“คนที่ต้องบอกเลิกทั้งที่ยังรักคิดว่าเขาไม่เจ็บหรอ” ฉันว่าขึ้นต่อด้วยอารมณ์ที่ตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก พี่เรย์มักจะชอบคิดว่าตัวเองเจ็บแต่เขาเคยรู้ไหมว่าฉันก็เจ็บไม่ต่างกว่าเขา
“ถ้าตอนนั้นเธอยังรัก เธอจะบอกเลิกฉันไปทำไม” ถ้าเหตุผลที่ฉันทำไปมันพูดง่าย ฉันก็คงพูดไปแล้วไม่เก็บมันไว้ถึงสามปีหรอก
“มันไม่สำคัญหรอกว่าเพราะอะไร” ฉันตอบอย่างเลี่ยงๆทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าการบอกเลิกคนหนึ่งคนมันต้องสำคัญอยู่แล้ว
“สำคัญสิวะ” พี่เรย์พูดขึ้นต่อด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง สองคิ้วหนาขมวดกันจนเป็นปม
“ขอให้รู้ไว้ว่าหนูก็เจ็บไม่ต่างจากพี่เรย์หรอก”
“ถ้าเธอพูดว่าเธอเจ็บ ไหนเธอบอกฉันมาดิว่ามีตรงไหนที่เธอเจ็บ” ทันทีเมื่อพี่เรย์พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นกอดอกมองหน้าฉันอย่างคาดคั้นเอาคำตอบพร้อมกับความรู้สึกกดดันที่ถาโถมเข้ามาหา
“ถ้าเธอตอบฉันไม่ได้ ฉันก็จะคิดแบบเดิมว่าเธอไม่เคยรู้สึกเจ็บ” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันเงียบพร้อมกับเขาที่เดินตรงเข้ามาประชิดตัวฉัน
“เจ็บที่ต้องบอกเลิกไง” ฉันเจ็บที่ฉันต้องทำแบบนั้น
“แค่นี้หรอที่เธอรู้สึกเจ็บ” ให้อธิบายความเจ็บของฉันก็คงพูดไม่หมดเพราะฉันไม่สามารถพูดมันออกมาได้ด้วยซ้ำ
เหตุผลของการบอกเลิกพี่เรย์ในตอนนั้น ฉันพูดออกมาไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ
“แค่นี้”
“ถ้าความเจ็บของเธอมีแค่นี้ ทีหลังก็อย่าพูดว่าเธอเจ็บเพราะมันเทียบกับฉันไม่ได้สักนิด” พูดจบพี่เรย์เดินกระแทกไหล่ของฉันผ่านเข้าห้องไป
สาบานได้เลยว่าถ้าวันไหนฉันสามารถพูดได้ ฉันจะพูดมันออกไปทั้งหมด
หลังจากนั้นฉันก็เลี่ยงเข้าห้องมาเพื่อที่จะเตรียมตัวนอนเพราะพรุ่งนี้ยังไงฉันก็เรียนเช้า ลืมบอกทุกคนไปตอนนี้ฉันขึ้นปีสองแล้วนะและหนักหนาสาหัสกว่าเดิมอีก
ฉันนั่งแกร็ปมามหาลัยตามเคยเพราะฉันไม่เคยได้มาพร้อมพี่เรย์ บ่อยครั้งที่ฉันเคยขอติดรถเขามาด้วยแต่เขาก็ไม่ให้ฉันมาด้วย
“ไง” ฉันทักพวกมันสองตัวขึ้นนั่นก็คือโมจิกับน้ำขิงเพื่อนสนิทของฉันเอง
“ทำไมวันนี้มาช้า” โมจิถามฉันขึ้นทันทีพร้อมมองหน้าฉันอย่างจับผิด
ถ้าให้ฉันเดาในหัวของมันก็คงคิดแค่ว่ามีคนมาส่งฉันแน่ๆเพราะมันคิดแบบนี้ทุกวัน
“อย่าคิดไปเอง กูนั่งแกร็ปมา” ฉันตอบกลับทันทีเพื่อหยุดความคิดชั่วร้ายในหัวของมัน
“ไม่หาใครสักคนมาส่งวะ ผู้มึงก็เยอะจะได้ประหยัดค่ารถ” ก็ตามที่มันว่าแหละทุกคน ผู้ชายมาจีบฉันเยอะก็จริงแต่ในใจของฉันดันเล่นตลกที่ไม่ลืมพี่เรย์ไปสักที
“อยากหานะแต่มันไม่มีคนถูกใจอะ” ฉันว่าขึ้นอย่างโกหกเพราะมันดันมีคนที่เข้าตาฉันอยู่หนึ่งคน
“มึงเรื่องเยอะไงคะ” โมจิว่าขึ้นอีกครั้ง
“พวกมึงก็รู้” เพราะตอนนี้พวกมันรู้แล้วนะว่าที่ฉันไม่มีใครเพราะฉันยังไม่ลืมรักเก่าแต่พวกมันแค่ยังไม่รู้ว่ารักเก่าของฉันคือพี่เรย์
“กูถึงบอกให้หาไง คนเข้าหาเยอะเลือกมาสักคน เดี๋ยวมึงก็ลืมเขาได้” น้ำขิงพูดขึ้นอีกครั้ง
“พวกกูมีผัวกันหมดแล้ว มึงจะอยู่เป็นโสดจนตายหรือยังไง” ฉันกลอกตามองบนทันทีกับคำพูดของมัน
“มึงก็พูดเกินไป คืนนี้ไปคลับกันไหม” ฉันเอ่ยชวนขึ้นทำเอาพวกมันสองคนรีบหันมามองหน้าฉัน
“ผีตัวไหนเข้าสิง ปกติมึงเคยชวนพวกกูก่อนหรือไง" ปกติฉันไม่เคยเป็นคนชวนหรอกต้องให้มีใครสักคนชวน ฉันถึงจะหาข้ออ้างกับพี่เรย์เพื่อออกไปให้ได้ แต่ตอนนี้ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ในเมื่อตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นค่าของฉัน ฉันก็จะไม่ทนที่จริงฐานะบ้าๆนี้มันไม่ควรมีด้วยซ้ำแต่ฉันก็ยอมทนมาหนึ่งปีเพื่อให้เรื่องของเราจบ
“ก็กูอยากไปไง” ฉันตอบกลับไปทันทีเพราะต่อจากนี้ไปจะไม่ทนอีกแล้วล่ะ
“เออไปก็ไป” โมจิพูดขึ้นต่อพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ แน่นอนว่ามันคงจะบอกพี่พายุส่วนน้ำขิงก็เหมือนกันที่บอกพี่คิมหันต์ คนมีผัวนี่ลำบากเนอะต้องรายงานตลอดแต่ว่าไปฉันก็อยากมีเหมือนกันนะ อยากมีแฟนเป็นพี่เรย์ในเวอร์ชันเก่า
“อย่าหาชวนผัวไปนะ กูจะหาผู้ค่ะคืนนี้” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งระหว่างที่พวกมันกดโทรศัพท์ยิกๆเพื่อที่จะไลน์บอกคนของตัวเอง
“คิดได้แบบนี้ก็ดีเดี๋ยวพวกกูสแกนให้มึงเอง” น้ำขิงพูดขึ้นก่อนที่เราสามคนจะเดินเข้าไปในคณะเพื่อเรียนคลาสแรกและคลาสสุดท้ายของวันนี้
“เลิกคลาสไปกินข้าวกันไหมแพร” แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดนผู้ชายหลายๆคนเข้ามาชวนไปนู่นไปนี่
“วันนี้เราไม่ว่างอะ ไว้โอกาสนะ” และฉันก็ปฏิเสธออกไปทุกที
“ไหนมึงบอกจะหาผู้ แล้วไอ้เกอร์หล่อขนาดนี้ทำไมมึงไม่เอา” โมจิว่าขึ้นทันทีเมื่อเกอร์เดินออกไป
“ก็ไม่ชอบรุ่นเดียวกัน” เพราะสเปคของฉันคือคนที่แก่กว่า
“เรื่องเยอะ” มันว่าขึ้นอีกครั้งพร้อมทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ฉัน
“ถ้าคืนนี้มึงไม่ได้ผู้ กูทุบมึงแน่อีแพร” น้ำขิงพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมทำท่าทางกำหมัดขึ้นทำท่าจะทุบฉัน
“ต้องได้อยู่แล้วเพราะยังไงคืนนี้กูตั้งใจจะไปหา” ฉันว่าขึ้นอีกครั้งเพราะแน่นอนว่าคืนนี้ฉันต้องได้ผู้
คลับ
ฉันมาก่อนเวลานัดพวกมันเกือบชั่วโมงและที่สำคัญฉันแอบหนีพี่เรย์ออกมาเพราะหลังจากฉันทำอาหารให้เขาเสร็จแทนที่ฉันจะกลับเข้าห้อง ฉันดันออกจากห้องมาเลยจึงทำให้ตอนนี้ฉันนั่งเหงาหงอยอยู่คนเดียว
กริ๊ง กริ๊ง
แน่นอนว่าโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นเป็นสิบๆสายเพราะพี่เรย์คงรู้แล้วว่าฉันไม่อยู่ห้องแต่ฉันก็ไม่สนหรอก
“อีแพร ชุดมึงเริ่ดมาก” น้ำเสียงดัดจริตของโมจิดังขึ้น ส่วนฉันก็หันไปมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ชุดของมันไม่ต่างจากฉันสักนิดและไม่รู้ว่าพี่พายุให้มันใส่มาได้ยังไง
“แต่งตัวแบบนี้ได้แสดงว่าผัวมาด้วย” ฉันพูดขึ้นพร้อมเหล่ตามองมันอย่างจับผิด บอกไว้แล้วแท้ๆยังเอามาด้วยจนได้
“มาด้วยแต่ไม่มานั่งด้วยกัน” โมจิพูดขึ้นพร้อมชี้ไปด้านบนของคลับที่มีพี่พายุนั่งอยู่
หวงกันขนาดต้องตามมาเฝ้าเลยหรอวะ
“อย่าบอกเอาผัวมาด้วยอีกคน” ฉันถามขึ้นทันทีเมื่อน้ำขิงเดินเข้ามา
“ถ้าแบบนั้นก็ไม่ได้มาอะดิ” มันว่าขึ้นก่อนจะนั่งลงข้างๆฉันก่อนจะหันไปยกมือบ๊ายบ่ายให้กับพี่คิมหันต์
“เบื่อคนมีผัว” ฉันเบื่อ เบื่อพวกมันที่สุด
“ก็บอกให้รีบหา สนใจคนไหนบอกเดี๋ยวกูไปเต๊าะให้” ขืนทำตามที่ปากพูดมีหวังพี่พายุจัดการผู้ชายคนนั้นแน่
“สงสารผู้ชายคนนั้นเถอะจะโดนพี่พายุกระทืบเอา” น้ำขิงพูดขึ้นทันทีก่อนที่เราจะถ่ายสตอรี่ไอจีกัน แน่นอนว่ามาคลับก็ต้องเช็คอินเรียกแขกกันหน่อยใช่ไหม
เรย์
ผมกดโทรศัพท์โทรหาแพรตั้งแต่ทุ่มกว่าจนตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ยัยตัวดียังไม่รับโทรศัพท์ของผมและมันทำให้ผมกระวนกระวายใจมากเพราะปกติเธอไม่ใช่คนที่จะหนีหายไปแบบนี้ คอยดูเถอะถ้ากลับมาผมจะจับกระแทกให้รู้แล้วรู้รอด
ผมกดเข้าไอจีที่เป็นแอปยอดฮิตของใครหลายๆคนรวมถึงตัวผมด้วยพร้อมกับเข้าไปดูสตอรี่ของหลายๆคนจนมาหยุดที่สตอรี่ของเธอ ผมดูแล้วก็ดูอีกเพราะสถานที่ที่เธออยู่ในตอนนี้คือคลับพร้อมกับเพื่อนสนิทอีกสองคน
จากความกระวนกระวายใจเพราะความเป็นห่วงเปลี่ยนเป็นความโกรธเพราะเธอกล้าที่หนีไปโดยไม่บอกผมสักคำ
ผมทักไลน์เข้ายังไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทของผมเพราะพวกแม่งปล่อยเมียมาได้ยังไงกัน
Ray : ไอ้พายุ ไอ้คิมหันต์พวกมึงปล่อยเมียไปคลับหรอวะ
Brayu : กูเฝ้าอยู่
Khimhan : กูเฝ้าอยู่ ทำไมมึงมีปัญหาอะไรกับเมียกู
ผมไม่ได้มีปัญหากับเมียมันหรอกครับเพราะผมจะมีปัญหากับคนที่ไปกับเมียพวกมันเนี่ยแหละ
เก่งมาก กล้ามาก
หลังจากอ่านไลน์กลุ่ม ผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงไปยังคลับทันที แน่นอนว่าถามชื่อคลับและโต๊ะมาเรียบร้อยแล้ว
“ลมอะไรหอบมึงมาวะ แล้วท่าทางหงุดหงิดแบบนี้ทำอย่างกับเมียหนีมาเที่ยว” ไอ้พายุถามผมขึ้นทันทีเมื่อผมหย่อนตัวลงบนโซฟาตัวยาว
“เสือก” ผมตอบกลับทันทีก่อนจะกระชากแก้วเหล้าจากมือไอ้คิมหันต์มาดื่ม
“ไอ้เวรนี่ เป็นส้นตีนอะไร” ไอ้คิมหันต์ว่าขึ้นพร้อมทำท่าทางหงุดหงิดใส่ผมแต่ตอนนี้ผมกลับหงุดหงิดมากกว่าเพราะยัยตัวดีดันยืนโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่
“เมียพวกมึงยืนเต้นแบบนั้นไม่หวงหรือไง” ผมพูดขึ้นพร้อมวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียง
“เป็นส้นตีนอะไรถามถึงเมียกูหลายรอบแล้วนะ” ไอ้พายุพูดขึ้นพร้อมมองหน้าผมอย่างเอาเรื่องเพราะตอนนี้มันคงสงสัยที่ผมถามแบบนี้
“กูแค่ถาม ไม่หวงหรือไง” เพราะในใจของผมตอนนี้แทบอยากจะลงไปกระชากยัยตัวดีกลับให้รู้แล้วรู้รอด
“ถ้าไม่หวงพวกกูคงไม่ตามมานั่งเฝ้า” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นทันที
“แล้วมาทำอะไรกัน” เพราะถ้านัดดื่มกันจริงๆยังไงพวกแม่งก็ชวนผมแต่นี่คงเป็นเรื่องของเมีย
“เห็นโมจิบอกว่าน้องแพรจะหาผู้เลยชวนมา” เหอะ มีผมอยู่แล้วทั้งคนยังอยากจะหาคนอื่นเพิ่มและด้วยความโมโหผมก็กำแก้วเหล้าในมือไว้แน่น
เพล้ง !
“เหี้ย” เสียงไอ้พายุกับไอ้คิมหันต์ดังขึ้นพร้อมกัน เพราะตอนนี้แก้วเหล้าแตกคามือผมเรียบร้อย
“เป็นส้นตีนอะไร” ไอ้พายุถามขึ้นก่อนจะรีบส่งทิชชูให้ผมเพื่อซับเลือดที่ไหลออกมาตามแผล
“ที่มึงโกรธและหงุดหงิดขนาดนี้คงไม่ได้เป็นแบบที่กูคิดใช่ไหม” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นอีกครั้ง
“คิดเหี้ยไร” ตอนนี้ความรู้สึกเจ็บแผลมันไม่มีด้วยซ้ำและสายตาผมก็ยังคงจ้องไปด้านล่างที่ยัยตัวดีกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่ตามเคย อีกทั้งยังมีสายตาผู้ชายนับสิบหันมองเป็นตาเดียว
“มึงกับน้องแพร”
“แอบแดกกันหรอวะ”
❤️
โมโหจนออกหน้าออกตา เพื่อนดูออกแล้วอิพี่