วันต่อมาภูมิบุญรีบออกจากบ้านเช้ากว่าเดิมเพราะไม่อยากเจอกับแทนทวีตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางรีบเดินออกจากซอยข้ามฝั่งไปนั่งรถสองแถว ภูมิบุญมาถึงหน้าคาร์ฟูลอ่อนนุชตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเดินตามผู้คนไปขึ้นรถไฟฟ้าเพราะนัดกับพลอยไว้ที่หน้ามหาวิทยาลัย อากาศร้อนอบอ้าวตั้งแต่เช้าพอลงจากรถไฟฟ้าซึ่งคราวนี้ไม่นั่งเลยป้ายแล้วภูมิบุญก็รีบเดินไปตามที่นัดหมาย
"เออภูมินายไม่มีโทรศัพท์เหรอ" พลอยถามเมื่อนั่งอยู่ในร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัยระหว่างรอก้องอีกคน
"ยังไม่มีอ่ะพลอยจดเบอร์ให้เราก่อนดิเดี๋ยวเวลามีจะบอก"
"แปลกจังเราเห็นเด็กสมัยนี้มีโทรศัพท์กันตั้งแต่อยู่อนุบาล" พลอยทำหน้าสงสัยประหลาดใจในความล้าสมัยของภูมิบุญ
"แหมพลอยสมัยไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นมีนักเรียนพกโทรศัพท์ไปโรงเรียนกันนี่คนพวกนั้นจบออกมาก็ได้เป็นใหญ่เป็นโตถมเถไป เราไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นตรงไหนเลยพอมีโทรศัพท์ก็ต้องจ่ายค่าบริการเขาอีก ไม่รู้อ่ะเรายังไม่ได้ทำงานไม่อยากเพิ่มภาระให้แม่" ภูมิบุญพูดเรื่อยเปื่อยสายตามองแก้วนมอุ่นที่สั่งมาดื่ม
"เออเนอะมันเข้ามาครอบงำเราตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ"
"แหมพลอยก็พูดไปมีโทรศัพท์ก็ดีนะเราว่า เวลาไปไหนมาไหนมันก็สะดวกแต่เราก็ไม่ชอบอยู่ดีเพราะทำให้อะไรบางอย่างที่มันคลาสสิกมันเลือน
หายไป"
"อะไรล่ะคลาสสิกที่นายว่า"
"ก็อย่างเวลานัดเจอกันไงอย่างวันนี้เรานัดกันล่วงหน้าเพราะเราไม่มีโทรศัพท์เราจึงรีบมาตามเวลาแต่ถ้าเรามีเราอาจจะโทรมาบอกว่ายังไม่ถึง อย่างนั้นอย่างนี้อย่างน้อยเราก็ว่ามันทำให้เราเห็นความสำคัญในการสื่อสารหรือการนัดเจอกันนะ"
"อ่ะนะพ่อคุณเข้าใจพูด เอาเถอะพอมีเดี๋ยวก็เปลี่ยนความคิดไปเองล่ะ อิอิ" พลอยล้อภูมิบุญเองก็หัวเราะ
"เราก็ว่างั้นล่ะ" พอก้องมาถึงทั้งสามก็เดินเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมกัน ตอนบ่ายไม่มีวิชาเรียนทั้งภูมิบุญ พลอยและก้องก็ชวนกันไปนั่งหน้าตึกวิศวฯระหว่างรอรับน้องในตอนเย็นเพราะพลอยบอกว่ามีหนุ่มๆหล่อๆเยอะแต่ภูมิบุญขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนให้พลอยกับก้องไปรอที่ม้านั่งภูมิบุญเดินอ้อมไปเข้าห้องน้ำหลังคณะความเคลื่อนไหวของภูมิบุญถูกจับตามองตลอดเวลาโดยทัน ที่แม้คณะของเขาจะอยู่คนละฝั่งถนนแต่ก็ไม่เรียนมาดักรอจังหวะที่จะกลั่นแกล้งภูมิบุญให้สาสม พอเห็นภูมิบุญเดินไปเข้าห้องน้ำก็เดินตามทันทีโดยมีเบสกับเพื่อนอีกคนที่ไม่ใช่กัสและแทนทวี
"มึงเอาจริงเหรอวะไอ้ทัน" เบสถามขึ้นเพราะเริ่มหวั่นใจขึ้นมา
"จริงสิวะปากดีนักเดี๋ยวมึงก็รู้ไอ้เด็กบ้านนอกมึงเตรียมถ่ายคลิปไว้ด้วยล่ะ" ทันยิ้มที่มุมปากคิดแผนชั่วอยู่ในใจ ภูมิบุญเดินเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับตัว ห้องน้ำหลังคณะมีนิสิตเข้ามาใช้อยู่พอสมควร แต่พอทันกับเพื่อนเข้าไปในห้องน้ำก็ส่งสายตาไล่นิสิตคนอื่นออกจากห้องน้ำไป ภูมิบุญไม่ทันสังเกต
"ยืนฉี่ด้วยโว้ยเฮ้ยกูนึกว่าจะนั่งฉี่" ทันเปิดฉากถากถางภูมิบุญเอี้ยวหน้าไปดูแล้วก็ต้องผงะเพราะไม่คิดว่าจะเจอทันที่นี่
"ไหนก้นมึงงอนนี่หว่า" ทันปรี่เข้าหาแล้วถือวิสาสะจับก้นภูมิบุญทันที
"อะไรพี่" ภูมิบุญรีบทำธุระของตนแล้วเบี่ยงตัวออกน้ำเสียงเริ่มสั่นเพราะความกลัวมันเริ่มกัดแทะเข้าไปในใจ
"สะดีดสะดิ้งนะมึงทำยังกะไม่เคย ไหนเป่าปี่ให้กูซิอีตุ๊ด" ทันจู่โจมจับบ่าภูมิบุญให้ถอยไปประชิดประตูห้องน้ำ
"หน้าซีดแล้วมึงฮ่าๆๆ กลัวเป็นด้วยเหรอน้องภูมิเห็นปากเก่งนี่"
"พวกพี่ต้องการอะไร" ภูมิบุญเสียงเริ่มสั่นคิดสภาพเหตุการณ์ไม่ออก รู้เพียงอย่างเดียวว่าตอนนี้ตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
"ให้มึงเป่าปี่ให้ไงไหนเห็นเขาว่าตุ๊ดเป่าปี่เก่งลองหน่อยดิ๊เผื่อกูติดใจ จะได้ใช้บริการบ่อยๆ" ภูมิบุญรู้สึกหน้าชาโดนจาบจ้วงดูแคลนอย่างหนักเม้มปากแน่นทันที
"พี่ก็เป่าให้กันเองดิมายุ่งอะไรกับผม"
"มึง"
"เฮ้ยอย่าเดี๋ยวมันไปฟ้องอาจารย์" เบสร้องห้ามเพราะทันง้างมือจะฟาดลงหน้าภูมิบุญอยู่แล้วส่วนภูมิบุญหลับตาปี๋
"เข้าไป" ทันผลักภูมิบุญให้เข้าไปในห้องน้ำทันทีไม่ให้ตั้งตัว
"เฮ้ยมึงเอาโทรศัพท์มาดิกูจะถ่ายมัน" ภูมิบุญเม้มปากรู้สึกเจ็บใจที่โดนกลั่นแกล้งน่ะพอทนไหวแต่ดูหมิ่นเหยียดหยามศักด์ศรีกันมันไม่น่าให้อภัย ชายผู้นี้เป็นใครมีสิทธิ์อะไรในการกระทำเช่นนี้ พอคิดได้อย่างนั้นก็สูดลมหายใจเข้าปอด
"พี่จะเข้ามาพร้อมกันเลยเหรอผมอายนะครับ ผมทำให้ทีละคนได้ไหม" ภูมิบุญเปลี่ยนเสียงให้อ่อนลงและพยายามเก็บกดเสียงที่สั่นนั้นให้มันอยู่เพียงแต่ในลำคอแล้วทำตายั่วยวนทัน
"ไม่ได้แล้วใครจะถ่าย" ทันไม่ยอม
"ก็พี่ถือโทรศัพท์ไว้ดิพี่ไม่เห็นต้องทำอะไรแค่นั่งให้ผมทำให้ นะครับพี่"
"เออดีว่ะกูรอข้างนอกละกันไปไอ้นิก" เบสชวนเพื่อนออกไปรอหน้าห้องน้ำทันล็อคประตูแล้วกระชับร่างของภูมิบุญเข้ามาใกล้ๆ ลมหายใจที่ร้อนผ่าวๆรดหน้าของภูมิบุญอยู่เขาไม่หลบแต่สบตากับทันอย่างจงใจแล้วฉายรอยยิ้มออกมา
"พี่ยืนตรงนี้สิผมจะได้ทำสะดวก" ภูมิบุญเบี่ยงตัวออกมาหลังพิงประตู
"ถอดกางเกงก่อนสิพี่"
"เฮ้ยไม่เอามึงรูดซิบเฉยๆไม่ต้องถอด เร็วๆอย่ามาตุกติกนะมึง" ทัน
เองที่เริ่มเป็นฝ่ายตื่นเต้นภูมิบุญยกริมฝีปากขึ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มหวาน
ให้
"ผมทำไม่สะดวกน่ะพี่เผื่ออยากให้เลียไปถึงไหนต่อไหน นะครับพี่ทัน มาผมถอดให้" ภูมิบุญก้าวเข้าไปประชิดตัวกระซิบข้างหูทันขนลุกซู่ ภูมิบุญรีบปลดเข็มขัดรูดกางเกงพร้อมกางเกงชั้นในลงทันทีทั้งสองขลุกขลักอยู่ในห้องน้ำเพราะความตั้งใจของภูมิบุญคือถือกางเกงทันไว้ในมือและตอนนี้มันก็อยู่ในมือของเขาแล้ว
"พี่นั่งลงดิผมจะทำแล้วถ่ายไว้ด้วยนะ จะได้จำ" ภูมิบุญพูดแล้วดันให้ทันนั่งลงกับส้วมภูมิบุญยอมจับอาวุธส่วนตัวของทันที่ตื่นตัวเต็มที่ ทำท่าก้มหน้าลงไปใกล้ๆ มือข้างหนึ่งจับอาวุธของทันอีกมือเอื้อมไปหยิบขันตักน้ำให้เต็ม ภูมิบุญเงยหน้าขึ้นสาดน้ำใส่ตัวทันที
"เฮ้ย ไอ้" ภูมิบุญรีบเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำแล้วถือกางเกงในมือปรี่ไปที่ถังขยะทิ้งลงไป
"เฮ้ยเสร็จไวจังน้อง" เบสร้องถามแต่เห็นท่าไม่ดีจะจับตัวภูมิบุญไว้เพราะเสียงร้องของทันในห้องน้ำแต่เป็นจังหวะที่มีนิสิตคนอื่นกำลังเดินมาเข้าห้องน้ำพอดี
"ลองสิเรื่องถึงคณะอธิการแน่" ภูมิบุญขู่แล้ววิ่งหนีไปทันที
"ไอ้เบสมานี่หน่อย เฮ้ย" ทันร้องเรียกเพื่อนพอเพื่อนเข้าไปก็ต้องหัวเราะชอบใจแต่เจ้าตัวตวาดดังลั่นให้ไปเอากางเกงมาให้ ทันแค้นใจเป็นอย่างมากที่โดนตลบหลัง ส่วนภูมิบุญวิ่งไปเข้าห้องน้ำของคณะวิศวฯด้วยหน้าตาที่ตื่นกลัว
"หนีอะไรมาน้อง" เสียงของรุ่นพี่ถามดังมาจากอ่างล้างมือข้างๆ
"หนีคนบ้าพี่" ภูมิบุญรีบล้างมือออกเหมือนจะเอาสิ่งที่สกปรกที่สุดออกจากมือไปให้หมดเขาล้างมืออย่างบ้าคลั่งแค่ล้างไม่พอยังเอามือถูกันแรงๆจนรุ่นพี่ที่ยืนมองอยู่เริ่มตกใจแต่ภูมิบุญไม่ได้สนใจมองเขาพอเสร็จก็ออกมาจาก
ห้องน้ำเดินไปหาเพื่อน ภูมิบุญเล่าให้พลอยกับก้องฟัง
"เฮ้ยทำแบบนี้มันเกินไปนะภูมิไปฟ้องอาจารย์ดีกว่า" ก้องออกความคิด
"นั่นสิภูมิ มันคุกคามสิทธิเสรีภาพของนายนะจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้
นิสัยเสียที่สุด" ภูมิบุญนั่งคิดอยู่ถ้าปล่อยเรื่องไว้แบบนี้เขาไม่เป็นอันเรียนแน่ๆ แต่จะบุ่มบ่ามไปก็ไม่ใช่เรื่องเพราะตนเพิ่งก้าวเข้ามาเรียนได้ไม่ถึงอาทิตย์ถ้ามีเรื่องคนที่เสียคือภูมิบุญเอง อีกอย่างถ้าเรื่องถึงที่บ้านแม่เองกับคุณท่านก็จะเสียใจ เรื่องทุกอย่างมันมีต้นเหตุคือแทนทวีเพราะเขารู้จักแทนทวีด้วยอะไรไม่ทราบทำให้เพื่อนของเขาไม่พอใจในตัวของภูมิบุญ
"อยู่นี่เองต๊ายดอดมานั่งหน้าคณะวิศวฯเลยนะ หาผู้ชายเหรอยะ ร้ายนะยะหล่อนเพิ่งเข้าไม่ทันข้ามอาทิตย์แรดมายั่วผู้ชายถึงนี่เลยเหรอ" เสียงที่ไม่พึงประสงค์ที่จะได้ยินดังมาจากข้างหลัง นิตานั่นเองเธอยืนอยู่กับเพื่อนหญิงอีกคนท่าทางไม่ต่างกันมากเพราะการแต่งตัวท่าทางไม่ผิดกันเลย ภูมิบุญถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"นี่นังเกย์บ้านนอกหนุ่มวิศวฯที่นี่เขาไม่มีรสนิยมป่าเดียวกันหรอกนะยะหล่อนเสียเวลาเปล่าๆโน่นตามไซค์งานตรงใกล้ๆจามจุรีแสควส์โน่นยังพอมีเหลือ ถ้าแถวนั้นก็ไม่แน่ อิอิ" นิตายังถากถางไม่อายโต๊ะข้างๆเลยแม้แต่น้อยภูมิบุญไม่โต้ตอบนิ่งอยู่ทำทีไม่รู้จักแม้ในใจมันจะเริ่มเดือดเป็นไฟก็ตามที
"นี่แกฉันพูดอยู่กับแกนะหูหนวกรึไง หาอีตุ๊ด อีกะเทยบ้านนอก"
"เอ่อใครครับป้า เอ้ยพี่ พูดกับผมเหรอครับ"
"แกนั่นล่ะอีกะเทยบ้านนอก" นิตาแผดเสียงตวาดลั่น
"เรารู้จักกันด้วยเหรอครับพี่ อีกอย่างแถวบ้านผมน่ะคนรู้จักกันเขาไม่พูดจาแบบนี้กันหรอกนะครับเขาเรียกว่าเสียมารยาท"
"แก" นิตาอ้าปากจะด่า
"อีกอย่างถ้าหนุ่มวิศวฯที่นี่ไม่สนคนอย่างผมแสดงว่าพี่แทนเขาสน งั้นไม่เป็นไรไปยั่วพี่แทนคนเดียวก็ได้เพราะเหนื่อยเหมือนกันนั่งมานานแล้วมีแต่หน้าหล่อๆที่แสนจะธรรมดามาถามชื่อขอเบอร์อย่างพี่คนนั้นไงครับ" ภูมิบุญบุ้ยปากไปทางหน้าห้องน้ำที่รุ่นพี่คนนั้นกำลังเดินออกมาหน้าตาของเขาไม่ใช่หล่อธรรมดาแต่เขาเป็นถึงนักกีฬาฟุตบอลของมหาวิทยาลัย นิตากับเพื่อนสาวหันตามไปมองอย่างเสียไม่ได้
"อีตอแหล กล้าดียังไงแกห้ามยุ่งกับแทนเด็ดขาดแทนเป็นแฟนฉัน อี
หน้าด้านอีกอย่างพี่อ๊ออฟน่ะเหรอจะมาชอบกะเทยอย่างแกแฟนเขาออกจะสวย ฝันกลางวันไปแล้วอีกะเทย" นิตาถลาเข้ามาหวังจะตบแต่ภูมิบุญลุกขึ้นยืนจ้องหน้านิตาจึงชะงักไป
"ใช่ผมหน้าด้านหน้าด้านที่มายืนด่าว่าคนอื่นอยู่ห้ามไม่ให้คนอื่นแย่งผู้ชายของตัว ทั้งที่เขาไม่ยักบอกว่าเป็นแฟนตัว เฮ้อเพิ่งรู้ทำไมสังคมเรามันเสื่อม เพราะแบบนี้นี่เอง เขาให้มาเรียนศึกษาหาความรู้ดันมาแย่งผู้ชายกับเกย์ ไม่มียางเลยนะผมน่ะ ปากก็บอกตัวเองเป็นคนรวย เป็นไฮโซ ผมนี่มันแย่จังนะครับที่เป็นไฮโซแต่ทำตัวเหมือนคนที่ไร้การศึกษา ไร้มารยาท ต่ำ"
"กรี๊ดดด อี" นิตาแผดเสียงขึ้นอ้าปากค้างเพราะภูมิบุญแย่งพูด
"พอเถอะพี่ผมอายคน ไปพลอยก้อง รำคาญเสียงชะนีร้องเรียกหาผัวแถวนี้" ภูมิบุญไม่ยอมให้นิตาอ้าปากด่าเดินหนีไปแล้วนิสิตคณะวิศวฯที่มาจับกลุ่มกันอยู่แถวบริเวณนั้นมองกันใหญ่ นิตาทุกคนพอรู้จักแต่เด็กหนุ่มหน้าใสหน้าตาดูหยิ่งๆคนนั้นที่ปะทะคารมกับนิตาไม่มีใครรู้จัก เสียงกรี๊ดของนิตากับเพื่อนดังแว่วไล่หลังมาภูมิบุญเม้มปากพยายามระงับอารมณ์ไว้
"พลอย ก้องไปรอที่รับน้องนะเดี๋ยวเรามา"
"จะไปไหนภูมิ"
"ไปเคลียร์กับใครบางคน" ภูมิบุญพูดแล้วเดินจ้ำออกไปนอกมหาวิทยาลัยข้ามถนนไปอีกฝั่งเดินตรงเข้าไปในคณะนิติฯ พอดีเจอกับกัสที่กำลังคั่วสาวอยู่หน้าตึก
"พี่ครับเห็นพี่แทนไหม" ภูมิบุญปรี่เข้าไปยกมือขึ้นไหว้แล้วถามออกมาไม่อ้อมค้อม
"อ้าวเราน่ะเอง ทำไมครับ"
"ผมอยากคุยกับพี่แทนพี่เจอพี่แทนป่ะครับ"
"มีอะไรกันหน้าตาตื่นเชียวไปกินรังแตนที่ไหนมาไอ้น้อง" ภูมิบุญเห็นประโยชน์ไม่มีที่จะถามเขาต่อจึงเม้มปากแล้วหันหลังให้ทันที
"เฮ้ยเดี๋ยวใจร้อนไปได้ ไอ้แทนมันอยู่หลังตึกโน่น" กัสบอกออกมาภูมิบุญหันไปมองตามทางที่เขาชี้ปรี่เข้าไปหาทันที แทนทวีกำลังนั่งพลิกหนังสือไปมาไม่ได้อ่านแต่เหมือนกำลังไม่มีอะไรทำเสียมากกว่า
"อ้าวภูมิมาหาพี่ถึงนี่เชียวคิดถึงพี่เหรอครับ" คำทักทายที่ทำให้ภูมิบุญ
แสยะยิ้มออกมา
"มาคุยกันหน่อยครับพี่" ภูมิบุญพูดเสียงเครียดจ้องหน้าแทนทวีเขม็ง
"หือมีอะไร ทำไมทำหน้าดุจัง"
"พี่ผมไม่รู้นะว่าเพื่อนพี่เขาเกลียดชังอะไรผมมากมายนักแต่ผมมาที่นี่เพื่อมาเรียน ผมไม่อยากมีปัญหากับใคร ผมปากไม่ดีผมรู้ตัวผมขอโทษแต่เรื่องมันจะไม่เกิดถ้าผมกับพี่ห่างกัน พูดง่ายๆคือเราสองคนก็ไม่ต้องมาทำเป็นรู้จักกัน นับจากนี้เป็นต้นไปและรบกวนพี่ไปบอกเพื่อนพี่ด้วยว่าเราสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกัน" ภูมิบุญพูดแบบไม่หยุดหายใจจ้องหน้าแทนทวีอยู่ไม่วางตา
"เฮ้ยอะไรภูมิใจเย็นๆใครมันไปทำอะไรภูมิบอกพี่มา"
"ไม่สำคัญหรอกพี่แต่ต่อจากนี้รบกวนบอกเพื่อนพี่ด้วยว่าพี่ไม่ได้เจอผมแล้วไม่ต้องไประรานอะไรผมอีก" ภูมิบุญขึ้นเสียงจ้องหน้าอยู่ส่วนแทนทวีก็ได้แต่งงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูมิบุญกันแน่
"ไม่ได้หรอกภูมิ พี่ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมล่ะ พี่จะคบกับภูมิมันเกี่ยวกับใคร"
"พี่" ภูมิบุญเม้มปากไม่มีอะไรจะพูดเพราะเขาทำหน้ากวนใส่ไม่สนใจเป็นทุกข์ร้อนกับเขาเลยสักนิดเดียว
"ตามใจนะครับอย่าหาว่าผมร้ายละกันที่ผมมาบอกพี่เพราะอยากให้เตือนเพื่อนๆของพี่ ถ้าผมไม่สบายใจบอกเพื่อนๆพี่ด้วยเรื่องถึงคณะอธิการแน่ ผมไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาโขกสับผมง่ายๆหรอก" ภูมิบุญลดระดับเสียงลงพูดเสียงนิ่งกัดฟันจนกรามเริ่มปูดโปน
"ไหนภูมิ ใจเย็นๆเล่าให้พี่ฟังหน่อยครับว่าเรื่องมันเป็นยังไง"
แทนทวียังใจเย็นจ้องหน้าภูมิบุญแล้วยิ้ม ให้ตายเถอะเขาบอกกับตัวเองเวลาภูมิบุญโกรธยิ่งน่าแกล้งมากกว่าเดิมอีกนะ
"ผมยืนยันคำเดิมครับพี่ต่อจากนี้ผมจะไม่คุยกับพี่อีก ขอโทษด้วยที่ต้องทำแบบนี้อยากรู้พี่ถามพี่ทันกับพี่นิตาดูสิครับ" ภูมิบุญเดินหันหลังให้ทันทีแทนทวีลุกขึ้นตามแล้วฉุดแขนไว้
"เดี๋ยวภูมิพี่ทำอะไรผิดเราถึงจะไม่พูดกับพี่ไม่ได้พี่ไม่ยอม"
"ปล่อยครับ ผมจะไปเรียน"
"ไม่ปล่อยจนกว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง"
"ผมพูดรู้เรื่องแล้วพี่จะรู้เรื่องหรือไม่ผมไม่สนใจ แค่นี้นะพี่ ปล่อย" ภูมิบุญบิดข้อมือออกจากการจับกุมของแทนทวี
"ไม่ได้"
"ปึ๊ก"
"โอ๊ย" ภูมิบุญเอามือที่โดนจับกุมไว้นั้นเองกระทุ้งไปที่ท้องของแทนทวี เขาก้มลงตัวงอภูมิบุญยืนมองอยู่แล้วยิ้มที่มุมปาก
"ผมบอกพี่แล้วนะ" ภูมิบุญพูดแล้วเดินกลับคณะของตัวเองภูมิบุญเริ่มคิดหนักว่าโดนคุกคามเข้าแล้วจะทำตัวยังไงให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของรุ่นพี่ต่างคณะได้ คิดแล้วก็ถอนหายใจระบายความเครียดออกมากับลมหายใจ
พอรับน้องเสร็จพลอยก็พาภูมิบุญกลับบ้านทางใหม่โดยเป็นคนออกไปส่งทางด้านถนนพระรามสี่ระหว่างที่เดินจะออกจากมหาวิทยาลัย แทนทวีก็ขับรถมาจอดข้างๆ
"ป่ะภูมิกลับกับพี่" แทนทวีจอดรถแล้วลงมาดักทางไว้
"ไม่ครับ ขอบคุณผมจะไปทำธุระ"
"ไปไหนพี่ไปส่ง"
"เอ๊ะพี่พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหมนี่ต้องให้ผมทำยังไงพี่ถึงจะเลิกมาวอแวกับผมซะทีเข้าใจอะไรง่ายๆหน่อยได้ไหม หน้าตาก็ไม่ได้โง่นะพี่" ภูมิบุญแว้ดเสียงขึ้น
"ทำไมล่ะภูมิทำไมพี่ถึงจะต้องเลิกมาหาภูมิ" แทนทวีย้อนภูมิบุญพูด
ไม่ออก ความจริงว่าไปแล้วแทนทวีก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเพื่อนของเขาต่างหากที่วอแว
"ไม่รู้พี่วันนี้ผมอยากกลับคนเดียว" ภูมิบุญพูดออกไปสีหน้าไม่สู้ดี
"พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะพี่จัดการให้แล้วเพราะถ้ามันไม่มาเลิกวอแวกับภูมิพี่จะเลิกคบกับมัน" แทนทวีพูดเสียงเรียบทำให้ภูมิบุญมองหน้าเม้มปากอยู่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะลุกลามได้เร็วขนาดนี้
"กลับกับพี่เถอะครับกลับคนเดียวมันอันตราย" แทนทวีพูดเสียงนุ่มจน
พลอยแอบสะกิดดันหลังให้ภูมิบุญใจอ่อนสรุปภูมิบุญก็กลับกับแทนทวี
"เพื่อนๆพี่คงเกลียดผมมากสินะครับ" ภูมิบุญพูดขึ้นระหว่างรถรอสัญญาณไฟ
"ไม่หรอกไอ้ทันมันทำไปเพราะไม่มีใครเคยลูบคมมันมาก่อน ส่วนนิตาพี่ไม่รู้จะบอกยังไงดีว่าพี่กับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน" แทนทวีเองก็แสดงความเหนื่อยหน่ายใจออกมาเช่นกัน
"พี่นิตาก็ดีทุกอย่างนี่ครับทำไมพี่ไม่คบกับเขาล่ะ"
"ไม่รู้สิอยู่ใกล้ๆแล้วเฉยๆไม่รู้สึกว่าอยากจะเป็นแฟน ถ้าเป็นภูมิค่อยว่าไปอย่างใจพี่เต้นแรงตลอดนะรู้ป่ะ" ภูมิบุญถอนหายใจมองออกนอกกระจกรถทันทีเขาไม่รู้ว่าจะบอกยังไงให้แทนทวีเข้าใจไม่ใช่เขาไม่มีหัวใจแต่หน้าที่ตอนนี้คือเรียนให้จบภายในกำหนดตั้งใจเรียนให้หนักกว่าสิ่งอื่นไม่อยากวอกแวกแต่ความคิดนี้ก็ถูกกลืนเข้าไปในคอไม่พูดอะไรอีกจนถึงบ้าน