เช้าวันต่อมาไดม่อนเดินออกจากห้องด้วยเสื้อช้อปสีแดงของคณะวิศวะลงมายังข้างล่างเพื่อเตรียมตัวไปเรียน
“กินข้าวก่อนมั้ยลูก”
เมย์เอ่ยถามลูกชายทันทีเมื่อเห็นลูกชายเดินลงมาแล้ว
“ไม่ดีกว่าครับแม่ วันนี้ผมสายแล้วเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน เดี๋ยววันเสาร์ผมมาหานะครับ ฟอดด สวัสดีครับแม่”
พูดจบไดม่อนก็หอมแก้มแม่ตัวเองหนึ่งครั้งแล้วแล้วยกมือไหว้ท่าน เมื่อผู้เป็นแม่พยักหน้าตอบไดม่อนก็เดินออกจากบ้านขับรถสปอร์ตหรูสีดำคู่ใจออกจากบ้านทันที เมื่อไดม่อนมาถึงมหาลัยแล้วก็ตรงไปยังตึกคณะของตัวเอง
“ทางนี้ไอ้ม่อน”
ไดม่อนหันไปตามเสียงเรียกของเจไดเพื่อนสนิทในห้องของเขา เนื่องจากเจไดเป็นคนเก็บตัวเหมือนไดม่อนจึงทำให้ทั้งสองคบกันแค่สองคนเท่านั้น
“มึงมานั่งอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ขึ้นเรียน”
ไดม่อนเอ่ยถามเจไดทันทีเพราะอีกไม่กี่นาทีก็เป็นเวลาเรียนแล้ว
“มึงก็กรุณาอ่านแชทห้องบ้างสิครับ อาจารย์ที่สอนชั่วโมงแรกยกคลาสเรียนแล้ว”
ไดม่อนหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมาดูแชทกลุ่มของห้องทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเจไดก็เห็นอาจารย์แจ้งว่ายกคลาสจริงๆ ได้แต่ทำหน้าเซ็งเพราะตัวเองรีบขับรถมาเรียนเพราะกลัวสาย
“มึงจะไปไหนไอ้ม่อน”
เจไดเอ่ยถามไดม่อนทันทีเมื่อเห็นไดม่อนตั้งท่าจะเดินไป
“ไปหาที่เงียบๆ อยู่”
พูดจบไดม่อนก็เดินไปยังหลังตึกคณะตัวเองที่มีม้านั่งให้นักศึกษา ด้วยความที่หลังตึกวิศวะนั้นอยู่ติดกับป่าหลังมหาลัยเลยไม่ค่อยมีใครมานั่งเล่นสักเท่าไหร่จึงเป็นที่ประจำของไดม่อนเพราะมันเงียบสงบไม่มีเสียงดังรบกวนเพราะไดม่อนไม่ค่อยชอบอยู่สถานที่ที่คนเยอะโดยมีเจไดมานั่งด้วยประจำเพราะรายนั้นก็รักความสงบไม่ต่างจากไดม่อน เมื่อมาถึงหลังตึกแล้วไดม่อนก็ใส่หูฟังนั่งฟังเพลงแล้วนั่งมองผืนป่าตรงหน้าเงียบๆ ในใจก็คิดถึงรอยยิ้มของโรสเพราะตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่บ้านมาสิ่งที่ทำให้เขาสงบใจลงได้บ้างก็คือการนึกถึงรอยยิ้มของเธอ อีกด้านหนึ่งที่ห้องสมุดของมหาลัยก็มีสาวสวยหน้าหวานวัยยี่สิบปีคนหนึ่งกำลังจัดหนังสือเข้าชั้นอย่างตั้งใจ
“น้องโรส”
โรสชะงักหยุดจัดหนังสือทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเค้กพี่สาวคนสวยที่เจอกันกับเธอเมื่อเดือนก่อนแล้วก็สนิทกับเค้กมาตั้งแต่ตอนนั้นเพราะเมื่อไหร่ที่เค้กมาห้องสมุดก็มักจะมานั่งคุยกับโรสเสมอจนเค้กขอช่องทางติดต่อกับเธอแต่โรสให้แค่เบอร์โทรมาเท่านั้นเพราะเธอบอกไม่เล่นโซเชียลทำเอาเค้กถึงกับตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนไม่เล่นโซเชียลจริงๆ
“เอ้า! พี่เค้ก สวัสดีค่ะ มายืมหนังสือหรอคะ”
โรสรีบเดินไปยกมือไหว้ทักทายเค้กอย่างนอบน้อมจนเค้กนั้นยิ้มเอ็นดูกับนิสัยอ่อนน้อมของเธอ
“วันนี้พี่มาอ่านหนังสือรอแฟนจ้ะ พอดีแฟนพี่เลิกเรียนช้า”
เค้กตอบกลับโรสด้วยรอยยิ้ม
“แหม น่ารักจังเลยนะคะ มีมานั่งรอแฟนด้วย”
โรสพูดแซวเค้กด้วยท่าทางเป็นกันเองเพราะทั้งเธอและเค้กก็ต่างถูกชะตากันเหมือนรู้จักกันมานานแล้ว
“อย่ามาแซวพี่ ทำอย่างกับตัวเองไม่มีแฟนยังงั้นล่ะ”
เค้กพูดแซวโรสกลับด้วยท่าทางเล่นๆ
“ก็หนูไม่มีแฟนนิคะพี่”
“ห๊ะ! จริงอะ สวยๆ อย่างน้องโรสเนี่ยนะไม่มีแฟน อย่ามาอำพี่เล่นนะ”
เค้กเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะเธอไม่เชื่อว่าคนสวยๆ อย่างโรสจะไม่มีแฟนจริงๆ
“ไม่มีจริงๆ ค่ะ โสดสนิทเลย”
โรสตอบกลับเค้กด้วยรอยยิ้ม
“แล้วมีคนมาจีบมั้ย”
เค้กเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ก็มีค่ะ ตั้งแต่มาเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ก็มีหนุ่มๆ นักศึกมาจีบแต่หนูไม่ชอบก็เลยปฏิเสธไปตรงๆ เลย”
โรสตอบเค้กไปตามตรงโดยไม่ปิดบัง
“ทำไมหรอ หรือยังไม่เจอคนที่ใช่”
เค้กยังถามโรสต่อด้วยความอยากรู้
“คงงั้นมั้งคะ บางทีหนูก็รู้สึกเหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ เวลาพยายามนึกทีไรก็ชอบปวดหัวทุกทีเลย”
“น้องโรสเคยเสียความทรงจำหรอคะ ขอโทษนะที่พี่ถามแบบนี้ พอดีพี่ฟังจากน้องพูดแล้วอาการมันเหมือนอะ”
เค้กเอ่ยถามโรสไปตรงๆ ด้วยความสงสัย
“ค่ะ หนูจำเรื่องราวช่วงก่อนอายุสิบสามปีไม่ได้ค่ะ เพราะยายบอกว่าหนูเกิดอุบัติเหตุช่วงนั้นเลยทำให้จำเรื่องราวตัวเองตอนเด็กไม่ได้ค่ะ ตื่นมาก็จำได้แค่ชื่อเล่นกับวันเกิดตัวเองเท่านั้นชื่อจริงยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชื่ออะไร”
โรสเล่าให้เค้กฟังโดยไม่ปิดบัง ส่วนเค้กก็ยืนฟังเธออย่างตั้งใจ
“แสดงว่าตอนนั้นน้องโรสต้องมีคนในใจแล้วแน่ๆ เลย ขนาดเสียความทรงจำยังมีความรู้สึกคิดถึงคนนั้นอยู่”
เค้กออกความเห็นขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังที่โรสพูด
“ตอนนั้นหนูแค่สิบสามปีเองนะคะพี่เค้ก ถ้ามีคนที่ชอบตอนนั้นหนูคงเป็นเด็กแก่แดดน่าดู”
“ฮ่าๆ ก็ว่าไป ในตอนนั้นเราอาจจะชอบหรือสนิทกับคนนั้นแบบเพื่อนก็ได้แบบว่าสนิทเป็นพิเศษก็ได้ไง”
เค้กพูดขึ้นกับโรสด้วยรอยยิ้มจนโรสนั้นยิ้มตามเธอ
“คงจะเป็นแบบที่พี่เค้กพูดค่ะ เอ๊ะ! พี่เค้กทำเล็บมาหรอคะ สวยจังค่ะ”
โรสพูดขึ้นแววตาลุกวาวเมื่อเห็นสีแดงบนเล็บนิ้วมือของเค้ก เพราะเป็นสีที่เธอชอบ
“สวยจริงๆ ใช่มั้ย ตอนแรกพี่กังวลมากเลยกลัวสีมันแรงไป”
เค้กพูดขึ้นพร้อมชูเล็บขึ้นมาให้โรสดูชัดๆ
“สีไม่แรงเลยค่ะพี่เค้ก สวยมากเลย ว่าแต่ทำไมพี่เค้กทำเล็บหรอคะ ตั้งแต่รู้จักกับพี่มาถึงพี่จะเป็นคนชอบแต่งตัวแต่ไม่เคยเห็นพี่ทำสีเล็บสักทีเลยค่ะ”
โรสเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“งืออ ทำไมเป็นคนช่างสังเกตแบบนี้ น่ารักนะเรานิ แม่แฟนพี่พาไปทำจ้ะพอดีคืนนี้พี่ต้องไปงานเลี้ยงกับครอบครัวแฟนน่ะท่านเลยพาไปเสริมสวย”
เค้กตอบโรสด้วยรอยยิ้ม
“พี่เค้กโชคดีจังค่ะ แม่แฟนคงจะเอ็นดูพี่มาก”
“ใช่จ้ะ พี่โชคดีมากเลยที่ครอบครัวแฟนทั้งรักทั้งเอ็นดูพี่”
“น้องโรสจ้ะ มาช่วยพี่เช็คหนังสือเข้าใหม่หน่อยได้มั้ยคะ”
ขณะที่เค้กและโรสกำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกของกานตาบรรณารักษ์ที่โรสเป็นผู้ช่วยเรียกขอความช่วยเหลือจากเธอ
“ค่าพี่กานตา งั้นเดี๋ยวโรสขอตัวไปทำงานก่อนนะคะพี่เค้ก ไว้เจอกันใหม่นะคะพี่เค้ก”
“จ้ะ”
โรสรีบเดินไปช่วยงานกานตาทันทีเมื่อเค้กตอบเธอแล้ว
“ทั้งสวย นิสัยดี แถมขยันแบบนี้ ใครกันจะเป็นผู้โชคดีได้ครอบครองหัวใจน้องโรส”
เค้กพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นโรสเดินไปแล้ว ที่เธอรู้ว่าโรสเป็นคนขยันเพราะเวลาเธอชวนไปเที่ยวทีไรโรสมักจะบอกว่าต้องทำงานเสริมเพราะต้องหาเงินดูแลยาย ยิ่งทำให้เธอทั้งรักทั้งเอ็นดูโรสมากกว่าเดิมเพราะนิสัยของเธอ หลังจากแยกกันกับโรสเค้กก็นั่งอ่านหนังสือสักพักรามินก็โทรมาว่าเลิกเรียนแล้วเธอจึงออกจากห้องสมุดไปหารามินเพื่อไปเตรียมตัวในการไปงานเลี้ยงคืนนี้ ทางด้านโรสเมื่อทำงานที่ห้องสมุดมหาลัยเสร็จก็มารอรถเมย์เพื่อไปทำงานต่อ ขณะที่รอรถเมล์โรสก็หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าผ้าของเธอโทรหายายตัวเองทันที สักพักยายก็รับสาย
(ว่าไงลูก เลิกงานที่ห้องสมุดแล้วหรอ)
“เลิกแล้วค่ะยาย หนูแค่จะโทรมาบอกยายว่าวันนี้อาจจะกลับดึกกว่าปกตินะคะ พอดีพี่ที่เป็นเด็กเสิร์ฟเค้าชวนไปรับงานเสริมเป็นเด็กล้างจานที่งานเลี้ยงค่ะ ยายไม่ต้องรอหนูนะคะ นอนก่อนได้เลย”
(เหนื่อยมั้ยลูก ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้นะยายเป็นห่วง)
โรสยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงห่วงใยของยายตัวเอง
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ ยายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ รถเมล์มาแล้วแค่นี้ก่อนนะคะยาย”
โรสกดวางสายแล้วรีบขึ้นรถเมล์ทันที เธออาศัยอยู่กับยายบัวสองคนที่ห้องเช่าในสลัมเพราะฐานะของยายเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไรตอนเด็กๆ ยายจะทำขนมไทยขายเพื่อเลี้ยงดูเธอแต่พอเธอเรียนจบมอหกเธอก็ตัดสินใจยังไม่เรียนต่อเพราะตอนนั้นยายเกิดป่วยหนักแล้วต้องหาเงินจำนวนมากมารักษา โรสจึงพยายามหางานทำเพื่อหาเงินมารักษายายแต่ด้วยละแวกใกล้ๆ ไม่ได้มีงานโรงงานให้ทำ เธอจึงสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารต่างๆ แต่เงินค่าจ้างก็ไม่พอสำหรับค่ารักษาโรสจึงตัดสินใจไปกู้เงินกับเสี่ยองอาจที่เป็นเจ้าถิ่นในสลัมที่เธออยู่ ด้วยความที่เสี่ยองอาจนั้นถูกใจหน้าสวยหวานของเธอจึงยอมให้เธอกู้เงินง่ายๆ เพราะหวังจะเอากำไลคืนทีหลังอย่างเจ้าเล่ห์นั่นจึงเป็นสาเหตุให้โรสต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาคืนเจ้าหนี้ของเธอ วันนี้เธอรับงานพิเศษมาล้างจานที่งานเลี้ยงที่บริษัทใหญ่ในกรุงเทพเพราะค่าจ้างนั้นเยอะเป็นพิเศษเธอจึงรับงานทันที ช่วงเย็นของวันไดม่อนและพ่อแม่ของเขาก็เดินทางมาถึงงานเลี้ยงบริษัทของตัวเองโดยวันนี้ไดม่อนมาในชุดสูทสีดำดูหล่อเหล่าเดินตามหลังพ่อกับแม่ตัวเองเข้างาน
“ให้หนูช่วยมั้ยคะ”
ไดม่อนหยุดเดินทันทีเมื่อได้ยินเสียงแว่วที่คุ้นหูแล้วหันไปมองก็เห็นเป็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถือของเข้าไปในโซนครัว เขาไม่รอช้ารีบเดินตามผู้หญิงคนนั้นไปทันที
“ไดม่อนจะไปไหนลูก”
เมย์ตะโกนถามไดม่อนแต่ไดม่อนก็ไม่หยุดเดิน ทั้งดินแดนและเมย์จึงรีบเดินตามลูกชายตัวเองไปทันที ทางด้านไดม่อนเมื่อเดินมาถึงโซนห้องครัวก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องครัวทำเอาคนในครัวถึงกับตกใจเพราะไม่คิดว่าลูกชายของเจ้าของบริษัทจะเดินเข้ามา
“คุณไดม่อนมีอะไรรึเปล่าครับ”
หัวหน้าเชฟที่ได้รับหน้าที่ให้มาดูแลอาหารในงานเลี้ยงเอ่ยถามไดม่อนด้วยน้ำเสียงสุภาพเพราะบริษัทนี้ใช้บริการร้านอาหารเขามาตลอดจึงทำให้เขารู้จักกับไดม่อนและเจ้าของบริษัททุกคน ส่วนไดม่อนก็กวาดสายตามองหาคนที่เขาตามหาทั่วห้องครัวโดยไม่ตอบหัวหน้าเชฟทำเอาหัวหน้าเชฟถึงกับยืนงงกับการกระทำของเขา เมื่อมองจนทั่วแล้วร่างสูงก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างผิดหวังแล้วหันไปมองหัวหน้าเชฟทันที
“ไม่มีอะไรครับ พวกคุณทำงานต่อเถอะ”
พูดจบไดม่อนก็เดินออกจากห้องครัวทันทีก็เห็นพ่อกับแม่เขากำลังเดินมาหาเขา
“เกิดอะไรขึ้นลูก หรือว่าลูกเจอหนูโรส”
เมย์เอ่ยถามลูกชายด้วยท่าทางตื่นเต้น แต่ก็เปลี่ยนสีหน้ามาห่วงลูกชายทันที เมื่อเห็นไดม่อนส่ายหน้าให้เธอ
“ผมคงหูแว่วไปเองครับแม่ เข้าไปในงานกันเถอะครับ”
ทั้งดินแดนและเมย์ก็พยักหน้าตอบลูกชายโดยไม่ถามอะไรต่อเพราะไม่อยากให้ลูกชายเครียดไปมากกว่านี้ เมย์จึงเดินไปคล้องแขนไดม่อนแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้เขาจนไดม่อนก็ยิ้มตอบผู้เป็นแม่เป็นการสื่อว่าเขาไม่เป็นอะไรจากนั้นทั้งสามก็เดินเข้าไปในงานทันที
“คุณไดม่อนมาทำอะไรอะหัวหน้า เหมือนกำลังหาใครอยู่ยังงั้นล่ะ”
“นั่นสิ อยู่ดีๆ ก็เข้ามา แล้วก็ออกไปโดยไม่บอกอะไรเลยสักนิด เอาล่ะๆ เลิกคุยเรื่องเจ้านายแยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”
ขณะที่โรสเดินเข้ามาในครัวเพื่อจะเอาจานไปล้างเพิ่มที่ด้านหลังเพราะโซนล้างจานจะอยู่โซนนอกของห้องครัวก็ได้ยินหัวหน้าเชฟและลูกน้องคุยกันแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากรีบเอาจานไปล้างต่อทันที กว่าจะเสร็จงานก็ดึกหลังจากรับเงินค่าจ้างเสร็จโรสก็นั่งแท๊กซี่กลับบ้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเองเพราะรถเมล์ไม่มีแล้ว