บทที่ 8
วันนี้ฝ่ายการตลาดถูกเรียกเข้าประชุมแต่เช้า และที่น่า แปลกใจไปกว่านั้นคือ แทนที่จะเรียกเฉพาะหัวหน้าฝ่ายเหมือนที่ผ่านๆ มา กลับกลายเป็นว่าเรียกมาทั้งแผนก ในขณะที่ท่านประธานนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ พนักงานคนอื่นๆ กลับนั่งกันตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดิกกระเดี้ยว คงมีเพียงแวววิวาห์ที่กำลังนั่งใจลอยไม่ได้เฉลียวใจว่ากำลังถูกลอบมอง
“สำหรับชุดชั้นในคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่ทางฝ่ายออกแบบได้ส่งมาให้ดูคร่าวๆ ทางเราจึงเริ่มวางแผนที่จะโปรโมทให้หลากหลายมากขึ้น ดังนี้ครับ…………” เธียรชัยหัวหน้าฝ่ายการตลาดอธิบายพลางกดฉายภาพชุดชั้นในคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดหนึ่งในสินค้าของบริษัทบนจอโปรเจคเตอร์
“ไหนสินค้าตัวอย่าง” ท่านประธานถามเสียงเรียบ ในขณะที่หัวหน้าฝ่ายก็รีบกุลีกุจอหยิบสินค้ามาวางให้ตรงหน้า
“ผมยังไม่พอใจในแผนการตลาดที่พวกคุณเสนอมา จากที่ดูพวกคุณยังเข้าไม่ถึงตัวสินค้าของผมมากพอ หรือใครมีไอเดียที่ดีกว่านี้มาเสนอ” คำถามกับเสียงดุๆ ของท่านประธานทำเอาทุกคนก้มหน้างุด
“คุณ!” แวววิวาห์ถึงกับผงะด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ท่านประธานก็ชี้มาที่เธอ
“เอ่อ…ค่ะ ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดของสินค้าประเภทนี้ค่อนข้างสูง แต่เราจะทำยังไงให้สินค้าของเราดูโดดเด่นและเป็นที่พูดถึง แน่นอนว่าการจะทำอย่างนั้นได้ เราต้องเข้าถึงตัวสินค้าได้อย่างที่ท่านประธานบอก แต่เราจะเข้าถึงได้ยังไง ในเมื่อเรายังไม่เคยลองใส่มันด้วยซ้ำ” คำตอบของวิวาห์ทำเอาทุกคนในห้องต้องหันไปกระซิบกระซาบกัน ส่วนหนึ่งก็เห็นด้วยกับความคิดของเธอ แต่อีกส่วนก็กำลังต่อว่าว่าเธอจะทำให้ทั้งแผนกต้องเดือดร้อน
“ที่คุณพูดหมายถึง การเข้าถึงตัวสินค้าคือการที่พวกคุณจะต้องลองใส่มันก่อนงั้นสิ” ให้ตายสิ เขาอดจินตนาการถึงตอนที่เธออยู่ภายใต้ชุดชั้นในวาบหวิวชิ้นเล็กๆ สองชิ้นนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ค่ะ” เสียงตอบเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่พูดแบบนั้นออกไป
“ได้! ผมอนุมัติตามที่คุณขอ พรุ่งนี้ทุกคนในฝ่ายการตลาดจะได้รับสินค้าตัวอย่างไปทดลองใช้คนละหนึ่งชุด แล้วหลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ เราจะมาประชุมกันอีกครั้งนึง หวังว่าพอถึงเวลานั้นฝ่ายการตลาดคงไม่ทำให้ผมผิดหวังอีก เลิกประชุม ส่วนคุณตามไปพบผมที่ห้องด้วย” เขาชี้ไปที่แวววิวาห์อีกครั้ง ทำเอาเธอถึงกับผงะหน้าซีดเผือด รีบหันไปเกาะแขนหัวหน้าฝ่ายอย่างเธียรชัยอย่างหาที่พึ่ง
“พี่เธียร” จังหวะที่เขาหันมาเห็นเธอเกาะแขนทำหน้าประหนึ่งกำลังออดอ้อนวอนขอเธียรชัย เขาแทบอยากจะเดินไปกระชากแขนเธอออกแรงๆ
“เอ่อ…ท่านประธานครับ ให้ผมไป…” ยังไม่ทันที่เธียรชัยจะได้พูดจนจบ เขาก็แทรกขึ้นมาซะก่อน
“กลับไปจัดการงานของคุณให้เรียบร้อยดีกว่าคุณเธียรชัย แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว ส่วนคุณตามไปพร้อมผมเลย” เขาหันมาบอกเธอเสียงดุ ทีแรกก็กะว่าจะให้เธอตามไปทีหลัง แต่พอเห็นท่าทีเมื่อกี้แล้ว เขาจึงเปลี่ยนใจ
“เลื่อนนัด ยกเลิกประชุม งดรับแขก” เขาหันไปบอกเลขาที่เดินตามมาด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง โดยมีแวววิวาห์ก้มหน้าเดินตามต้อยๆ
“นั่งสิ” เขาสั่งเสียงเขียวราวกับกำลังหงุดหงิดนักหนา ในขณะที่เธอยังยืนก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จาเช่นเดิม จนเขาต้องพูดซ้ำ
“นั่งลง” คราวนี้เธอถึงกับทิ้งสะโพกนั่งลงโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำอีก แต่ก็ยังคงก้มหน้าก้มตาเช่นเดิม
“มีอะไรอยากบอกฉันรึเปล่า” ให้ตายสิ! เขาไม่ชอบบรรยากาศอึดอัดอึมครึมแบบนี้เลยจริงๆ ใจจริงนึกอยากจะบีบปากให้เธอพูดความจริงออกมา ว่าคืนนั้นเธอจงใจเข้าหาเขาเพื่ออะไร แต่ในความเป็นจริงกลับทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ไม่บุ่มบ่ามจนเกินไป
‘ให้พูดอะไรวะ ก็พูดไปหมดแล้ว หรือว่าอยากให้เราพูดขอโทษที่พูดแบบนั้นในห้องประชุม เฮ้ย! แต่เราไม่ผิด ก็บอกเองว่าให้เสนอ พอเสนอแล้วเรียกมาเชือดงี้ อะไรวะ นึกว่าคนอย่างแวววิวาห์เป็นคนยังไง ฉันไม่ยอมหรอกโว้ย’ เธอคิดอย่างเข่นเขี้ยว ก่อนจะตอบออกไปอย่างแน่วแน่ว่า…
“ขอโทษค่ะ” เอ่อ…เดี๋ยวนะไหนบอกไม่ยอม แต่ก็นะ ก็เธอเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เธอยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนงานในสภาพจิตใจย่ำแย่แบบนี้นี่นา อีกอย่างเธออุตส่าห์ลาออกจากงานเดิมเพื่อจะได้มาทำงานที่เดียวกับเพื่อนรัก เธอจะไม่ยอมออกไปไหนง่ายๆ แน่
“ขอโทษ? ขอโทษเรื่อง?” เขาถามอย่างคนหัวเสียสุดๆ
“ก็…ก็…เรื่องในห้องประชุม คือฉันคิดว่าท่านประธานไม่…” เธออึกอักหน้าตื่น แต่ก็พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกท่านประธานแทรกขึ้นมาอีก
“ห้องประชุมบ้าอะไร ใครให้เธอพูดเรื่องนั้น” เขายังคงฉุนเฉียว
“ก็แล้วท่านประธานจะให้ฉันพูดเรื่องอะไรล่ะคะ” เธอขึ้นเสียงบ้างด้วยความโกรธกรุ่น
“ก็เรื่อง…โธ่เว้ย! ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละ” เธอถึงกับทำหน้างงกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงของเจ้านาย
“เอ่อ…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานนะคะ” เธอหันหลังตั้งใจจะโกยแนบออกไปเร็วๆ แต่…
“เดี๋ยว!” เสียงของเขาทำให้เธอจำต้องหันกลับมาอย่างไม่ได้
“เธอบอกว่าจะทำให้สินค้าของฉันโดดเด่นกว่าคนอื่น ไหนลองว่ามาซิว่าจะทำให้มันโดดเด่นยังไง” เขาว่าพลางยื่นกล่องชุดชั้นในที่ตัวเองถือติดมือมาด้วยไปตรงหน้าเธอ