“ที่มึงโกรธและหงุดหงิดขนาดนี้คงไม่ได้เป็นแบบที่กูคิดใช่ไหม” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมมองผมอย่างจับผิด
“คิดเหี้ยไร” ตอนนี้ความรู้สึกเจ็บแผลไม่มีด้วยซ้ำ และสายตาผมยังคงจ้องไปด้านล่างที่ยัยตัวดีกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่ตามเคย อีกทั้งยังมีสายตาผู้ชายนับสิบหันมองเป็นตาเดียว
“มึงกับน้องแพร” ไอ้คิมหันต์ว่าขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหยุดพูดไปเสียดื้อๆ
“แอบแดกกันหรอวะ” ไอ้พายุพูดขึ้นต่อทันทีทำผมต้องหันไปมองพวกมันทันที
“แอบแดกเหี้ยไรของมึง”
“ถ้าไม่ได้แอบแดกกันเองทำไมต้องกระวนกระวายมาถามพวกกูแล้วเพราะอะไรมึงถึงมาที่นี่” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นอีกครั้ง
“เออ แอบแดกกัน” เมื่อสุดทางที่จะแถ ผมก็ยืดอกยอมรับเพราะตอนนี้ต่อให้แถยังไงพวกมันก็คงจับได้
“กูว่าแล้ว อาการมึงออกซะขนาดนี้” ไอ้พายุว่าขึ้นอีกครั้ง
“ดูออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอาการของตัวเองที่แสดงออกมามันเป็นแบบไหน
“ใครๆเขาก็ดูออก” ไอ้พายุมันพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรับอุปกรณ์ทำแผลจากพนักงานส่งให้ผม
“ทำให้กู ทำมือเดียวไม่ถนัด” ผมพูดขึ้นพร้อมดันกล่องอุปกรณ์ทำแผลส่งคืนก่อนจะยื่นมือให้กับมัน
“ภาระฉิบหาย คิดว่ามือมึงเป็นเหล็กหรือไงถึงนั่งบีบแก้วเล่น”
“อย่าบ่น” ผมตอบกลับพร้อมกับหันไปมองด้านล่างที่เดิม แน่นอนยัยตัวดีก็ยังยืนโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่แบบนั้นเช่นเคย
“แล้วมึงไปทำท่าไหนถึงมาแดกกันได้วะ” ไอ้คิมหันต์ที่นั่งเงียบอยู่นานก็ถามขึ้นทันที
“แฟนเก่ากู” ผมบอกเท่านี้พวกมันคงจะรู้เพราะมันรู้ดีว่าตอนปีหนึ่งที่ผมเป็นแบบนั้นก็เพราะอกหักแต่แค่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนหักอกผม
“แสดงว่าคืนนั้นที่เล่นหมุนขวดเพราะสองคนนั้นอยากรู้ว่าใคร” ไอพายุที่นั่งทำแผลให้ผมพูดขึ้นอีกครั้ง
“กูเองนี่แหละแต่พวกมึงไม่ต้องไปบอกน้องมันนะ” ผมพูดดักทางมันไว้เพราะไอ้พวกเวรพวกนี้มันเคยมีความลับกับเมียที่ไหน
“ใกล้ตัวฉิบหายแล้วมึงกับน้องแพรกลับมาคืนดีกันว่างั้น” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่ม
“ถ้ากลับมาคืนดีกันน้องแพรคงไม่มาหาผู้ใหม่หรอก มึงไปทำระยำไว้ใช่ไหม” ผมว่าไอ้พายุมันฉลาดเกินไปแล้วล่ะเพราะตอนนี้มันกำลังเดาทางผมออกหมดเลย
“ก็นิดนึง ตอนนั้นกูเป็นยังไงพวกมึงก็รู้” เพราะตอนนั้นผมก็มีพวกมันนี่แหละที่คอยให้กำลังใจและผมก็โชคดีที่เจอเพื่อนดีๆแบบพวกมันรวมไอ้ติณณ์ด้วย
“นานเท่าไหร่แล้ว” ไอ้พายุถามขึ้นอีกครั้ง
“ปีกว่า อะ...โอ๊ยยย ไอ้สัสกูเจ็บ” ผมร้องขึ้นทันทีเมื่อไอ้พายุแม่งกดแผลของผมจนรู้สึกเจ็บ
“ไอ้เหี้ยเรย์ปีกว่ามันไม่ใช่น้อยๆ มึงไม่สงสารน้องมันหรอวะ” ไอ้พายุว่าขึ้นอีกครั้งพร้อมวางอุปกรณ์ทำแผลลงกับโต๊ะ
ดูท่าแม่งคงไม่ทำให้ผมแล้ว ผมเลยหยิบผ้าปิดแผลมาพันมือตัวเองลวกๆเพื่อแก้ขัดไปก่อน
“สงสารทำไมในเมื่อตอนนั้นเขายังไม่สงสารกู”
“เรื่องผ่านมาจะสามปีแล้ว มึงยังไม่ลืมอีกหรอวะ” ไอ้คิมหันต์ถามขึ้นอีกครั้ง
“กูไม่ลืมและไม่เคยลืมด้วยซ้ำ” ความเจ็บปวดที่ผมได้รับในตอนนั้นมันยังคงตอกย้ำหัวใจของผมจนถึงตอนนี้ต่อให้เวลาผ่านมานานแค่ไหนผมก็ไม่เคยลืม
“แล้วมึงจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน” ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันเพราะผมไม่เคยคิดว่าจะทำไปอีกนานแค่ไหน
“จนกว่ากูจะพอใจ” เพราะผมไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆอยู่แล้ว
“เล่นกับใจคนมันไม่สนุก” ไอ้พายุพูดขึ้นก่อนจะชักสีหน้าใส่ผม แน่นอนว่าผมดูออกว่ามันไม่โอเคกับสิ่งที่ผมทำ
“แล้วทีเขาเล่นกับใจกูล่ะ” ทำไมตอนนั้นตอนที่เธอทำผมถึงไม่มีใครว่าเธอสักคนแต่พอเป็นผมทำเธอทุกคนกลับมองผมไม่ดี
“น้องมันอาจจะมีเหตุผลหรือเปล่า” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้น
“เหตุผลส้นตีนอะไร แม่งก็ไม่เคยบอกให้กูรู้” แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเหตุผลผมก็จะหงุดหงิดอยู่บ่อยๆเพราะผมรอฟังเหตุผลของเธอมาสามปีแล้ว
“กูถามอะไรมึงสักอย่างดิ”
“อะไร”
“มึงยังรักน้องมันอยู่ไหม” คำถามของไอ้คิมหันต์ทำผมนิ่งไปทันที
ผมตอบตรงนี้เลยว่าผมไม่ได้รักและที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะผมแค่ต้องการให้เธอเจ็บเหมือนที่ผมเคยเจ็บ
“ไม่ได้รัก” ผมตอบกลับทันทีอย่างไม่ลังเลเพราะความรู้สึกของผมมันชัดเจน
“ขอให้มึงรู้ใจตัวเองเร็วๆละกัน” ไอ้พายุกับไอ้คิมหันต์พูดขึ้นพร้อมกัน
“กูรู้ใจตัวเองอยู่ตลอด” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหันไปมองที่เดิมโต๊ะของยัยตัวดีที่ตอนนี้เริ่มมีผู้ชายเข้ามาทักทายไม่ขาดหาย
เห็นแบบนี้แล้วหงุดหงิดว่ะ
“อย่าหงุดหงิดดิวะ เขาแค่เข้ามาชนแก้วเฉยๆ” ไอ้พายุพูดขึ้นอีกครั้งแต่มันรู้ได้ยังไงว่าผมหงุดหงิด
“กูไม่ได้หงุดหงิด” ผมตอบกลับไปอย่างโกหกถึงแม้ในใจจะหงุดหงิดตั้งแต่ไอ้เวรเสื้อแดงเดินเข้ามาทักแล้วก็เถอะ
“ไม่หงุดหงิดเหี้ยไรหน้ามึงออกขนาดนั้น” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นต่ออีกครั้ง
ไอ้สองคนนี้มันชักจะรู้ดีเกินไปแล้ว
“กูไม่ได้หงุดหงิด” ผมตอบกลับอีกครั้งให้พวกแม่งเลิกถามสักที
“ไอ้พายุมึงดู ไอ้บอสเกษตรแม่งไปชนแก้วน้องแพร” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นทำเอาผมต้องรีบหันไปมอง
“เหมือนจะรู้จักกัน ยืนคุยกันนานเชียว” ไอ้พายุพูดขึ้นต่ออีกครั้ง
ก็จริงของมัน แม่งยืนคุยกันนานฉิบหาย
“ดูเข้ากันดีเนอะ กูไม่เคยเห็นน้องแพรเขายิ้มกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้เลยว่ะ” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นต่อ
“มองพวกกูทำส้นตีนไร” หลังจากที่ผมหันไปมองพวกมันตาขวางไอ้พายุก็พูดขึ้น
อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าพวกมันกำลังปั่นประสาทของผม
“กูว่าไม่ใช่แค่รู้จักแล้ว น่าจะสนิทกันเลยแหละไอ้บอสแม่งโอบเอวน้องแพรขนาดนั้น” ทันทีที่ไอ้พายุพูดจบผมก็หันไปมองที่เดิม
ไอ้บอสแม่งกำลังโอบเอวยัยตัวดีอยู่จริงๆ ตอนนี้ผมว่าผมทนไม่ไหวแล้ว สองตีนกระตุกอยากถีบมันฉิบหาย คิดได้แบบนี้ผมก็รีบสาวเท้ายาวๆเดินตรงไปที่โต๊ะของเธอพร้อมกับยกตีนถีบไอ้บอสเข้าทันที
ตุบ !
“ไอ้เหี้ยเรย์ถีบกูทำไม” มันว่าขึ้นพร้อมมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“ทำอะไรของพี่” ส่วนยัยตัวดีก็พูดขึ้นพร้อมยกมือกอดอกมองผมอย่างไม่พอใจ
“ฉันต้องถามเธอมากกว่าทำอะไรของเธอ” ผมเลือกที่จะเมินไอ้บอสและหันมาถามเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผม
“หนูก็เต้นไง มาคลับจะให้ยืนสวดมนต์หรอ” เธอพูดขึ้นพร้อมมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“แล้วที่มันโอบเอวคืออะไร เป็นผู้หญิงแต่มายืนให้ผู้ชายโอบเอวมันใช้ได้หรือไงวะ” ตอนนี้ในหัวมีแต่คำว่าโมโหและก็โมโห
"แล้วมึงเป็นส้นตีนอะไร มายืนด่าน้องปาวๆแบบนี้” ไอ้บอสถามผมขึ้นอีกครั้งหลังจากยันตัวลุกขึ้นได้
“อย่าเสือก” เพราะขืนมันเซ้าซี้มากกว่านี้มันจะไม่โดนแค่ตีนของผม
“อ้าว ไอ้สัสนี่” มันพูดขึ้นพร้อมทำท่าจะพุ่งมาหาผมแต่โชคดีที่ไอ้พายุและไอ้คิมหันต์ที่ตามลงมาขวางไว้ก่อน
“ฉันถามว่าที่มันโอบเอวเธอคืออะไร” ผมถามขึ้นอีกครั้งนี้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเพราะผมรู้ว่าเธอไม่ชอบเวลาผมใช้น้ำเสียงแบบนี้
“กะ…ก็เต้นไง” ตอนนี้แววตาของเธอไม่ได้แข็งกร้าวแบบตอนแรกเพราะเธอกำลังกลัวผม
“มานี่” ผมพูดขึ้นพร้อมกระชากเธอให้เดินตามมา แน่นอนว่ามีเสียงตะโกนตามมาอยู่แล้วทั้งไอ้บอสและน้องโมจิกับน้องน้ำขิงที่ไม่รู้เรื่องอะไร
“รู้ไหมว่าตัวเองผิด” ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อจับเธอยัดใส่รถ พยายามจะข่มอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้
“ผิดอะไร”
“เธอหนีฉันมาเที่ยวแล้วยังยืนให้ไอ้บอสโอบเอว คิดว่าที่ทำมันถูกหรอ” ถ้าขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดก็กลับไปลงโทษกันหน่อย
“แล้วไงคะ พี่เรย์ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับหนูไม่ใช่หรอ”
“เธอเป็นนางบำเรอของฉัน”
“ต่อจากนี้หนูไม่ทนกับพี่เรย์แล้วหรอกนะ หนูทนพี่เรย์มาปีกว่าแล้ว หนูควรได้อิสระคืนสักที” เธอพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหันหน้าหนีมองออกไปนอกกระจก
“ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ตราบใดที่ฉันยังไม่ปล่อยเธอไป เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรกับผู้ชายคนไหน” แน่นอนว่าเธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้
“งั้นพี่เรย์ก็ปล่อยหนูไปสิคะ”
“พอดีว่าฉันยังไม่เบื่อเธอ ฉันเลยปล่อยเธอไปไม่ได้” เพราะงั้นทางเดียวที่เธอจะไปจากผมได้คือผมเบื่อเธอแล้วเท่านั้น
“พี่เรย์รู้ไหมคะว่าพี่บอสทั้งอบอุ่น น่ารัก นิสัยดี พูดเพราะ” ยิ่งเธอพูดถึงไอ้บอสมากเท่าไหร่อารมณ์ความโกรธที่ผมพยายามข่มไว้ก็กลับขึ้นมาทุกที
“แล้วยังไงหรือเธอชอบแบบนั้น” ผมถามกลับทันทีเมื่อเธอพูดจบ
“ชอบสิคะ มีใครไม่ชอบผู้ชายแบบพี่บอสบ้าง”
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปชอบใครทั้งนั้น” ผมตะโกนขึ้นด้วยความโมโหแน่นอนว่าเธอถอยหลังชิดเบาะจนตัวแทบละลายติดลงไป
บอกแล้วว่าตอนนี้อารมณ์ผมไม่ได้ดี
“ทำไมคะหรือพี่เรย์หวงนางบำเรอคนนี้”
“อย่าหลงตัวเอง” ผมว่าขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของเธอที่ดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง
“สงสัยพี่บอสจะเป็นห่วงที่หนูโดนใครก็ไม่รู้ลากออกมา ขอรับสายก่อนนะ” ผมดูออกว่าตอนนี้เธอกำลังยั่วโมโหผมและแน่นอนเธอทำสำเร็จ
ผมกระชากโทรศัพท์ของเธอพร้อมกับปิดเครื่องก่อนจะโยนไปหลังรถ
“อดรับสายพี่บอสเลยอะ ทำแบบนี้พี่บอสเป็นห่วงหนูแย่เลยนะคะ”
“อะไรก็พี่บอสๆ เธออยากได้มันเป็นผัวมากหรือไง”
“อยากได้นะคะ ผู้ชายแบบพี่บอสใครไม่อยากได้บ้าง”
❤️
บอกได้คำเดียว น้องแพรโดนแน่