“มาทำไม”
โรสน้ำตาคลอทันทีเมื่อได้ยินไดม่อนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เธอ
“เมื่อคืนโรสขอโทษนะม่อน คือโรสต้อง…”
“กลับไปก่อนเถอะโรสตอนนี้ม่อนไม่พร้อมคุยจริงๆ”
พูดจบไดม่อนก็เดินเข้าไปในสนามฝึกทันทีทำเอาโรสได้แต่ยืนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเมื่อเขาไม่ยอมฟังเธออธิบายแถมยังทำตัวเย็นชาใส่เธออีก เมื่อไดม่อนไม่ยอมคุยด้วยโรสจึงเดินกลับบ้านใบหน้าซึมลงอย่างชัดเจน ทางด้านไดม่อนเมื่อเดินเข้ามาในสนามฝึกก็ถอนหายใจยาวเพราะตอนนี้เขาไม่พร้อมจะคุยกับเธอจริงๆ เพราะยังโกรธที่เธอไม่ยอมมาวันเกิดเขาแถมยังเห็นเธอจับมือกับผู้ชายคนอื่นขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาอีก ไดม่อนสลัดความคิดทิ้งแล้วเดินไปยังลานฝึกก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินพ่อของตัวเองคุยกับเพื่อนๆ ของเขาอยู่
“มึงจะบินไปอังกฤษวันนี้เลยใช่มั้ยไอ้แดน”
มาวินเอ่ยถามดินแดนเรื่องบินไปคุยงานที่ต่างประเทศ
“อืม บินหนึ่งทุ่ม”
ดินแดนตอบมาวินสั้นๆ
“มึงเอาน้องเมย์ไปด้วยมั้ยนิ หรือให้น้องเมย์อยู่เป็นเพื่อนไดม่อน”
ราเชนทร์ถามดินแดนอีกคน
“กูว่าจะให้อยู่เป็นเพื่อนลูก ดูไดม่อนคงจะยังไม่โอเคกับเรื่องเมื่อคืน”
ราเชนทร์พยักหน้าให้ดินแดนทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทางด้านไดม่อนเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อตัวเองก็เดินเข้าไปลานฝึกเพื่อไปต่อยกระสอบทรายการกระทำของไดม่อนทำเอาลูกน้องถึงกับยืนอึ้งเพราะเขานั่นเล่นต่อยกระสอบทรายจนพังไปหลายอัน
“นี่ขนาดคุณไดม่อนอายุแค่สิบสองยังแรงเยอะขนาดนี้ ถ้าโตไปจะขนาดไหนวะ”
ลูกน้องที่ดูแลสนามฝึกหันไปคุยกันทันทีเมื่อเห็นไดม่อนกระหน่ำต่อยกระสอบทรายไม่ยั้งเกือบชั่วโมง
“นั่นเดะมึง แถมสายตาของคุณไดม่อนตอนนี้โคตรน่ากลัว เห็นแล้วกูนึกถึงตอนที่คุณดินแดนจัดการคนที่ทำให้คุณเมย์เจ็บเลยว่ะ สายตาเหมือนกันเป๊ะ นี่ยังไม่รวมคุณอคินกับคุณรามินนะบอกเลยว่าคุณหนูทั้งสามของพวกเราโตขึ้นคงโหดน่าดู”
“จริง เชื้อนายของพวกเราแรงจริงๆ”
ลูกน้องที่ดูแลสนามฝึกยืนพูดคุยกันขณะที่มองไดม่อนต่อยกระสอบทราย ตอนนี้สายตาไดม่อนแผ่รังสีอำมหิตออกมาชัดเจนเพราะเขากำลังโกรธจนไม่มีใครกล้าไปคุยกับเขาสักคน ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงไดม่อนจึงหยุดแล้วกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพราะเหงื่อท่วมตัวจากการฝึก เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินตรงไปหาผู้เป็นพ่อที่ห้องทำงานของท่านทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผมเองนะครับพ่อ”
ไดม่อนเคาะประตูแล้วพูดขึ้น
“เข้ามาสิลูก”
เมื่อได้ยินคำอนุญาตไดม่อนก็เปิดประตูเข้าไปแล้วตรงไปหาพ่อที่โต๊ะทำงานทันที
“มีอะไรรึเปล่าลูก”
ดินแดนเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เมื่อเช้าผมไปสนามฝึกแล้วได้ยินว่าพ่อจะบินไปดูงานที่อังกฤษหรอครับ”
ไดม่อนถามผู้เป็นพ่อทันที
“ใช่ มีอะไรรึเปล่าลูก”
“พ่อไปกี่วันหรอครับ”
คำถามของลูกชายทำเอาดินแดนคิ้วขมวดด้วยความสงสัยแต่ก็ตอบลูกชายไปตามตรง
“พ่อไปสามวันน่ะ”
“ผมไปด้วยได้มั้ยครับ”
ดินแดนมองหน้าลูกชายทันทีเมื่อได้ยินคำขอของไดม่อน
“ลูกจะหนีหน้าหนูโรสใช่มั้ย ไดม่อนพ่อไม่เห็นด้วยนะ มีอะไรก็ไปคุยกันดีๆ อย่าทำแบบนี้”
ดินแดนพูดเตือนลูกชายทันที
“ผมรู้ครับพ่อ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมคุยจริงๆ ผมกลัวผมจะใช้อารมณ์กับโรส เมื่อเช้าผมเกือบจะคุมตัวเองไม่อยู่ ให้ผมไปเถอะนะครับพ่อ”
ไดม่อนเอ่ยขอร้องผู้เป็นพ่ออีกครั้ง จนดินแดนได้แต่ถอนหายใจใส่ลูกชาย
“ก็ได้ แต่กลับมาแล้วต้องไปคุยกับหนูโรสนะ ตกลงมั้ย”
“ตกลงครับ”
เมื่อพ่ออนุญาตไดม่อนก็ไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปกับพ่อโดยเมย์ก็ไม่ขัดอะไรเพราะเป็นความต้องการของลูกชาย จนถึงเวลาเดินทางดินแดนกับไดม่อนก็ออกเดินทางตามเวลาที่กำหนด เช้าวันต่อมาโรสเดินเข้ามาในบ้านเพื่อหวังจะคุยกับไดม่อนให้เข้าใจที่เมื่อวานเธอยอมกลับไปเพราะรู้ว่าไดม่อนกำลังโกรธเธอจึงอยากให้เขาอารมณ์เย็นก่อนเลยตัดสินใจมาคุยกับเขาวันนี้
“หนูโรส”
เมย์เรียกโรสทันทีเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในบ้าน
“น้าเมย์สวัสดีค่ะ”
โรสยกมือไหว้เมย์ทันทีเมื่อได้ยินท่านเรียกแล้วเดินไปหาเมย์ด้วยท่าทางนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะลูก มาแต่เช้ามีอะไรรึเปล่าจ้ะ มาหาไดม่อนหรอลูก”
เมย์เอ่ยถามโรสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่ได้มีท่าทีโกรธเธอเลยแม้แต่น้อยที่เธอทำให้ลูกชายเขาโกรธ
“ค่ะน้าเมย์ หนูอยากมาอธิบายเหตุผลที่ไม่ได้มาวันเกิดเค้าให้ม่อนฟังค่ะ”
โรสตอบเมย์ไปตามตรง
“ไดม่อนพึ่งบินไปอังกฤษกับพ่อเค้าเมื่อวานเองลูก”
คำพูดของเมย์ทำเอาโรสชะงักนิ่งทันทีเมื่อรู้ว่าเขาไม่อยู่
“ม่อนคงตั้งใจจะหนีหนูสินะคะน้าเมย์ งั้นหนูไม่รบกวนน้าเมย์แล้วค่ะ หนูขอตัวนะคะ”
โรสพูดขึ้นพร้อมกับหน้าเศร้าลงชัดเจน
“เดี๋ยวก่อนหนูโรส ช่วยเล่าให้น้าฟังได้มั้ยจ้ะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ได้ค่ะน้าเมย์”
“งั้นเราไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นดีกว่านะลูก”
“ค่ะ”
โรสเดินตามเมย์ไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นทันทีเมื่อตกลงกันได้
“เรื่องมันเป็นยังไงหรอหนูโรส ทำไมถึงไม่ได้มาวันเกิดไดม่อน”
เมย์เอ่ยถามโรสทันทีเมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้ว
“วันนั้นหนูอยู่บ้านคนเดียวค่ะพ่อกับแม่ท่านไปทำบุญที่วัดแล้วบอกจะทำความสะอาดที่วัดด้วยเพราะท่านมักจะทำแบบนี้เป็นประจำ ตอนที่หนูกำลังจะเตรียมตัวไปงานวันเกิดม่อน ดิวที่เป็นเด็กวัดที่พ่อกับแม่หนูชอบไปทำบุญก็ปั่นจักรยานมาบอกว่าแม่โรคหัวใจกำเริบแล้วพ่อกำลังพาไปโรงพยาบาล ตอนนั้นหนูตกใจมากเลยรีบโทรเรียกรถแท๊กซี่เพื่อไปหาแม่ที่โรงพยาบาลหนูกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ถ้าดิวไม่รีบดึงหนูขึ้นรถหนูคงทำตัวไม่ถูกแน่เพราะดิวบอกว่าเห็นแม่ล้มต่อหน้าต่อตาเลย หนูเลยไม่ได้มาบอกม่อนก่อนค่ะ หนูกลับจากโรงพยาบาลเมื่อวานก็รีบมาหาม่อนเลยแต่ม่อนคงกำลังโกรธเลยไม่ยอมคุยกับหนูค่ะ”
เมย์ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังเหตุผลของโรส เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจไปกับผู้ชายคนอื่นเหมือนที่ไดม่อนเข้าใจ
“แล้วแม่เป็นยังไงบ้างลูก”
เมย์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ดีขึ้นแล้วค่ะ หนูกลับมาเก็บของเพื่อจะไปเฝ้าท่านเพราะต้องนอนอีกหนึ่งคืน พ่อไม่อยากให้อยู่คนเดียวค่ะ”
โรสตอบกลับเมย์ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ดีแล้วลูก งั้นก็ไปดูแลแม่เถอะเดี๋ยวแม่จะโทรไปบอกกับไดม่อนให้”
“ไม่เป็นไรค่ะน้าเมย์ หนูรอม่อนกลับมาได้ค่ะ หนูอยากบอกม่อนด้วยตัวเอง แต่ว่าอันนี้หนูฝากวางไว้ในห้องม่อนได้มั้ยคะ มันเป็นของขวัญวันเกิดม่อนค่ะ”
โรสยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กให้เมย์ทันทีเพราะเธอตั้งใจจะเอามาให้เขา ตอนแรกเธอกะจะรอให้ด้วยตัวเองแต่เพราะอะไรไม่รู้เธอจึงเปลี่ยนใจฝากไว้กับแม่เขาแทน
“ได้จ้ะลูก”
เมย์รับกล่องของขวัญมาพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ
“งั้นหนูลานะคะน้าเมย์ สวัสดีค่ะ”
เมื่อเห็นเมย์พยักหน้าตอบโรสก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้านแล้วไปเก็บของไปโรงพยาบาลทันที
วันต่อมาในช่วงบ่ายขณะที่ดินแดนกำลังนั่งกินข้าวกับไดม่อนที่อังกฤษก็มีสายเรียกเข้าของเมย์โทรหาเขาดินแดนจึงกดรับสายแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนให้ไดม่อนฟังด้วยเพราะส่วนมากเธอมักจะคุยกับลูกชายมากกว่า
(บี๋คะ คุยงานเสร็จยังคะ รีบกลับมาได้มั้ย)
เมย์พูดขึ้นทันทีเมื่อดินแดนรับสายแล้ว
“คุยเสร็จแล้วครับ มีอะไรหรอครับบี๋ทำไมทำเสียงร้อนรนขนาดนั้นครับ”
ดินแดนเอ่ยถามเมย์ด้วยความสงสัยพร้อมกับไดม่อนที่หยุดกินข้าวแล้วตั้งใจฟังเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของแม่ตัวเอง
“บี๋คะ รถครอบครัวของหนูโรสเกิดอุบัติเหตุจนตกน้ำค่ะ ตอนนี้ยังหาคนไม่เจอเลยบี๋ บี๋เปิดสปีคเกอร์โฟนมั้ยลูกได้ยินด้วยรึเปล่าคะ”
ไดม่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของแม่ตัวเอง รีบมองหน้าพ่ออย่างร้อนรนเพราะอยากกลับไทยแล้ว
“เดี๋ยวพี่จะจองเที่ยวบินที่เร็วที่สุด บี๋ให้ไอ้วินกับไอ้เชนทร์ส่งคนไปช่วยตามหานะ”
“ค่ะบี๋”
เมย์วางสายทันทีเมื่อคุยกันเสร็จแล้ว ทางด้านดินแดนก็รีบจองเที่ยวบินกลับไทยด่วนทันทีทำเอาไดม่อนถึงกับนั่งไม่ติดเพราะเที่ยวบินเร็วสุดคือบ่ายสามกว่าจะถึงก็เกือบเช้าเพราะเดินทางเกือบสิบสองชั่วโมง ดินแดนและไดม่อนมาถึงไทยเกือบตีสี่เมื่อมาถึงไทยไดม่อนก็ให้พ่อรีบพาไปที่เกิดเหตุพอดี เมื่อมาถึงแล้วไดม่อนก็ชะงักนิ่งใจกระตุกวูบเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เอาผ้าคลุมร่างที่ไร้วิญญาณอยู่สองคน
“ไดม่อน”
ดินแดนรีบเรียกสติลูกชายทันทีเมื่อเห็นไดม่อนยืนชะงักค้างอยู่กับที่แววตาหวั่นกลัวเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เมื่อได้ยินพ่อเรียกตัวเองไดม่อนก็ได้สติแล้วรีบวิ่งไปหาราเชนทร์ที่กำลังยืนอยู่ใกล้ศพนั้นทันที
“พ่อเชนทร์ครับ โรสล่ะครับเธอยังไม่ตายใช่ครับพ่อเชนทร์ โรสอยู่ไหนครับ”
ไดม่อนเอ่ยถามหาโรสทันทีเมื่อเห็นแค่ศพพ่อกับแม่ของเธอแต่ยังไม่เห็นเธอ รู้สึกโล่งอกทันทีเมื่อไม่เห็นเธอนอนคลุมผ้าเหมือนพ่อแม่ของเธอ แต่ก็รู้สึกโล่งอกได้ไม่นานเมื่อได้ยินคำพูดของราเชนทร์
“ไดม่อนลูก ใจเย็นๆ นะ ตอนนี้ยังหาหนูโรสไม่เจอเลยไม่รู้ว่าโดนกระแสน้ำพัดไปไกลแค่ไหนที่เจอพ่อกับแม่หนูโรสเพราะร่างของพวกเค้าติดอยู่กับท่อนไม้ แต่ไม่เจอหนูโรสเลยพ่อว่าไดม่อนต้องทำใจไว้ด้วยนะลูก”
ราเชนทร์พูดกับไดม่อนไปตามตรงรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าช็อคของไดม่อน
“ไม่ครับ ตราบใดที่ยังหาโรสไม่เจอแสดงว่าเธอยังไม่ตาย”
พูดจบไดม่อนก็รีบไปเกาะสะพานหวังจะกระโดดลงน้ำไปตามหาเธอแต่โดนมาวินคว้าตัวไว้ก่อนเพราะเขาอยู่ใกล้ที่สุด การกระทำของไดม่อนทำเอาพ่อๆ ทั้งสามตกใจทันทีเพราะไม่คิดว่าไดม่อนจะกล้าทำแบบนี้
“ปล่อยผมครับลุงวิน ผมจะไปตามหาโรส”
“ไดม่อนมีสติหน่อยสิ เจ้าหน้าที่กำลังตามหาให้อยู่”
มาวินพูดเตือนสติไดม่อนทันทีขณะที่ยังกอดเขาไว้อยู่จนไดม่อนทรุดตัวคุกเข่าลงอย่างคนหมดแรง น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อายใคร
“โรสสส ได้ยินม่อนมั้ย กลับมาหาม่อนนะโรส กลับมานะโรส ฮึก กลับมาหาม่อนได้มั้ย ฮึก ม่อนขอโทษ ม่อนผิดไปแล้ว”
ไดม่อนตะโกนเรียกโรสเหมือนคนขาดสติจนกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดทำเอาดินแดน มาวินและราเชนทร์ต่างก็ยืนมองไดม่อนด้วยความเป็นห่วง ผ่านไปสามวันก็ยังไม่เจอร่างของโรสทุกคนต่างก็บอกให้ไดม่อนทำใจแต่เขายังปักใจเชื่อว่าตราบใดที่หาร่างเธอไม่เจอแสดงว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
“ไดม่อนลูก”
ขณะที่ไดม่อนกำลังนั่งอยู่หลังบ้านที่ประจำที่เขาและโรสด้วยใบหน้าซึมเพราะยังหาเธอไม่เจอ เมย์ก็เดินมานั่งข้างๆ ลูกชายตัวเองทันที
“นี่ของขวัญวันเกิดที่หนูโรสฝากไว้ให้ลูกก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ”
เมย์ยื่นกล่องของขวัญให้ไดม่อนพร้อมกับเล่าเรื่องราวในวันนั้นให้ไดม่อนฟังจนเขาเบิกตากว้างน้ำตาคลอเบ้าทันทีเมื่อเข้าใจเธอผิดมาตลอดได้แต่นั่งร้องไห้กำของขวัญไว้แน่นด้วยความเจ็บปวดตอนนี้เขาทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่เอาความโกรธครอบงำโดยไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอเลยสักนิดทำเอาเมย์ได้แต่กอดปลอบใจลูกชายตัวเองพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความสงสาร