บทที่ 9
“แต่นี่มันยังไม่ถึงอาทิตย์ แล้วฉันก็ยังไม่ได้ลองใส่เลยนะคะ” เธอมองเขาหน้าเหลอ
“งั้นก็ใส่ซะ แล้วมาบอกฉันว่ารู้สึกยังไง” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังยื่นกล่องมาให้
“ตอนนี้เหรอคะ”
“ใช่! ตอนนี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย” เขาบอกพลางบุ้ยหน้าไปทางห้องน้ำ ให้ตายสิ ใครจะคิดว่านอกจะเผด็จการแล้ว ท่านประธานยังเอาแต่ใจที่สุดด้วย แต่จะทำไงได้ ในเมื่อเธอไม่อยากเปลี่ยนงาน ทางเดียวคือเธอต้องยอม
แวววิวาห์รับกล่องนั้นมา ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง พลางมองบราลูกไม้ซีทรูที่อยู่ในมือไม่วางตา ในขณะที่ในหัวก็พยายามคิดว่าจะโปรโมทสินค้าชิ้นนี้ออกมายังไง
“ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย” เธอบ่นกระปอดกระแปดตามประสา ขณะปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เพื่อลองใส่สองชิ้นเล็กๆ ที่เขาให้มา
“โห! นุ่ม เบาสบาย ใส่เหมือนไม่ใส่เลยอะ ที่สำคัญ…เพิ่งรู้ว่าเราก็เซ็กซี่เหมือนกันนะเนี่ย” หลังจากได้ใส่บรากับชั้นในตัวจิ๋ว เธอก็หมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจก ครั้นพอจะเดินไปหยิบเสื้อที่ถอดไว้มาสวมทับ ความเงอะงะงุ่มง่ามก็ทำให้เธอเผลอเหยียบสายชุดชั้นในที่ทำหล่นไว้ แล้วพอรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่เกี่ยวกับสายชุดชั้นใน มันก็เลยทำให้เธอหงายท้องลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
“ว้าย!” เธอล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น อีกทั้งส้นสูงก็ทำให้เท้าเธอแพลงอย่างช่วยไม่ได้
“ฮือ…! รู้งี้ยอมถอดรองเท้าก่อนก็ดี ไม่น่าขี้เกียจเลยเรา” เพราะรองเท้าเป็นแบบรัดส้น แล้วสายมันก็ถอดยาก เธอจึงไม่อยากถอดมันให้เสียเวลา
“ก๊อกๆๆ เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรรึเปล่า” เพราะเสียงร้องของเธอ ทำให้เขาต้องรีบวิ่งมาเคาะประตู
“ปะเปล่า ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ โอ๊ย!” เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ข้อเท้าที่แพลงก็ไม่ได้เป็นใจ จนสุดท้ายต้องล้มลงไปอีก
“ก๊อกๆๆ เปิดประตูเดี๋ยวนี้วิวาห์ ถ้าไม่เปิดฉันจะพังเข้าไป” เขาเคาะประตูเสียงดังอย่างกำลังร้อนใจ
“ไม่ๆๆ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะท่านประธาน” เธอพยายามบ่ายเบี่ยง ในขณะที่กำลังเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ครั้นจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่มาใส่ยังทำไม่ได้ จะขอความช่วยเหลือจากคนข้างนอกยิ่งทำไม่ได้ใหญ่ สุดท้ายเลยได้แต่นั่งกุมข้อเท้าน้ำตาซึม
“ถ้าไม่เป็นไร งั้นก็เปิดประตู”
“ให้ตายสิ! จะเซ้าซี้อะไรนักหนาวะเนี่ย” เธอบ่นกระปอดกระแปดตามประสา เมื่อคนด้านนอกยังไม่เลิกรบเร้า
“แวววิวาห์ ฉันบอกให้เปิดประตู ถ้าไม่เปิดฉันจะพังเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ ปังๆๆ” เขาเคาะเสียงดังขึ้นจนคนในห้องลนลาน
“ว้าย! ไม่ได้นะ พังเข้ามาไม่ได้นะ ก็บอกว่าเดี๋ยวออกไปไงเล่า ฟังไม่รู้เรื่องรึไง” เธอตะโกนออกไปอย่างหัวเสีย ทำเอาคนข้างนอกถึงกับสะอึก ก่อนจะโกรธกรุ่นขึ้นมาบ้าง
“นี่! มันจะมากไปแล้วนะ กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่ฉันหา!” ด้วยความโมโห มือข้างหนึ่งจึงเอื้อมไปหมุนลูกบิดเพื่อขู่ คิดไว้แล้วแหละว่าถึงหมุนไปก็คงเปิดไม่ออก แต่…กรรมของเวร เวรของกรรม มันดันเปิดออกซะงั้น
“แกร๊ก!” เสียงลูกบิดประตูทำให้เธอที่นั่งอยู่กับพื้นจำต้องเงยหน้าหันไปมอง พลันดวงตาของเธอก็สบเข้ากับดวงตาของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ตึก…ตึก…ตึก…” ทั้งสองสบตากันนิ่งด้วยความตกตะลึง ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเลื่อนสายตาจากดวงหน้าหวานลงมาจับจ้องที่ชุดชั้นในสีแดงสดชิ้นเล็กๆ สองชิ้น แต่จะว่าไปสีแดงสดที่ตัดกับผิวขาวๆ ของเธอ มันกลับยิ่งขับให้นวลเนื้อของเธอยิ่งดูโดดเด่นจนเขาต้องลอบกลืนน้ำลาย และไอ้สายตากับท่าทางที่เขาจับจ้องมองมา ทำให้เธอจำต้องเลื่อนสายตามองตาม
“กรี๊ด…อุ๊บ!” เธอตั้งใจจะกรีดร้อง แต่เสียงกลับถูกกลืนหายไปเพราะเขาที่กระโจนลงมาปิดปากเธอเอาไว้ด้วยปากเขาเอง
“อื้อ…!” เธอประท้วงต่อต้าน ทั้งผลักทั้งดันเขาให้ออกห่าง แต่ด้วยพละกำลังและช่วงตัวที่ใหญ่กว่าของเขา ทำให้ไม่สามารถทำอย่างที่ใจคิด อีกทั้งสัมผัสของเขา รอยจูบของเขา มันก็ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก จนเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาทำอะไรตามอำเภอใจ
จากที่คิดว่าจะแค่ปิดปากปิดกั้นเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูที่อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด กลับกลายเป็นว่าพอได้สัมผัสแตะต้อง ประกายไฟที่มันเคยริบหรี่กลับปะทุขึ้นมาจนยากจะดับ ริมฝีนุ่มนิ่มที่เขาโหยหามาตลอดทั้งคืน อีกทั้งกลิ่นหอมจางๆ จากกายสาวที่คุ้นเคย มันก็ทำให้เขาเตลิดจนยากจะควบคุม แต่แล้วในขณะที่เขากำลังหลงเพริดไปกับความเย้ายวนตรงหน้า จู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แวบขึ้นมาในหัว
‘หรือนี่จะเป็นแผนยั่วให้เราหลงกล’ คิดได้ดังนั้นเขาก็ผลักเธอออกราวกับต้องของร้อน ก่อนจะจับจ้องมองเธอด้วยความหวาดระแวง
“ถึงขนาดยอมแก้ผ้าเพื่อจับผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่แวววิวาห์” คำพูดร้ายๆ ที่เขาโพล่งออกมาดึงเอาสติสัมปชัญญะทั้งหมดของเธอกลับมา
“แล้วคุณล่ะเป็นผู้ชายแบบไหน อยู่ๆ มาจูบคนอื่นโดยที่เขาไม่ยินยอม ไม่ขอโทษไม่พอ ยังปากหมามาว่าเขาอีก คิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดจะทำอะไรก็ได้รึไง โธ่! คุณมันก็ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเหมือนกันนั่นแหละ” คำพูดดูแคลนทำให้เธอโกรธจนเผลอด่าแรงๆ ออกไปอย่างลืมตัว ลืมไปว่าผู้ชายตรงหน้าคือเจ้านาย และเขาสามารถไล่เธอออกได้
“นี่เธอ” เขาชี้หน้าด้วยความกราดเกรี้ยว เกิดมาเพิ่งเคยถูกผู้หญิงด่า