“ย่า พี่ว่าเราเองก็โตแล้วนะ น่าจะรู้ว่าสิ่งที่เสียไปมันเรียกกลับคืนไม่ได้ และก็เข้าไปแต่งตัวซะ อย่าให้ต้องสั่งอีกรอบ รู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่ฟังพี่จะเกิดอะไรขึ้น” เขาพูด หญิงสาวเองก็รู้ว่าเขาเด็ดเดี่ยวขนาดไหน ถ้าไม่งั้นคงไม่ปกครองบริษัทมาได้จนทุกวันนี้หรอก เคยมีครั้งหนึ่งที่เธอขอพี่ชายไปนอนบ้านเพื่อน แต่พี่ชายปฏิเสธ เธอยังดื้อดึงเถียงอยากไปสุดท้ายเขาต้องตีเพื่อให้เธอเชื่อฟัง ตั้งแต่ครั้งนั้นมา เธอก็ไม่เคยมีปากเสียงเลย เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่พี่ชายตัดสินใจให้นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอทุกอย่าง แต่เรื่องนี้จะยอมได้อย่างไร เธอคิด แต่ก็ก้าวเข้าห้องไปแต่งตัวอย่างยอมจำนน
“คุณบังคับเธอเสมอเลยเหรอ แต่ดูท่าทางเธอจะไม่ได้เชื่อฟังใครง่ายนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมคุณได้ขนาดนี้” เดรโกถามหลังจากที่ร่างบางเดินลับตาไป
“ไม่ใช่การบังคับหรอก ตอนที่พ่อแม่ของเราเสีย ย่ายังเด็ก ผมต้องเป็นทุกอย่างให้น้อง ถึงเขาจะเอาแต่ใจแค่ไหน แต่ก็ต้องฟังผม” เขาพูด
“งั้นเดี๋ยวผมขอเข้าไปคุยกับเขา ซักหน่อยละกัน” เดรโกลุกเดินไปจากโซฟา
“ห้านาที เท่านั้นนะเดรโก” เดรโก หันมามองยิ้มๆ ให้คนที่หวงน้องจนวินาทีสุดท้าย ชายหนุ่มเดินตามไปเคาะห้องที่หญิงสาวเข้าไปได้สักครู่ เขาเปิดประตูเข้าไปก็เห็นร่างบางที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วนั่งสะอื้นไห้อยู่ปลายเตียง เขาเดินลงไปทรุดตัวนั่งข้างๆ โอบไหล่ที่สั่นไหวเพราะแรงสะอื้นเอาไว้
“ทำไมนายไม่อธิบายให้พี่ปู่ฟังให้เข้าใจว่าเราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่เขาคิด” ศรัญย์ชยาถาม
“ผมไม่ชอบแก้ตัว”
“มันไม่ใช่การแก้ตัวนะ เห็นไหมมันเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ไหนนายบอกว่าจะไม่มีวันแต่งงานไง แล้วทำไมถึงยอมให้พี่ปู่บังคับได้”
“เขาไม่ได้บังคับ ผมเป็นคนบอกเขาเองว่าจะแต่งงานกับคุณ” เขาพูดจบ ศรัญย์ชยาก็หันมามองหน้าเขาอย่างงงวย
“อะไรนะ”
“ผมมาคิดดูแล้วมันก็ไม่ยุติธรรมกับคุณ ที่ผมเอ่อ... ลวนลามคุณไปสารพัด ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าคุณไม่ใช่คนที่รักสนุกหรือหวังในตัวผมเหมือนหลายๆ คนที่เข้ามา” เดรโกเองก็คิดได้ ตอนที่ ศรัญย์ชัยพูดกับเขาลับหลังศรัญย์ชยาว่า ถ้าหากเขามีน้องสาวที่ไม่เคยทำตัวเสียหายเลย แต่ดันใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้เป็นเขาเองจะทำอย่างไร ทำให้เขาคิดได้ว่าศรัญย์ชยาเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่า เกินกว่าที่จะมาทำเหมือนเป็นของเล่นแล้วทอดทิ้งไป
“แต่การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ เราไม่ได้รักกันแล้วมันจะไปรอดได้ยังไง ไม่ใช่เราจะรู้กันแค่สองคนนะ ไหนจะคนในสังคมอีก ถ้าหากวันนึงนายมาขอหย่าแล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ ที่ไหน”
“มันไม่มีวันนั้นหรอก” เดรโกพูดอย่างมั่นใจ เขาไม่คิดจะแต่งงานเป็นครั้งที่สองแน่
“หมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้เราอาจจะยังไม่ได้รักกันนะ แต่ผมว่าสักวันหนึ่งเราก็ต้องรักกันได้ล่ะน่า ตอนนี้ผมเองก็ชอบคุณอยู่มากๆ เลยนะ ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองไปนักผมคิดว่าคุณเองก็ต้องมีใจให้ผมบ้างล่ะ” เขาหยิกแก้มสวยเบาๆ อย่างหยอกเอิน
“ที่สำคัญผมเป็นคาทอลิคจะแต่งงานแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คุณนั่นแหละอย่าทิ้งผมแล้วกัน โอเค๊”
“แต่...”
“ยังมีอะไรอีก ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะ คุณยังมีปัญหาตรงไหนอีกหรือ” เขาถามงงๆ
“ไหน นายบอกว่าเมียนายต้องจูบเก่งไง ฉันจูบไม่เป็น” หลังจากที่พูดจบเดรโก อยากจะหัวเราะให้ดังๆ แต่ก็กลัวว่าอีกคนจะยิ่งงอนไปใหญ่แค่นี้ก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว
“เอาน่า กว่าจะแต่งจริง ผมคงสอนคุณจนจูบเก่งระดับเทพแล้วน่า แต่วันนี้เราจดทะเบียนกันก่อนนะ ให้พี่ชายคุณสบายใจไงว่าผมจะไม่หลอกแอ้มน้องสาวเขาฟรีๆ”
“บ้า” อีกคนว่าเขินๆ
“แต่ตอนนี้ ขอลองจูบมัดจำดูก่อนนะ” เขาว่าพร้อมกับ โน้มหน้าลงมาจุมพิตว่าที่เจ้าสาวที่เขายินยอมทิ้งชีวิตโสดเอาไว้ เพื่อรับผิดชอบศักดิ์ศรีของเธอ คงไม่เสียหลายเท่าไหร่หรอก เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกชอบทันทีที่เห็น แถมยังติดใจเอาไปเพ้อฝันตามทั้งคืนขนาดนี้ เมื่อเช้าที่ตื่นมาแล้วเห็นว่ามีเธอมานอนอยู่ข้างๆ ทำให้เขาอยากมีคนอยู่ข้างๆ ทุกเช้าอย่างนี้ตลอดไป ลาก่อนชีวิตโสด เขามอบจุมพิตหวามหวานให้กับคนในอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล ประหนึ่งเป็นคำสัญญาว่าในวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนจากคำว่าชอบให้เป็นรักแน่นอน
“คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วใช่ไหมย่า” ศรัญย์ชัยถามน้องสาวด้วยสายตาเรียบเฉย ทั้งๆ ที่ในใจเดือดปุดๆ ที่เปิดประตูเข้ามาเห็นฉากเลิฟซีนอีกรอบ แต่ก็ยังยั้งใจได้ไหว เพราะยังไงทั้งสองคนนี้ก็จะแต่งงานกันแล้ว เขาถอนหายใจพร้อมกับเอาเสื้อผ้าในมือไปวางไว้บนเตียง สายตาคมมองสองคนที่ผละออกจากกัน แต่เดรโกยังไม่คลายอ้อมแขนออก ส่วนศรัญย์ชยาก็ก้มหน้างุด เพราะไม่กล้าสู้หน้าพี่ชาย
“ผมเอาเสื้อผ้ามาให้ เพราะคิดว่าคุณคงไม่ใส่ชุดนอน ไปจดทะเบียนสมรสหรอก” ศรัญย์ชัยพูดแล้วเดินกลับออกไป พอศรัญย์ชัยเดินออกจากห้องเขาก็หอมแก้มนวลของคนในอ้อมกอดฟอดใหญ่
“การเริ่มต้นชีวิตคู่ของเรา อาจจะไม่สวยหรูเหมือนคู่อื่นๆ แต่ผมสัญญานะว่าวันต่อไปจะดีกว่านี้” เขาพูด สายตาจริงจังที่มองหญิงสาวอยู่นั้น ไม่เหลือคราบของคนกะล่อนจอมเจ้าชู้แม้แต่น้อย คงถึงเวลาที่เขาจะหยุดจริงๆ
“เหมือนฝันเลย” ศรัญย์ชยาเพ้อเบาๆ ไม่อยากเชื่อว่าอีกไม่กี่นาที ก็จะต้องจดทะเบียนสมรสกับคนที่ตัวเองชอบทันทีที่เห็นหน้า ทุกอย่างมันดูรวดเร็วราวกับอยู่ในความฝัน
“ไม่ฝันหรอกน่า ยัยบ๊อง” เขาแซวศรัญย์ชยาที่ทำท่าเคลิ้มฝัน ไม่ได้เคลิบเคลิ้มกับคำพูดหวานๆ ที่เขาเริ่มก่อนสักนิด เขาเองพูดมายังขำตัวเองเลยว่าเจ้าคารมมาจากไหน แต่คนฟังกลับไม่หวานตามเลย แต่ก็คงจะเป็นตัวตนแบบนี้สินะที่ทำให้เขารู้สึกว่าพิเศษกว่าใคร เขาผิวปากเบาๆ อย่างอารมณ์ดีแล้วถอดเสื้อและ กางเกงออกใส่ชุดใหม่ที่ศรัญย์ชัยนำมาให้
“ว้าย นี่นายไปเปลี่ยนในห้องน้ำสิ มาถอดตรงนี้ทำไมเล่า”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นี่เสร็จแล้ว ไปกัน” เขาจูงมือ ศรัญย์ชยาตามออกมานอกห้อง
“หน้าไม่อายเลย” ศรัญย์ชยาบ่นอุบอิบ เดินตามออกไปใบหน้าสวยแดงก่ำเดรโกเองเห็นยังอดส่ายหัวไม่ได้ แค่นี้ยังหน้าแดงถ้าเห็นมากกว่านี้คงไม่เป็นลมไปหรอกนะ