ฉาก ๖

3050 คำ
วันศุกร์ภูมิบุญกลับจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างมืดแต่ก็ได้โทรศัพท์บอกจันทร์แล้ว คุณอภิสราซื้อโทรศัพท์ให้ภูมิบุญเป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ยี่ห้อดังระบบสัมผัส ภูมิบุญเองใช้ยังไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่จึงให้พลอยกับก้องสอน พอเปิดประตูเข้าบ้านก็เห็นแสงสว่างลอดออกมาจากหน้าต่างห้องดำ "คุณโตโต้กลับมาแล้วเหรอ" ภูมิบุญบอกกับตัวเองพลันใจก็เต้นแรงรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกพอเข้าบ้านก็ตรงไปที่ห้องของตัวเอง ไม่เห็นมีใครอยู่สักคนหรือจะอยู่บนตึกใหญ่ ภูมิบุญเดินขึ้นไปบนตึกใหญ่เสียงคุยเจี้ยวจ้าวดังออกมา เสียงหัวเราะของจันทร์เองผสมกับเสียงของคุณอภิสรา "ต๊ายคุณโตโต้คะกลับมาพี่อ้อยจำไม่ได้เลยค่ะหล่อมากขนาดพระเอกละครยังอายเลยนะเนี่ย" “พี่อ้อยครับบอกแล้วอย่าเรียกผมโตโต้ เรียกซะเต็มยศเลยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นชุดเครื่องนอนอย่างงั้นล่ะพี่เรียกโต้เฉยๆผมไม่ชินครับไอ้โตโต้อะไรเนี่ย” เสียงของอ้อยขึ้นเสียงสูงขยายความคำว่าหล่อส่วนเสียงของเขาทุ้มต่ำเข้มๆจนชวนน่าขนลุก ภูมิบุญยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูจะเปิดเข้าไปดีไหมนะ "อ้าวจันทร์ตาภูมิยังไม่กลับมาจากมหาฯลัยอีกเหรอลองโทรไปหาหน่อยซิ เนี่ยบอกว่าพี่เค้าอยากเจอ" เสียงคุณอภิสราทำให้ภูมิบุญยิ่งกระเจิงไปใหญ่ ทำไมเราต้องกลัวขนาดนี้ด้วยสั่นเหมือนจะไปสอบสัมภาษณ์อะไรสัก อย่างเลยภูมิบุญตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องโถง "อ้าว นั่นไงคะคุณท่านมาพอดีภูมิมานี่หน่อยลูก" เสียงจันทร์ร้องเรียก ให้ภูมิบุญเข้าไปหาภูมิบุญเดินก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆจนถึงบริเวณจึงเงยหน้าขึ้นยกมือไหว้ทุกคนจากคุณอภิสราแล้วก็จันทร์มาสะดุดอยู่ที่ชายหนุ่มผิวขาวผมสั้นเกรียนใบหน้าสะอาดผุดผ่องแต่มีไรหนวดและเคราค่อนข้างยาวมันตัดกับผิวขาวของเขาทำให้ใบหน้าของเขาดูลอยเด่นขึ้นมา "นี่ไงจ๊ะคุณโตโต้ เอ้ยคุณโต้น่ะภูมิ" "สวัสดีครับคุณโตโต้" ภูมิบุญยกมือขึ้นไหว้แวบแรกที่เห็นสายตาคู่นั้นเขาก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆเพราะมันฉายแววที่ไม่เป็นมิตรเสียเลยดวงตาแข็งๆจ้องเขาเขม็งจนรู้สึกอึดอัดภูมิบุญก้มหน้าลงทันที “บอกแล้วอย่าเรียกฉันว่าโตโต้เรียกโต้เฉยๆ” เขาเสียงดุเข้มขึ้นทันที "มาภูมิมานั่งข้างๆป้า" เสียงคุณอภิสราร้องเรียกเอามือตบเบาะให้ภูมิบุญไปนั่งลงข้างๆภูมิบุญหันมองหน้ามารดา รายนั้นช่วยอะไรไม่ได้มากได้แต่พยักหน้าให้ภูมิบุญทำตามที่คุณอภิสราบอก "เรียนอะไร" เสียงที่ห้วนแข็งดังขึ้นภูมิบุญสะดุ้งทำไมเสียงเขาเข้มน่ากลัวเหลือเกิน "เอ่อเรียนรัฐศาสตร์ครับ" "แล้วรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์มาจากไหน" เขาถามต่อทันทีภูมิบุญอึกอักไม่รู้จะตอบยังไงดี "เอ่อคือ" "แล้วคุณแม่ให้เขามาวิจารณ์งานของบริษัทเราเนี่ยเหรอครับ" โตโต้หรืออภิชัชต์คือบุตรชายคนเดียวของคุณอภิสรา สามีของคุณอภิสราได้เสียตั้งแต่เขาเรียนอยู่ชั้นประถมเธอเป็นหญิงแกร่งในแวดวงสังคมที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้จนเป็นที่ยอมรับของหลายๆคนจนชื่อเสียงของบริษัทจัดอยู่ในชั้นแนวหน้าเพราะสร้างรีสอร์ทดังๆเอาไว้หลายที่ "อะไรกันโต้แม่บอกเราแล้วนะน้องเขาช่วยแม่ไม่ให้โดนโกงนะอย่ามาทำเสียงแข็งแบบนี้ใส่ภูมินะแม่ไม่ชอบ" คุณอภิสราเอ็ดโตโต้ทันที "เปล่าหรอกครับแม่ผมแค่อยากรู้ว่าน้องเขาไปรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์กับงานตกแต่งภายในมาจากไหนทั้งที่ไม่ได้เรียนมา" เขาเปลี่ยนเสียงอ่อนลงแต่สายตายังมองจับจ้องอยู่ที่ภูมิบุญรายนั้นรู้สึกร้อนๆหนาวๆ "น้องเขาไม่ได้เรียนมาจากไหนหรอกมันเป็นพรสวรรค์เอาเถอะไหนๆภูมิก็กลับมาแล้วจันทร์ตั้งโต๊ะเถอะฉันหิวแล้ว" คุณอภิสราตัดบทแล้วหันไปหาภูมิ "เป็นไงบ้างภูมิ ไหนดูซิใช้คล่องหรือยังโทรศัพท์น่ะ" "เอ่อยังเลยครับคุณท่านผมไม่เคยใช้โทรศัพท์แพงๆแบบนี้ครับ ใช้ยากเหมือนกัน" "แหมเดี๋ยวก็ชินไปเองล่ะจ๊ะของแบบนี้มันต้องใช้บ่อยๆ" ภูมิบุญก้มหน้ายิ้มแห้งๆรู้สึกเหมือนโดนจ้องหน้าอยู่พยายามปราดตาขึ้นมองแต่ก็ต้องหลุบลงอย่างรวดเร็วเพราะสายตาที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนหน้านี้มันดุคมกว่ามาก "เออไหนเต้ว่าซื้อของมาฝากน้องด้วยไงจ๊ะ" คุณอภิสราหันไปหาบุตรชายเขาปลี่ยนสายตาอย่างรวดเร็วจากแข็งกระด้างเป็นอ่อนโยนทันที ภูมิบุญมองตามเพิ่งสังเกตว่าเขามีลายสักที่หัวไหล่ขวาเพราะเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวที่เขาใส่มันปิดลายสักสีสันสดใสไว้ไม่มิดมันยังลอดออกมาจากแขนเสื้อยืดสีขาวนั้น เนื้อตัวก็ดูแข็งแรงเพราะมีกล้ามเป็นแผงๆ ภูมิบุญได้กลิ่นของความไม่ปกติสุขจะมาเยือนตนแล้ว "อ้ออยู่บนห้องน่ะครับแม่เดี๋ยวกินข้าวเสร็จขึ้นไปเอาบนห้องพี่สิภูมิ" ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดเหมือนแฝงอะไรไว้หลายอย่าง ภูมิบุญใจสั่นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง พอจัดสำรับเสร็จก็กินข้าวกันภูมิบอกปัดร่วมโต๊ะอาหารไปแต่คุณอภิสราไม่ยอมแม้สายตาคู่นั้นจะจ้องจิกมองภูมิบุญอยู่อย่างไม่พอใจ ภูมิบุญจึงไม่อาจจะปฏิเสธได้นั่งกินข้าวอยู่อย่างไม่รู้รสพอกินเสร็จก็ช่วยเก็บกวาด คุณอภิสรานั่งทานของว่างอยู่กับจันทร์มีอ้อยนั่งดูละครอยู่ใกล้ๆส่วนโตโต้ขึ้นห้องไปแล้ว ภูมิบุญมาขออนุญาตกลับห้องไปเพื่อชำระร่างกาย "เอออาบน้ำเสร็จอย่าลืมมาหาพี่เขาล่ะภูมิ" คุณอภิสราไม่ลืมง่ายๆทั้งที่ภูมิพยายามจะบ่ายเบี่ยงพอไปอาบน้ำก็จะแกล้งนอนก่อนบอกว่าเพลียเขาเดินกลับห้องไปด้วยจิตใจที่สับสนอลม่านกลัวใจของคนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ สายตาคู่นั้นบอกให้รู้ว่าเขาไม่ต้อนรับภูมิบุญเลย พออาบน้ำเสร็จภูมิบุญก็เดินกลับไปที่ตึกใหญ่ไม่มีใครอยู่ด้านล่างแล้ว ภูมิบุญถอนหายใจยืนลังเลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปมาหยุดอยู่หน้าประตูแกะสลักลายวิจิตรบานโตนั้น "คงนอนแล้วล่ะมั๊ง" ภูมิบุญบอกกับตัวเองพยายามรวบรวมสมาธิแต่ก็ต้องจำใจยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆเขายืนรออยู่สักพักประตูบานใหญ่ก็เปิดออก พอประตูเปิดแสงในห้องที่ลอดออกมาก็ส่องประกายให้เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาใส่แต่กางเกงขาสั้นเปลือยท่อนบนภูมิบุญสะดุ้งแล้วรีบก้มหน้าลงเพราะตอนนี้เองที่เห็นลายสักชัดเจนขึ้น ลายสักรูปมังกรสีเขียวกับแดงพาดท่อนแขนขวาลามมาหน้าอกและคงพาดไปที่กลางแผ่นหลัง "มีอะไร" เสียงห้วนตวาดอย่างเสียอารมณ์เหมือนว่าภูมิบุญกำลังมาขัดจังหวะของเขา "เอ่อผม ผมมาเอาของฝากครับ" "เข้ามา" เขามองภูมิบุญตั้งแต่หัวจรดเท้า มองทุกอณูรูขุมขนจนคนที่ถูกมองรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเขาเบี่ยงตัวออกจากประตูแล้วหันหลังเดินเข้าห้องไป ภูมิบุญเดินตามเข้าไปยืนอยู่กลางห้องบรรยากาศของห้องมันก็น่ากลัวอยู่แล้วเพราะของใช้ทุกอย่างเป็นสีดำอีกทั้งไฟทุกดวงก็เป็นสีส้ม คนที่อยู่ในห้องก็ยิ่งเพิ่มความน่าสะพรึงกลัวให้ห้องนี้อีกหลายเท่านัก "ปิดประตูสิจะเปิดไว่อย่างนั้นเหรอ" เขาตวาดภูมิบุญสะดุ้งแล้วหันกลับไปปิดประตูบานใหญ่พอประตูปิดเหมือนตัดช่องหายใจไปทางหนึ่ง รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที "เอ๊า เอาไป" พอสิ้นคำพูดห่อกระดาษยับๆก็ปลิวมาปะทะร่างของภูมิบุญแล้วคราวนี้ภูมิบุญรู้สึกชาที่หน้าแปลกประหลาดใจอย่างที่สุดร่างกายก็สั่นไหวด้วยความที่กลัวอยู่แล้วภายในใจยิ่งกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางทั้งที่พยายามควบคุมให้มันอยู่ภายใต้การสั่งการของสมองแต่ยากยิ่งนัก "มึงมาคุยกันหน่อยดิ๊ กูถามตรงๆนะมึงต้องการอะไรจากแม่กู" เสียงที่ ห้วนอยู่แล้วกลับดุดันขึ้นอีกห้องนี้คงเป็นห้องเก็บเสียงอย่างดีเพราะคนต้นเสียงเปล่งเสียงออกมาโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเล็ดลอดออกนอกห้องเลย "เอ่อ" ภูมิบุญปรับตัวเองไม่ทันไม่คิดว่าเขาจะพูดจาแบบนี้ด้วย "กูไม่ชอบขี้หน้ามึงว่ะ จะมาปลอกลอกแม่กูใช่ไหมกูรักแม่จันทร์เหมือนแม่แต่ก็ใช่ว่ากูจะรักลูกของแม่จันทร์นะกูไม่ใช่คนใจดีเหมือนที่แม่กูเป็น" เขา เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วกระชากแขนภูมิบุญเหมือนไม่ลุแก่อารมณ์ที่แสดงออกมา "ว่าไงมึงต้องการอะไร ทำไมมึงไปเสนอความคิดเห็นโง่ๆของมึงทั้งที่ฐานะมึงก็แค่ลูกคนใช้ในบ้าน เสือกดีนักนะ" ภูมิบุญสั่นก้มหน้านิ่งไม่คิดว่าเขาจะโกรธมากมายถึงเพียงนี้พยายามสูดลมหายใจเข้าไปกักไว้ในปอดให้มากที่สุด "หาว่าไง ไอ้หน้าจืด" คราวนี้โตโต้ผลักอกภูมิบุญจนเขาเซนั่งลงที่ปลายเตียง "กูถามทำไมมึงไม่พูด หา" โตโต้ตะคอกรุนแรงใบหน้าก้มลงจ่อหน้าภูมิบุญด้วยตัวที่สูงใหญ่กว่ามาก "มึงอย่าได้คิดที่จะหวังทำให้แม่กูรักแล้วจะขอนั่นขอนี่นะ ไม่มีทางจำใส่กะโหลกเอาไว้มึงน่ะเป็นได้แค่ไหนอย่าผยอง" "ฮืมมม" เสียงปล่อยระบายลมหายใจออกมาภูมิบุญลุกขึ้นยืนจ้องหน้าของโตโต้ยกริมฝีปากขึ้น "ขอโทษนะครับคุณโตโต้ที่เรียกผมมานี่เพื่อจะถามแค่นี้เองเหรอครับ คำตอบมันอยู่ที่คุณท่านหมดแล้วอีกอย่างผมระลึกและสำเหนียกอยู่ดีแก่ใจครับว่าเป็นลูกคนใช้แต่ที่เสือกออกความเห็นเพราะคุณท่านมาขอให้ผมพูด" "กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาเรียกกูโตโต้ อ้อ นี่มึงว่าแม่กูเสนองานให้มึงเองเหรอ ปากดีไม่เบานี่มึงน่ะ" "ครับทำไมมีอะไรไม่ถามคุณท่านคุณโต้มาโวยวายใส่ผมทำไม" ภูมิบุญแว้ดเสียงคืน "ไอ้นี่ปากดีนะมึง" "แค่นี้ใช่ไหมครับผมจะกลับไปนอน" ภูมิบุญเดินผ่านหน้าเขาไปแต่ แรงกดหน่วงแรงกดลงที่บ่าของภูมิบุญแล้วกระชากกลับให้มาอยู่ในตำแหน่งเดิมทำให้หน้าของภูมิบุญกระตุกอีกทั้งร่างก็ลอยปลิวกลับมาที่เดิม "มึงระวังตัวไว้นะกูไม่ชอบหน้ามึง มึงอยู่ไม่เป็นสุขแน่" เขากัดฟันพูด ตาปูดโปนยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ "ระวังอะไรครับระวังคุณโต้น่ะเหรอ หึหึ" "มึงหัวเราะทำไม หา" เหมือนไปยั่วให้โตโต้อารมณ์แตกกระเจิงมากกว่าเดิมอีก "เปล่านี่ครับ ขำดีผมไม่รู้นะว่าทำไมคุณโต้ถึงไม่ชอบหน้าผมแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีล่ะครับว่าคนที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนตั้งหลายปี ที่โน่นเขาไม่มีหลักสูตรสอนวิธีหลอกคนเอาไว้ใช้เหรอครับที่เขาเรียกหลอกใช้คนน่ะ น่าจะหลอกใช้ผมนะ ผมรู้ครับว่าคุณโต้ไม่ชอบหน้าในทางกลับกันผมเองก็รู้สึกเหมือนคุณโต้ล่ะครับเพิ่งรู้สึกเมื่อครู่นี้เอง" "ไอ้" "หยุดนะคุณโต้จะมาทำร้ายร่างกายผมไม่ได้" ภูมิบุญชี้หน้าขึ้นก่อนที่จะโดนหมัดของโตโต้ที่ง้างรอไว้อยู่สายตาของภูมิบุญก็ไม่ยอมยี่หระเหมือนกัน ในมือคว้าโน๊ตบุคขนาดเล็กที่วางอยู่ที่ปลายเตียงง้างรออยู่แล้ว "มึงจะทำอะไร" "คุณโต้ทำอะไรมาผมก็จะทำอย่างเดียวกันกลับไป ลองดูสิ" "มึง" โตโต้ได้แต่กัดฟันแน่นเพราะสายตาของภูมิบุญมันแสดงชัดเจนว่าจะทำอย่างที่พูดจริงๆภูมิบุญกัดฟันแน่นสายตาไม่ยอมลดละให้โตโต้เองโกรธจนหน้าแดงเขารู้สึกเสียหน้าที่ทำอะไรภูมิบุญไม่ได้ในความคิดเขาคิดว่าภูมิบุญคงจะเรียบร้อยเพราะเห็นมารดาของตนบอกนักบอกหนาว่าน่ารักนิสัยดีแต่ไม่คิดว่าจะตอบโต้ได้เจ็บแสบถึงเพียงนี้ โตโต้กำหมัดแน่นกัดฟันเช่นกันภูมิบุญรีบผละออกจากห้องของเขาทันที ภูมิบุญเดินจ้ำกลับเข้าห้องตัวเองปิดประตูแน่นหนานี่ต้องเผชิญกับอะไรอีกไหนจะเจอจากที่เรียนกลับมายังต้องมาเผชิญคนแบบนี้ที่บ้านอีก เขานอนกระสับกระส่ายทั้งคืนแม้จะแสดงท่าทีก้าวร้าวออกไปแต่ในใจก็ยังหวั่นเพราะยังไงโตโต้ก็เป็นลูกในไส้ของคุณท่าน ผิดหนักเบายังไงเขาก็แม่ลูกกัน แล้วภูมิบุญล่ะเป็นแค่ลูกคนใช้ที่คุณท่านเอ็นดูมีหน้าไปเผยอใส่เขาอีก ภูมิบุญยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับคิดไปล้านตลบก็แก้ไม่ตกเสียที ในห้องสีดำเจ้าของห้องนั่งอยู่ตรงระเบียงหยิบบุหรี่แสตมป์นอกออกมาคาบไว้ในปากพ่นควันออกมาเขาผ่อนลมหายใจออกมาไม่รู้กี่รอบนอนไม่หลับเพราะว่าเวลาที่แตกต่างกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทยแต่นั่นก็เป็นส่วนน้อย คำพูดท่าทางของคนที่เข้ามาในห้องเมื่อครู่ แววตาที่เขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เด็กที่เพิ่งจบชั้นมัธยมปลายตัวสูงเท่าบ่าของเขาแต่สายตาที่ไม่ยอมลดละแถมยังยกมุมปากขึ้นอีก มันน่าเจ็บใจยิ่งนักตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครปรามาสเขาได้ถึงเพียงนี้เขาไม่เคยถูกใครลบหลู่หมิ่นศักดิ์ศรีเขาเท่านี้มาก่อน ยิ่งคิดยิ่งแค้นในใจ "คอยดูนะมึง อย่าหวังว่ามึงจะได้อยู่ในบ้านหลังนี้อย่างมีความสุขนะไอ้ภูมิ กูนี่ล่ะจะคอยทำให้มึงระเห็จออกไปจากบ้านของกู" โตโต้คิดแค้นอยู่ในใจกัดฟันแน่นจนกรามปูดโปน ตอนเช้าภูมิบุญตื่นสายเพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็ดึกมากแล้วกว่าจะหลับอีกใช้เวลาจวนรุ่งสางกว่าสมองจะล้าแล้วค่อยหลับไป ภูมิบุญเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวเจอจันทร์นั่งจัดของอยู่หน้าห้อง "อ้าวภูมิทำไมตื่นสายจังล่ะลูกวันเสาร์ทั้งทีน่าจะมาช่วยแม่ทำงานหน่อย" จันทร์บ่นแต่เช้า "โทษทีครับแม่ภูมินอนดึกไปหน่อยน่ะครับดูหนังสือ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จภูมิมาช่วยแม่นะครับ" ภูมิบุญเดินเข้าห้องน้ำไปพอเสร็จก็ออกมาช่วยงานบ้าน ระหว่างนั้นก็มีแต่เสียงเยินยอว่าคุณโตโต้หล่ออย่างนั้นคุณโตโต้หล่ออย่างนี้จากอ้อย จันทร์เองก็เสริมเป็นครั้งๆไปส่วนภูมิบุญไม่ทนอยู่ฟังเพราะรู้ว่าคนที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงไม่ได้ดีอย่างที่ทุกคนกำลังชมกลับร้ายกาจอย่างที่ไม่เคยเจอมา ภูมิบุญเดินไปกวาดใบไม้หลังบ้านก้มๆเงยๆอยู่แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีอะไรมากระทบหลังภูมิบุญสะดุ้งตกใจ "ของมึงทำไมไม่เอาไป" เสียงที่เขาไม่อยากจะได้ยินที่สุดดังมาจากข้างหลัง ภูมิบุญหันไปมองโตโต้อยู่ในชุดลำลองยืนจิบกาแฟสูบบุหรี่อยู่ภูมิบุญทำเป็นไม่สนใจกวาดใบไม้ต่อ "เฮ้ยทำไมมึงไม่เก็บ" เขายังพยายามจะตอแยภูมิบุญเม้มปากไม่อยากมีเรื่องกับเขาอีกจึงทำท่าจะเดินหนีไป "มึงจะไปไหน ทำไมกูอุตส่าห์หอบมาให้ไม่เอาว่างั้นหรือว่ามันดูไม่มีค่าเท่าของที่แม่กูให้วะมึงถึงไม่เอา" เขาพูดเสียดใจของภูมิบุญ "คุณโต้ครับของที่คุณท่านให้ไม่ว่าจะเป็นเศษหญ้าผมก็เต็มใจรับเพราะท่านเต็มใจให้แล้วที่โน่นเขาสอนให้คุณให้ของคนแบบนี้เหรอครับ ผมไม่ยักรู้" "ไอ้ห่าปากดีนะมึง" เขาตวาดเสียงดุแต่ไม่ดังเพราะกลัวว่าใครจะได้ยิน "เก็บคืนไปเถอะครับผมขอบคุณมากที่คุณโต้อุตส่าห์แบกข้ามน้ำข้าม ทะเลมาแต่ถ้าไม่อยากให้ก็เอาคืนไปเถอะ" ภูมิบุญเดินหนีไปทันทีปล่อยให้โตโต้ยืนกัดฟันอยู่ "มึงเจอดีแน่ไอ้ภูมิ คอยดู" ปกติถ้าโตโต้จะปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกายของภูมิบุญก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่มันผิดวิสัยของเขาเพราะตั้งแต่โตมาเขาไม่เคยก้าวร้าวในบ้านเลยเวลาอยู่ที่บ้านปกติจะเป็นคนเงียบๆแต่เวลาอยู่ที่โรงเรียนเขาคือหัวโจกของพวกหนีเรียนตัวยง ดังนั้นภาพลักษ์ของเขาจึงดีเสมอในสายตาของคนในบ้านแต่ว่าตอนนี้ภูมิบุญได้มาสะกิดปมนั้นความแค้นใจของเขามันฝังลึกสะสมมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม