ในที่สุดวันที่ลูกแพรรอคอยก็มาถึง เธอเรียนจบแล้วและกำลังเตรียมตัวจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ จะได้อยู่ใกล้ๆ เขาคนนั้น คนที่หล่อนฝันถึงทุกวันทุกคืนด้วยความคิดถึงคะนึงหา ตลอดเวลาห้าเดือนที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่คิดถึงเขา
ทุกๆ วัน หญิงสาวจะคอยโทรถามข่าวของโจนาธานผ่านทางป้านิ่ม ป้าผ่องและเหมียวไม่เคยขาด ลูกแพรจะคอยถามตลอดว่าวันนี้เขากลับบ้านไหม พาสาวๆ มาที่บ้านบ้างหรือเปล่า ถามว่าเขากินข้าวกับอะไร อาบน้ำหรือยัง หลับหรือยัง แล้วตื่นกี่โมง และเขากำลังทำอะไรอยู่ สรุปแล้วเธอถามทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนักร้องซูเปอร์สตาร์ในดวงใจของเธอ
ข้อมูลของนักร้องหนุ่มถูกบันทึกไว้ในไดอารี่เล่มเล็กทุกฉากทุกตอน และเฝ้ารอคอยวันที่จะได้เจอกับเขา และวันที่จะได้พบหน้าก็กำลังจะมาถึงแล้ว สาวน้อยตื่นเต้นจนไม่เป็นอันกินอันนอน เมื่อใกล้วันที่เธอจะได้ลงไปกรุงเทพมหานคร
ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!
ลูกแพรรีบรับโทรศัพท์ เมื่อรู้ว่าใครโทรมา
“ว่าไงเหมียว มีข่าวคืบหน้าอะไรบ้าง” เสียงของคนรับโทรศัพท์ฟังดูก็รู้ว่ากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน เพราะรู้ว่าที่เหมียวโทรมาก็เพราะมีรายงานข่าวล่าสุดของโจนาธานมาเล่าให้เธอฟัง
“เหมียวมีข่าวดีจะบอกแพร ตอนนี้คุณโจเขากำลังเปิดรับเลขาส่วนตัว แพรสนใจอยากจะมาเป็นเลขาส่วนตัวของคุณโจเขามั้ย”
“อยากสิ อยากมากเลย ฉันจะไปสมัครเป็นคนแรกเลยนะเหมียว” สาวน้อยตอบโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แม้ว่าสาขาที่หล่อนเรียนมาไม่ตรงกับงานที่อยากจะทำเลยสักนิด
“ใจเย็นๆ เพื่อน เขามีคุณสมบัติของผู้สมัครตั้งหลายข้อเต็มหน้ากระดาษเอสี่เลยนะ เนี่ยคุณโจเขาเอามาให้เหมียวอ่านเล่นแผ่นหนึ่ง อยากฟังมั้ยล่ะ”
“อยากสิ อ่านให้ฟังหน่อยเร็ว”
แล้วเหมียวก็อ่านคุณสมบัติของเลขาส่วนตัวของนักร้องหนุ่มให้ลูกแพรฟังดังนี้
คุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครเป็นเลขาส่วนตัว มีดังต่อไปนี้
“ข้อที่ 1.ต้องจบการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรี”
“ข้อนี้แพรมีอยู่แล้ว”
“ข้อที่ 2.ต้องเป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 22-26 ปี
“แพร 22 พอดีเลย”
“ข้อที่ 3.ต้องเป็นคนผิวขาว น้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัม ส่วนสูง อยู่ระหว่าง 160-170 เซนติเมตร”
“ข้อนี้แพรก็ผ่าน”
“ข้อที่ 4.สามารถพูดฟังอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดีถึงดีมาก ได้ภาษาเกาหลีญี่ปุ่นด้วยจะพิจารณาเป็นพิเศษ”
“อืม...ภาษาแพรก็ใช้ได้นะ น่าจะผ่าน”
“ข้อที่ 5.ต้องสามารถใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี”
“ง่ายๆ กล้วยๆ ทำได้สบายอยู่แล้ว”
“ข้อที่ 6.หน้าตาดีแต่งตัวเป็น ผมยาวสลวย มีมนุษยสัมพันธ์ดี สามารถเข้ากับทุกคนได้ และรองรับอารมณ์ของเขาได้ทุกสถานการณ์”
“ข้อนี้ฟังดูแปลกๆ นะ แต่ก็โอเค...ผ่านจ้ะ” หญิงสาวพิจารณาตัวเองเรียบร้อย ชนิดที่เข้าข้างตนเองสุดๆ
“ข้อที่ 7.มีความมั่นใจในตนเอง มีไหวพริบดี และสามารถตัดสินใจแทนเจ้านายได้ในบางเรื่องที่เห็นว่าสมควร”
“อืม ไม่มีปัญหาจ้ะ แพรทำได้แน่นอน” น้ำเสียงของสาวน้อยฟังดูท่าทางมั่นใจมาก เพราะผู้หญิงอย่างลูกแพรมั่นอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยได้ยังไงถ้าไม่มั่นไม่สวยพอ
“ข้อที่ 8.ไม่มีโรคประจำตัว ไม่เมารถ ไม่เมาเรือ และไม่เมาเครื่องบิน”
“สาวสวยอย่างลูกแพร เมาอยู่อย่างเดียวจ้ะ คือเมารัก ฮ่าๆ ๆ”
“แหม ข้อนี้ตอบได้น่าหมั่นไส้จริงนะลูกแพร”
“อ้าว ก็มันจริงนี่นา”
“ข้อต่อไปข้อที่ 9.สามารถนอนค้างอ้างแรมด้วยกันได้ในกรณีที่จำเป็น เหมียวว่าข้อนี้คงไม่ต้องถามหรอกนะว่าสามารถหรือเปล่า” คนอ่านให้ฟังกระเซ้าแหย่เพื่อนซี้อย่างรู้ทัน ทำให้ลูกแพรหัวเราะเสียงดังสดใสอย่างชอบใจ
“เหลืออีกกี่ข้อเนี่ย” ลูกแพรถามเมื่อรู้สึกว่าคุณสมบัติของผู้สมัครชักจะเยอะมากเกินไปแล้ว
“สองข้อจ้ะ คุณสมบัติข้อที่ 10.ต้องโสดสนิท ไม่มีลูกติด ถ้าบริสุทธิ์ด้วยจะรับพิจารณาเป็นพิเศษ”
“โอ้โฮ คุณสมบัติข้อนี้มีไว้เพื่ออะไรเนี่ย เขาคิดอะไรของเขา หรือว่าเขาจะเอาเลขาส่วนตัวทำเมียด้วยเหรอ ตายแล้ว! แพรจะช้าไม่ได้แล้วละ ต้องรีบไปสมัครเป็นคนแรกเลย เดี๋ยวโดนคนอื่นตัดหน้าละแย่เลย แพรไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
“ว่าแต่แพรมีคุณสมบัติข้อที่สิบนี่ด้วยเหรอ สวยๆ อย่างแพรไม่น่าจะโสดนะ แล้วบริสุทธิ์หรือเปล่าจ๊ะเพื่อนรัก” เหมียวแกล้งแซวเพื่อนซี้ของตัวเองเล่นอย่างอารมณ์ดี...
ก็เหตุการณ์เมื่อตอนนั้นเหมียวยังจำได้ว่า ลูกแพรติดอยู่ในห้องกับนักร้องหนุ่มตั้งนานสองนาน ไม่รู้ว่ามีอะไรกันแล้วหรือเปล่า
“แหม ไม่ต้องมาแซวเค้าเลย คุณสมบัติข้อเนี่ย...แพรขอไปตอบกับคนสัมภาษณ์ตัวต่อตัวตัวดีกว่า เขาจะได้รู้ไง...ว่ายังบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า”
“ยัยแพรบ้า ลามก แก่แดดมากไปแล้วนะยะ” เหมียวแกล้งว่าเพื่อนซี้ที่แสนจะแก่แดดแก่ลมอย่างลูกแพรขำๆ เพราะมีหลายครั้งที่ลูกแพรมักจะวาดสวรรค์วิมานในอากาศของตัวเองกับนักร้องหนุ่มให้เหมียวฟัง จนเหมียวถึงกับบอกว่าลูกแพรบ้าลามกตั้งหลายครั้ง
“ฮ่าๆ ขอบคุณที่ชม”
“ทีนี้ข้อสุดท้ายแล้ว” เหมียวกำลังคิดหนักว่าข้อนี้ ลูกแพรจะสอบผ่านหรือเปล่า
“ว่ามา เร็วเข้า” ยิ่งเหมียวพูดกับเธอแบบนั้นสาวน้อยยิ่งอยากจะรู้
“คุณสมสมบัติข้อสุดท้าย ห้ามรักนายจ้าง!”
ลูกแพรมีสีหน้าหม่นลงทันทีเมื่อได้ฟังคุณสมบัติข้อสุดท้าย แต่ก็พยายามโกหกตัวเองว่าเธอไม่ได้รักเขาหรอก ก็แค่คลั่งไคล้นักร้องหนุ่มเฉยๆ
“แค่นี้ก่อนนะ ป้าผ่องแกเรียกแล้ว”
“เออ ขอบใจนะเหมียว”
“จ้ะ บ๊ายบาย”
“บายจ้า”
พอวางสายจากเหมียว ลูกแพรก็เดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาจากใต้เตียงทันที แล้วจัดเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นใส่กระเป๋า เพื่อจะเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครในวันพรุ่งนี้จากแผนเดิมคือวันมะรืน นั่นเป็นเพราะสาวน้อยกลัวว่าจะมีสาวๆ คนอื่นชิงตัดหน้าตำแหน่งว่าที่เลขาฯ ของเธอไปเสียก่อน
ที่บ้านหลังใหญ่ของคุณนายอรวี
สาวน้อยรูปร่างเพรียวบางในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูหวานแหววกับกางเกงยีนขายาวสีซีดๆ ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ในมือก็ถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซึ่งท่าทางจะหนักเอาการ เพราะข้างในนั้นมันเต็มไปด้วยของฝากจากบ้านมากมายที่หญิงสาวแวะซื้อติดไม้ติดมือมาด้วยในระหว่างทางที่นั่งรถทัวร์ปรับอากาศมา
นิ้วเรียวยื่นไปกดกริ่งประตูรั้วหน้าบ้านหลังงามสีขาวหนึ่งครั้ง ดวงตากลมโตสอดส่ายมองหาใครบางคนที่จะมาเปิดประตูให้อย่างใจจดใจจ่อ
ไม่นานนัก ร่างอวบแต่ดูกระฉับกระเฉงของใครคนหนึ่งที่ลูกแพรจำได้ดีแม้ว่าจะมองเห็นจากไกลๆ ก็ตามก็เดินมาเปิดประตูให้
“หวัดดีจ้ะป้า” สาวน้อยพนมมือไหว้ผู้อาวุโสด้วยความเคารพรักและคิดถึง ป้านิ่มรับไหว้แล้วยิ้มให้หลานสาวอย่างเอ็นดู แล้วร่างบางก็รีบโผเข้าไปกอดร่างอวบที่แสนอบอุ่นเข้าเต็มรัก
“เป็นยังไงบ้างหลานรัก เรียนจบแล้วเหรอ หือ”
“จบแล้วจ้ะป้า แพรคิดถึงป้าที่สุดเลย” เด็กสาวประจบเหมือนเด็กๆ
มือเหี่ยวยกขึ้นลูบศีรษะทุยของหลานรักเบาๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู นางเองก็คิดถึงหลานสาวคนนี้มากเหมือนกัน ห้าเดือนที่ลูกแพรไม่อยู่ บ้านทั้งหลังก็ดูเงียบเหงาเหลือเกิน ไม่มีคนให้บ่น ไม่มีคนให้ดุด่าว่ากล่าว มันเหงาปากจริงๆ
“ป้าก็คิดถึงลูกแพรจ้ะ กลับมาคราวนี้คงไม่คิดแค่จะมาหาป้าคนเดียวหรอกใช่มั้ย” สายตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดูมองใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นอย่างพินิจพิจารณา
“แหมป้าก็ ทำไมมองแพรแบบนั้นล่ะจ๊ะ อ้อ...แพรมีของฝากมาฝากป้าด้วยนะ เยอะแยะเลย ป้าต้องชอบแน่ๆ เรารีบเข้าไปในบ้าน ไปดูของฝากที่แพรซื้อมาให้ป้ากันเถอะจ้ะ” สาวน้อยรีบเบี่ยงประเด็นทันที เพราะไม่อยากตอบคำถามที่ป้าของเธอรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
ป้านิ่มได้แต่ยืนมองหลานสาวที่กำลังเดินไปเลื่อนปิดประตูยิ้มๆ พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยอย่างรู้ทัน ก่อนที่จะเดินตามกันไปข้างในบ้านหลังใหญ่
คุณนายอรวีเดินออกมาพอดี
“อ้าว หนูแพร! ไม่เห็นหน้านานเลยนะ เป็นไงบ้าง เรียนจบแล้วเหรอ”
“สวัสดีค่ะคุณนาย แพรสบายดีค่ะ แล้วก็เรียนจบแล้วค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“รีบไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะไป นั่งรถมาไกลคงเหนื่อยและเหนียวตัวแย่” เจ้าของบ้านบอกกล่าวอย่างอาทร
คุณนายอรวีแกยังคงใจดีและเห็นอกเห็นใจสาวน้อยอยู่เสมอ ทำให้ลูกแพรรู้สึกรักและเคารพแกเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธออีกคนหนึ่ง ซึ่งคุณนายแกก็รู้สึกกับลูกแพรเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งเหมือนกัน
เพราะลูกแพรดูเป็นเด็กฉลาด อารมณ์ขันและขยันขันแข็งในสายตาของนางมาโดยตลอด เพราะตอนที่เด็กสาวมาอยู่ด้วยตอนนั้นเด็กสาวทำงานบ้านช่วยป้านิ่มของเธอทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน โดยเฉพาะการเลี้ยงดูสุนัขที่นางรัก ลูกแพรก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง แม้ว่าเด็กสาวจะดูแก่นเซี้ยวไปบ้างก็ตาม
เจ้านีโม่พอมองเห็นลูกแพรเท่านั้น สี่เท้าของมันก็รีบวิ่งเข้ามาหา และกระโจนใส่ร่างบางและตะกายขาหน้าทักทายด้วยความคิดถึง ประกายตาของมันสดใสราวกับยิ้มได้เมื่อจ้องมองเพื่อนรักที่เป็นคนของมัน เจ้าหมาน้อยจำกลิ่นคนที่มันรักได้ดีเสมอ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม
ลูกแพรก็ดีใจไม่แพ้กันที่ได้เจอเจ้าหมาน้อยอีกครั้ง มือบางเชยคางลูบหัวเจ้านีโม่ด้วยความคิดถึง ร่างเล็กนั่งลงแล้วกอดคอมันไว้หลอมๆ เจ้าหมาน้อยยืนนิ่งยอมให้ลูกแพรกอดมันแต่โดยดี และส่งเสียงหายใจกระเส่าเหมือนสุขใจนักหนา ผู้มากวัยสองคนมองดูหมากับคนแสดงความรักความคิดถึงต่อกันอย่างซาบซึ้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ลูกแพรก็เอาของฝากจากบ้านนอกมาให้คุณนายอรวีกับป้าของเธอทันที ทั้งสามคุยกันอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาลูกแพรก็ขออนุญาตคุณนายเอาของฝากไปให้เพื่อนบ้านหลังตรงข้ามบ้าง โดยไม่ลืมที่จะเอาเจ้านีโม่ตามไปด้วย
คุณนายแกก็ไมว่าอะไร เพราะรู้ดีว่าลูกแพรสนิทกับแม่บ้านและสาวใช้ของบ้านหลังโน้นมากเหมือนกัน เพราะป้านิ่มก็เคยเล่าวีรกรรมของหลานสาวแสนซนของนางให้คุณนายแกฟังอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องขบขันไปแล้ว
เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้สาวใช้ร่างอวบระยะสุดท้ายวิ่งออกมารับแขกทันที เพราะวันนี้เหมียวรู้ว่าลูกแพรจะต้องมาหาในช่วงเวลานี้แน่ ทั้งสองสาวยิ้มให้กันอย่างดีอกดีใจเมื่อเจอหน้ากัน
“แพร เหมียวคิดถึงแพรมากเลย”
“แพรก็คิดถึงเหมียวมากเหมือนกัน”
“ไม่ต้องเลย ตัวเองคิดถึงเจ้าของบ้านหลังนี้ต่างหากใช่มั้ยล่ะ” เหมียวอดไม่ได้ที่จะแหย่ลูกแพรให้ได้เขินอาย
“รู้แล้วยังจะมาถามอีก”
“กิ๊วๆ หน้าแดงด้วย”
“หยุดล้อแพรได้แล้วนะเหมียว เค้าเขินเป็นเหมือนกันนะ นี่ของฝาก เอาไปเลย” ร่างบางรีบยัดของฝากใส่มือเหมียวอย่างแรง เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ บนแก้มนวลของเธอ
สาวใช้ร่างอวบยิ้มทะเล้นอย่างหยอกล้อให้เพื่อนสนิทอย่างชอบใจ ต่อไปนี้เธอคงไม่เหงาแล้วสิ มีลูกแพรคอยมาเป็นเพื่อนคุยเพื่อนเล่นแล้ว
แต่ถ้าลูกแพรได้เป็นเลขาส่วนตัวของเจ้านายหนุ่มหล่อของเธอจริงๆ เพื่อนซี้ของเธอคนนี้คงจะไม่มีเวลามาเป็นเพื่อนคุยเพื่อนเล่นกับเธอบ่อยนัก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน ต้องได้เจอกันบ้างอยู่แล้ว
“อ้าว เจ้านีโม่หายไปไหนแล้วเนี่ย” ลูกแพรเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเอาเจ้าหมาน้อยมาด้วย หล่อนอุทานขึ้นมาเมื่อมองหาเจ้าโซฟี่ไม่เห็น
“สงสัยมันคงไปวิ่งเล่นกับเจ้าโซฟี่ล่ะมั้ง หมามันก็มีหัวใจเหมือนกันนะ มันคงคิดถึงกันเหมือนกันแหละ” เหมียวพูดเหมือนรู้ใจหมาน้อย
“จริงด้วยสิเนาะ” ลูกแพรเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนสาว
“งั้นเราไปหาป้าผ่องกันเถอะ แพรจะรีบเอาของฝากไปให้แก”
เหมียวพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะรีบเลื่อนปิดประตูและเดินตามกันไปข้างในบ้าน แม่บ้านวัยค่อนคนกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว พอเห็นหน้าลูกแพรเท่านั้นแหละ สายตาที่ดูเฉยชามานานก็ดูมีชีวิตชีวาเหมือนกับต้นไม้ได้ฝนหลังจากที่แล้งมานาน
“หวัดดีจ้ะป้าผ่อง แพรคิดป้าผ่องจังเลย” สาวน้อยยกมือไหว้แล้วรีบโผเข้าไปกอดร่างอวบที่ยังแข็งแรงตามวัยนั้นด้วยความคิดถึง
ป้าผ่องรับไหว้แทบไม่ทัน มือเหี่ยวลูบหลังเด็กสาวไปมาอย่างเอ็นดู นางเองก็คิดถึงสาวน้อยจอมซนคนนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
“ดูเป็นสาวขึ้นนะเนี่ย แต่มอมแมมไปนิดนะ” ป้าผ่องมองสาวน้อยอย่างชื่นชมเมื่อผละร่างบางออกห่าง และได้มองหน้าสวยหมดจดนั้นเต็มตา ลูกแพรดูสวยใสมากขึ้นจริงๆ สวยขึ้นจนผิดหูผิดตา เหมือนกับเด็กสาวไปทำอะไรกับตัวเองมาอย่างนั้นแหละ แม้ว่าหน้าตาจะมอมแมมไปหน่อยผมเผ้าจะยุ่งเหยิงไปสักนิดก็ตาม
“สวยขึ้นด้วยใช่มั้ยป้า” ร่างบางยังยิ้มทะเล้น พูดหลงตัวเองไปตามน้ำอย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด
“ไอ้เรื่องหลงตัวเองนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” ผู้มากวัยส่ายหน้าอย่างระอาแกมเอ็นดู
“ป้าก็ยังอึ๋มเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกัน” สองมือเล็กแกล้งขย้ำทรวงอกหย่อนคล้อยแต่ใหญ่โตมโหฬารเบาๆ อย่างหยอกเย้า โดยไม่กลัวว่าคนแก่จะดุเอา
“อย่ามาทำทะลึ่งนะ เด็กคนนี้นี่” ป้าผ่องแกล้งส่งสายตาและทำเสียงดุสาวน้อยแต่ก็ไม่จริงจังนัก ทำให้ลูกแพรยิ้มแป้นอย่างชอบใจ และรอยยิ้มของเธอนี่แหละที่มัดใจใครต่อใครมานักต่อนักแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมัดใจผู้ชายในฝันของเธอได้หรือเปล่า
“วันนี้แพรจะเข้ามาสมัครเป็นเลขาส่วนตัวของคุณ กลับมาสัมภาษณ์แพรที่บ้านด้วยนะคะ แพรจะรอ”
โจนาธานอ่านข้อความในมือถือนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบอย่างครุ่นคิด นี่หล่อนพูดจริงเหรอ ว่าถ้าเรียนจบแล้วหล่อนจะมาหาเขา แล้วหล่อนตั้งใจมาเป็นผู้หญิงของเขาด้วยหรือเปล่า
‘ลูกแพร ก็ได้...วันนี้ผมจะไปสัมภาษณ์คุณด้วยตัวเอง ในห้องนอนของผม’ มือหนาวางมือถือเครื่องจิ๋วลงบนช่องเล็กๆ ด้านซ้ายมือข้างเบาะนั่ง ก่อนที่จะสตาร์ตพาหนะคู่ใจพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยประกายตาเร่าร้อนราวกับมีเปลวไฟแห่งปรารถนาลุกโชนอยู่ในนั้น