bc

Heroine (ที่นี่ไม่มี นางเอก)

book_age18+
1.3K
ติดตาม
13.9K
อ่าน
เพลย์บอย
แบดบอย
เกรียน
เจ้านาย
ไบเซ็กชวล
ขบขัน
หนักใจ
โลกความเป็นจริง
จากศัตรูกลายเป็นคู่รัก
like
intro-logo
คำนิยม

"อยู่บ้านท่านต้องขยันนะลูก พอกลับจากเรียนต้องช่วยงานแม่"

"ครับแม่ ขอบพระคุณครับ คุณท่าน" ภูมิบุญก้มลงกับพื้น กราบหญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างนอบน้อม

"อืม มารยาทดีเหมือนเธอเลยนะจันทร์ ไหนจะเรียนต่อที่ไหนนะ" น้ำเสียงที่แสดงความเมตตาปรานีก้องกังวานอยู่ทั้งห้อง คุณอภิสรานั่งอยู่บนโซฟาแต่ก็ค้อมตัวลงมารับไหว้ ของคนที่ก้มลงกราบ ภูมิบุญเพิ่งจบชั้นมัธยมปลายจากจังหวัดเพชรบูรณ์ มาอยู่กับแม่ชื่อจันทร์ที่เป็นแม่บ้าน ให้คุณอภิสราม่ายสาวใหญ่ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เกี่ยวกับรีสอร์ททั้งเหนือทั้งใต้ ภูมิบุญอยู่กับยายที่เพชรบูรณ์ แต่ยายเสียแล้วเมื่อสิ้นปีที่แล้ว จึงต้องมาอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ แม่จันทร์กับภูมิบุญ ไม่ค่อยสนิทกันมากนัก เพราะทิ้งไว้ให้ยายเป็นคนเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก แม่จันทร์เป็นคนหาเงินคอยจุนเจือให้ภูมิบุญได้เรียนจนจบ เรื่องนี้ภูมิบุญตระหนักแก่ใจดี และไม่เคยคิดน้อยเนื้อต่ำใจที่แม่ไม่ได้อยู่ด้วย

"เรียนรัฐศาสตร์ครับ" ภูมิบุญบอกคณะที่เรียน และชื่อของมหาวิทยาลัยชื่อดังไป เขาสอบเข้าได้ด้วยสติปัญญาของเขาเอง สร้างความภาคภูมิใจให้จันทร์เป็นอย่างมาก

"อืมเก่งนี่เรา คงภูมิใจสินะจันทร์ ที่มีลูกเก่งๆอย่างตาภูมิ ลูกป้าก็เรียนอยู่อเมริกา คงจบเร็วๆนี้ล่ะเห็นโทรมาบอกว่า ให้ป้าบินไปเดือนหน้านี้ พอจบจะได้มาทำงานช่วยป้าเสียที ป้าจะได้มาอยู่บ้านพักผ่อนบ้าง สู้มาคนเดียวเหนื่อย

เต็มที"

"ใช่สินะคะ คุณโตโต้ของจันทร์ จะกลับมาบ้านเสียที นี่ไม่ได้เจอกันตั้ง

หลายปี ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว" จันทร์ดีใจออกมาทั้งท่าทางและน้ำเสียง ภูมิบุญหลุบสายตาลง ระบายลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา พยายามไม่คิด กับสิ่งที่ดังเข้าไปในโสตประสาทเมื่อครู่

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
เปิดฉาก
"อยู่บ้านท่านต้องขยันนะลูก พอกลับจากเรียนต้องช่วยงานแม่" "ครับแม่ ขอบพระคุณครับ คุณท่าน" ภูมิบุญก้มลงกับพื้น กราบหญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างนอบน้อม "อืม มารยาทดีเหมือนเธอเลยนะจันทร์ ไหนจะเรียนต่อที่ไหนนะ" น้ำเสียงที่แสดงความเมตตาปรานีก้องกังวานอยู่ทั้งห้อง คุณอภิสรานั่งอยู่บนโซฟาแต่ก็ค้อมตัวลงมารับไหว้ ของคนที่ก้มลงกราบ ภูมิบุญเพิ่งจบชั้นมัธยมปลายจากจังหวัดเพชรบูรณ์ มาอยู่กับแม่ชื่อจันทร์ที่เป็นแม่บ้าน ให้คุณอภิสราม่ายสาวใหญ่ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เกี่ยวกับรีสอร์ททั้งเหนือทั้งใต้ ภูมิบุญอยู่กับยายที่เพชรบูรณ์ แต่ยายเสียแล้วเมื่อสิ้นปีที่แล้ว จึงต้องมาอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ แม่จันทร์กับภูมิบุญ ไม่ค่อยสนิทกันมากนัก เพราะทิ้งไว้ให้ยายเป็นคนเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก แม่จันทร์เป็นคนหาเงินคอยจุนเจือให้ภูมิบุญได้เรียนจนจบ เรื่องนี้ภูมิบุญตระหนักแก่ใจดี และไม่เคยคิดน้อยเนื้อต่ำใจที่แม่ไม่ได้อยู่ด้วย "เรียนรัฐศาสตร์ครับ" ภูมิบุญบอกคณะที่เรียน และชื่อของมหาวิทยาลัยชื่อดังไป เขาสอบเข้าได้ด้วยสติปัญญาของเขาเอง สร้างความภาคภูมิใจให้จันทร์เป็นอย่างมาก "อืมเก่งนี่เรา คงภูมิใจสินะจันทร์ ที่มีลูกเก่งๆอย่างตาภูมิ ลูกป้าก็เรียนอยู่อเมริกา คงจบเร็วๆนี้ล่ะเห็นโทรมาบอกว่า ให้ป้าบินไปเดือนหน้านี้ พอจบจะได้มาทำงานช่วยป้าเสียที ป้าจะได้มาอยู่บ้านพักผ่อนบ้าง สู้มาคนเดียวเหนื่อย เต็มที" "ใช่สินะคะ คุณโตโต้ของจันทร์ จะกลับมาบ้านเสียที นี่ไม่ได้เจอกันตั้ง หลายปี ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว" จันทร์ดีใจออกมาทั้งท่าทางและน้ำเสียง ภูมิบุญหลุบสายตาลง ระบายลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา พยายามไม่คิด กับสิ่งที่ดังเข้าไปในโสตประสาทเมื่อครู่ "อ้อ ลูกชายป้าเองล่ะภูมิ ชื่อโต้ ป้าส่งไปเรียนอเมริกาตั้งแต่จบ ม.ปลายเหมือนเรานี่ล่ะ นี่ก็สี่ปีแล้วป้าเคยบินไปเยี่ยมบ่อยๆ แต่พักหลังไม่ได้ไปแล้ว ได้แต่รอนี่ล่ะ" ภูมิบุญได้แต่พยักหน้า ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย กับเรื่องราวที่คุณอภิสราได้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ เพราะนั่นมันเขา นี่มันเรา เข้ามาอยู่ในเคหสถานแห่งนี้ ก็มาพึ่งบุญบารมีของคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ไม่ใส่ใจมาก ทำหน้าที่ของผู้อาศัยให้ดีที่สุด ก็น่าจะเพียงพอ คุยกันเสร็จภูมิบุญก็เดินกลับมาที่บ้านพักของตัวเอง ที่อยู่หลังตึกใหญ่ ภูมิบุญได้รับความเมตตาให้อยู่ห้องส่วนตัวถัดจากห้องของจันทร์ที่ตึกใหญ่ มีลุงหมายคนขับรถ กับอ้อยแม่บ้านอีกคน ซึ่งอยู่ห้องถัดกันไป ภูมิบุญจัดข้าวของให้เข้าที่แล้วก็ไปอาบน้ำ "แม่ พรุ่งนี้ภูมิว่าจะไปซื้อของใช้นะครับ มีรถสายไหนผ่านตรงนี้บ้าง" ภูมิบุญออกมานั่งคุยกับมารดา ที่กำลังนั่งควบคุมอ้อยรีดผ้าให้คุณอภิสราอยู่ "ต้องนั่งสองแถวออกไปน่ะลูก ถึงห้างเลยแล้วจะไปซื้ออะไรล่ะ" "ก็เสื้อผ้าสักชุดสองชุดน่ะครับ ภูมิมีแต่เสื้อเก่าๆ" "น้องภูมิ ไปที่ซีคอนฯซิคะ เมื่อวันก่อนพี่ไปกับลุงหมายเขากำลังลดราคาอยู่" "เหรอครับ ไปยังไงครับพี่อ้อย" "ก็เดินออกไปหน้าปากซอยนะคะ แล้วข้ามฝั่งไปนั่งรถสองแถว แล้วก็ข้ามไปฝั่งของห้างแค่นั้นเองค่ะน้องภูมิ" "จะดีเหรออ้อย ภูมิเขาไม่เคยเข้ากรุงเทพฯมาก่อน เดี๋ยวหลงทาง" "ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ เดี๋ยวภูมิถามเขาเอา เพราะถ้าเปิดเทอม ภูมิก็ต้องไปมหาฯลัยเองอยู่ดี จะได้คุ้นๆทาง" จันทร์ได้แต่พยักหน้า เห็นดีเห็นงามไปกับลูกชาย "จะว่าไป น้องภูมินี่ก็หน้าตาดีนะคะ พี่จันทร์ก็สวย ดูซิน้องภูมิก็เชื้อไม่ทิ้งแถว" อ้อยชมแล้วยิ้มอย่างพอใจ ส่วนภูมิได้แต่ยิ้มแห้งๆ ภูมิตัวสูงราว ๑๗๕ ผิวสีน้ำผึ้งซีดๆ ใบหน้าผุดผาด ตากลมรีๆ จะตาหยีก็ไม่เชิง เพราะม่านตาดำใหญ่ ทำให้ดวงหน้าเด่นขึ้นมา คิ้วก็ดกดำรับกับจมูกที่เป็นสันเล็กๆ จันทร์เป็นคนสวย สามีที่จากไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งของหมู่บ้าน คงไม่แปลกที่ภูมิบุญจะหน้าตาไปในแนวทางนั้น พอคุยกับแม่และอ้อยเสร็จ ภูมิบุญก็ขอตัวกลับเข้าห้อง นอนลงอย่างเหนื่อยล้า สายตามองออกไปยังเงาของตึกใหญ่ ที่พาดผ่านทับห้องของเขา นี่เราเป็นผู้อาศัยไปแล้วสินะ ต้องพยายามทำให้ท่านไม่ผิดใจ เรื่องงานหนักไม่ได้เกี่ยง เพราะดูท่าทางท่านคงมีเมตตาอยู่บ้าง คงต้องปรับตัวสักหน่อยคงจะเข้าที่เข้าทาง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ภูมิบุญก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย พอตื่นเช้าก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ภูมิบุญชินกับการตื่นแต่เช้า พอเสร็จจากห้องน้ำก็เดินเข้าไปในครัว "สวัสดีครับ พี่อ้อยทำอะไรอยู่ครับ" ภูมิบุญทักทาย "อุ๊ย น้องภูมิตื่นเช้าจังค่ะ พี่กำลังทำข้าวต้มให้คุณท่านอยู่ น้องภูมิหิวไหมคะ" อ้อยยิ้มตอบ แล้วหันไปสาละวนกับหม้อข้าวต้ม ที่กำลังเดือดได้ที่ "ยังครับ แม่ล่ะครับพี่อ้อย" สายตามมองหาแม่ แล้วเดินไปเปิดขวดน้ำเทใส่แก้วยกขึ้นดื่ม "อ้อ พี่จันทร์อยู่ในสวนน่ะคะ คงตัดดอกไม้ไปใส่แจกันอยู่" "อ้อครับ งั้นภูมิขอตัวไปดูแม่หน่อยนะครับ" ภูมิบุญผละออกมาจากครัวแล้วเดินอ้อมตึกไปทางฝั่งขวา บ้านหลังนี้กินเนื้อที่กว่าสามไร่ ฝั่งซ้ายของตึกมีต้นไม้ยืนต้นขึ้นอยู่สองสามต้น ด้านหลังเป็นห้องครัว กับที่พักของคนงาน ด้านขวาเป็นสวนเล็กๆ มีสระว่ายน้ำขนาบข้าง ตัวตึกตั้งตระหง่านอยู่กลางบ้าน ภูมิบุญเดินไปตามทางเดินเล็กๆ จนเห็นแม่ของตัวเองก้มๆเงยๆ อยู่กับกอกุหลาบ "แม่ให้ภูมิช่วยอะไรไหม" "อ้าว ตื่นแล้วเหรอลูก อืมงั้นช่วยแม่กวาดเศษใบไม้หน่อยนะลูก เอาใบ มันมาใส่โคนต้นไม้" จันทร์ชี้ไปที่ไม้กวาดทางมะพร้าว ที่วางเตรียมพร้อมแล้ว ภูมิบุญไปหยิบไม้กวาด มากวาดเศษใบไม้อย่างทะมัดทะแมง พอกวาดใบไม้เสร็จ ภูมิบุญก็อาสารดน้ำต้นไม้ให้ จนตะวันขึ้นโด่งแล้วพอเสร็จก็ไปอาบน้ำกินข้าว "เออ ภูมิเดี๋ยวขึ้นตึกใหญ่กับพี่ไหม ไปทำความสะอาดห้องคุณโตโต้ กัน" อ้อยชวน ตอนกินข้าวเสร็จภูมิบุญพยักหน้า "ก็ดีนะลูก จะได้ไปช่วยพี่อ้อยเขาทำ ดูๆเอาไว้วันหลังจะได้ช่วยกันได้"จันทร์เสริม แล้วยกถ้วยชามไปยังอ่าง ภูมิบุญเดินตามอ้อยขึ้นไปบนตึกใหญ่   บ้านหลังใหญ่โต เครื่องใช้ของประดับบ้านทุกอย่างล้วนหาค่าไม่ได้ ภูมิบุญเดินอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะกลัวจะไปถูกอะไรหล่นลงแตกเสียหาย "ห้องนี้ล่ะจ๊ะภูมิ" อ้อยเปิดประตูไม้สักบานใหญ่ ที่สลักลายตรงบานประตูเป็นลายกนก ล้อมรอบบัวหลวงดอกใหญ่ ลวดลายพลิ้วไหววิจิตรงดงาม พอเปิดห้องเข้าไป ภูมิบุญก็ยืนนิ่งอยู่ เพราะห้องนี้กว้างเหลือเกิน เครื่องเรือนเป็นสีดำหรือทึมๆเป็นส่วนใหญ่ ดำแม้กระทั่งผ้าห่มหรือผ้าม่าน "เป็นไง แปลกใจล่ะสิ พี่เรียกห้องดำ เพราะคุณโตโต้แกชอบสีดำ" "น่ากลัวนะพี่ ดำทั้งห้องเลยอ่ะ" "คุณโตโต้แกไม่ค่อยพูด แต่เอาเรื่องเหมือนกันนะ แกไม่ค่อยยอมใคร เพราะคุณท่านตามใจมาแต่เด็ก เวลาแกกลับมา น้องภูมิก็อย่าไปยุ่งวุ่นวายก็แล้วกันนะคะ" ไม่รู้ว่าอ้อยตั้งใจพูดให้ภูมิบุญกลัว หรือระวังตัวไว้ แต่ในใจภูมิบุญก็ไม่ขอยุ่งดีกว่า เพราะเป็นแค่คนอาศัย ไม่อยากขึ้นมาวุ่นวายมาก เห็นรูปที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ก็พอจะพิจารณาว่าคนในรูปมีบุคลิกเป็นเช่นไร ใบหน้าของเด็กชายในชุดนักเรียนดูแจ่มใจแม้หน้าไม่ยิ้ม เขาหน้าตาเกลี้ยงๆคิ้วดก น่าพิศมัยไม่น้อย "นั่นล่ะภูมิ คุณโตโต้ แต่แกก็ไม่ดุหรอกนะ ไม่อวดตัว เพื่อนก็มีไม่มาก ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ" "อ่ะ ภูมิไม่ได้กลัวหรอกครับพี่อ้อย ไม่รู้จะกลัวไปทำไม ภูมิขอไม่ยุ่งดีกว่า" "ดีแล้ว อย่าไปยุ่งกับแกเลย แต่พี่ว่าภูมิน่ะระวังไว้หน่อยก็ดี เราไม่ยุ่งแต่เขาอาจจะยุ่งกับเราก็ได้นะ" พูดให้ภูมิบุญคิด แต่ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจมากนัก เดินปัดนั่นกวาดนี่อยู่จนเสร็จ ก็ขอตัวลงมาอาบน้ำ เพื่อจะออกไปซื้อของใช้ส่วนตัว ภูมิบุญออกจากบ้านตอนบ่าย เดินออกมาจากหน้าปากซอย เพื่อที่จะขึ้นรถโดยสารสองแถวประจำทาง จากหน้าหมู่บ้านเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้า ที่ตั้งใจไว้ ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างเบียดเสียดกันเข้าไปในซีคอนสแคว์ บ้างมีจุดหมายเพื่อซื้อของตามที่ตนตั้งใจไว้ บ้างเพื่อหลบอากาศอันร้อนอบอ้าวจากภายนอก บ้านของคุณอภิสรา อยู่ในซอยสวนหลวง เดินไปนิดเดียวจากหน้าบ้านก็ถึงสวนหลวง ภูมิบุญเดินข้ามสะพานลอย เข้าไปในตัวห้าง เดินดูนั่นดูนี่อยู่สักพักได้ของใช้ติดมือมาสองสามอย่าง ส่วนเสื้อผ้ากับเครื่องแต่งตัวก็ได้มาสองชุด ภูมิบุญนั่งรถกลับบ้านทางเดิม เพราะตอนมาสังเกตทางมาโดยตลอด กลัวว่าจะหลงเช่นกันบนรถสองแถว ภูมิบุญมองนั่นมองนี่ไปตามทาง มีสายตาอยู่คู่หนึ่ง กำลังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเขา ภูมิบุญรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็ไม่ได้กระโตกกระตากอะไร พยายามทำตัวให้นิ่งเฉยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารู้สึกตัวแล้วพอถึงที่ภูมิบุญก็รีบกดกริ่งรถสองแถวทันที พอรถสองแถวจอดสนิทภูมิบุญก็รีบลงแล้วล้วงเหรียญให้คนขับรถ พยายามเดินให้เร็วเข้าซอยแต่เขาเองก็ลงที่เดียวกับภูมิบุญเช่นกัน หัวใจเริ่มเต้นแรงเกรงว่าจะเจอมิจฉาชีพเข้าแล้วจากเดินเร็วปกติจนกลายเป็นกึ่งวิ่งกึ่งเดิน “เดี๋ยวน้องน่ะ เดี๋ยวก่อน”เสียงร้องเรียกตามหลังมายิ่งทำให้ภูมิบุญวิ่งจ้ำอ้าวทันที “เฮ้ยเดี๋ยวสิ” เสียงเขาวิ่งตามหลังมาพอรู้สึกตัวอีกทีก็โดนกระชากมือไว้แล้ว “เฮ้ย ปล่อยนะ ทำอะไรน่ะ” ภูมิบุญตวาดเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริก “เปล่าพี่แค่อยากถามน้องน่ะว่าน้องอยู่ในซอยนี้เหมือนกันเหรอ พี่เองก็อยู่ในซอยนี้” เสียงเขานุ่มลงภูมิบุญค่อยๆหันมามองเจ้าของเสียงชายวัยรุ่นที่ยืนอยู่ข้างหน้ารูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณสะอาดหมดจดประการหนึ่งที่ทำให้ภูมิบุญค่อยโล่งใจเขายิ้มให้เห็นไรฟันสะอาดเรียงกันเป็นระเบียบ น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรมากกว่าจะเป็นมิจฉาชีพอีกประการที่ทำให้ภูมิบุญคลายความกลัวลงไปได้มาก กระนั้นใจมันก็ยังเต้นแรงอยู่ “เอ่อใช่ ผมเพิ่งย้ายมาอยู่” “อ้อพี่เองก็อยู่ในซอยนี้เหมือนกัน ไหนบ้านน้องหลังไหน” เขาซักแล้วเดินเข้ามาใกล้มือยังไม่ปล่อยออกจากแขนภูมิบุญ “เอ่อไม่ใช่บ้านผมหรอก บ้านเจ้านายผมมาอาศัยเขาอยู่ มาเป็นลูกจ้างเขาน่ะ” ภูมิบุญตอบออกไปแล้วบิดข้อมือแสดงให้เขารู้ว่าภูมิบุญเองถือตัวเขาปล่อยมือทันที “อ้อโทษที บ้านพี่หลังเกือบสุดท้ายประตูสูงๆน่ะ” เขาบอกแล้วเดิน ตามหลังภูมิบุญมาไม่มีเสียงตอบจากภูมิบุญเพราะตอนนี้ใจที่โล่งจากที่ชายคนนี้ไม่ใช่มิจฉาชีพแล้วแต่กลับนึกรำคาญอยู่เพราะเขาซักไซ้เรื่องบ้าน “เออพี่ชื่อแทนนะ น้องล่ะ” ภูมิบุญหยุดกึกลงแล้วหันหน้ามองแทนทวี “ผมชื่อ ภูมิ” เสียงห้วนเสียเหลือเกินพอพูดบอกชื่อตัวเองเสร็จก็หันกลับรีบเดินต่อ “ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องภูมิแล้วนี่ไปไหนมา พี่ไปที่มหาฯลัยมาเตรียมรับน้อง” “ไปซื้อของมานายเรียนมหาฯลัยแล้วเหรอ” ความจริงไม่ได้อยากจะเสวนาด้วยแต่พอได้ยินคำว่ามหาวิทยาลัยภูมิบุญก็หูผึ่งอยากรู้ขึ้นมาทันที “ปีสามแล้วน้องล่ะหน้าอ่อนๆแบบนี้เรียนม.ปลายอยู่อ่ะดิ” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีแต่คนที่ได้ยินกลับหน้าบึ้ง “เรา เอ่อผมจบแล้วกำลังจะขึ้นปีหนึ่ง” “จริงดิที่ไหนอ่ะ” เริ่มรู้สึกผิดที่บอกความจริงไปเพราะเขาท่าทางจะอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับภูมิบุญมากทีเดียว พอภูมิบุญบอกออกไปอย่างเสียไม่ได้ “เฮ้ยจริงดิ ที่เดียวกันเลยคณะไหน” ไม่ได้รู้สึกยินดีแต่กลับรู้สึกว่าไม่น่าจะพูดออกไปเลยน่าจะบอกว่าเรียนมหาวิทยาลัยเปิดเสียดีกว่า ภูมิบุญตำหนิ ตัวเองอยู่ในใจ “รัฐศาสตร์” “อ้าวเหรอว้า นึกว่าจะเรียนนิติฯเสียอีกนะจะได้เรียนคณะเดียวกัน” “ถึงบ้านแล้วผมไปก่อนนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ภูมิบุญตัดบทรีบหันหลังให้เขาทันที “เดี๋ยวภูมิพรุ่งนี้ว่างไหม”เขาร้องเรียกตามหลังภูมิบุญที่กำลังจะก้าวเข้าประตูเล็กที่เปิดไว้อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว “ทำไมครับ” “จะพาไปมหาฯลัยไงพรุ่งนี้เขามีเตรียมรับน้อง ไปให้รุ่นพี่รู้จักก่อนจะได้สะดวก” “รุ่นพี่นิติฯไม่ใช่เหรอครับเกี่ยวอะไรกับรัฐศาสตร์ ผมไม่ว่างครับ ขอบคุณ” ภูมิบุญบอกปฏิเสธไปแล้วเดินเข้าบ้านปิดประตูทันที แทนทวียืนยิ้มยก ริมฝีปากสูงขึ้น “ถูกใจว่ะภูมิดูหยิ่งๆแบบนี้โดนสุดๆ” เขายิ้มให้กับคำพูดตัวเองแล้วเดินไปยังบ้านหลังใหญ่รั้วสูงเกือบสุดซอย แทนทวีเป็นลูกชายของนายแพทย์แทนชัยและแพทย์หญิงศิริกานต์มีพี่สาวคนหนึ่งที่กำลังเรียนต่ออยู่ที่อเมริกา แทนทวีนับเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีฐานะดีอยู่ในวงสังคมชั้นสูงแต่วันนี้เขาไปมหาฯลัยโดยที่เพื่อนสนิทมารับแต่พอขากลับเขาแวะลงที่ซีคอนฯ เพื่อเดินดูนั่นดูนี่ ระหว่างที่เดินเลือกของอยู่นั้นแลเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวธรรมดาแต่หน้าตาผุดผาดผิวเนียนใสละเอียดต้องตาเขายิ่งนักที่นั่งรถสองแถวเพราะอยากลองตามดูว่าเด็กคนนี้จะพักอยู่แถวไหนเหมือนพรหมลิขิตเพราะภูมิบุญอยู่ซอยเดียวกับเขา แทนทวียิ้มร่าเริงกลับบ้านไปอย่างอารมณ์ดี “วันนี้ทำอะไรกินครับแม่” ภูมิบุญถามมารดาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าวมีอ้อยเป็นลูกมือ “แกงไตปลากับทอดมันกุ้งจ๊ะ ภูมิหิวหรือยังลูก” “ยังครับทำไมคุณท่านทานน้อยจังล่ะครับแม่” “คุณท่านทานไม่เยอะหรอกจ๊ะภูมิท่านกินอยู่แบบพอเพียง กินไม่กี่ อย่างแต่ถ้าคุณโต้กลับมาคงหลายอย่างอยู่เหมือนกัน” อ้อยตอบแทนภูมิบุญทำหน้าสงสัย “ทำไมล่ะครับ” “ก็คุณโต้ชอบกินอาหารหลายๆอย่างจ๊ะไม่ค่อยชอบอย่างสองอย่าง ตอนเรียนอยู่ที่นี่ก็ต้องจัดให้เธอสามอย่างขึ้นไปไม่งั้นไม่แตะเลย” ภูมิบุญได้แต่พยักหน้าแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ในเมื่อมารดาเป็นคนอยู่แบบพอเพียงแล้วทำไมลูกชายจึงจะแปลกแตกต่างออกไปแต่ภูมิบุญก็ไม่คิดอะไรต่อช่วยอ้อยยกสำรับอาหารขึ้นไปตึกใหญ่ “กินข้าวหรือยังภูมิมาๆ มากินกับป้า” คุณอภิสราถามถูมิบุญที่ยืนอยู่ข้างๆอ้อย “อุ้ยอย่าเลยค่ะคุณท่านจันทร์จัดไว้ให้ภูมิแล้วค่ะ” “อะไรกันจันทร์ฉันไม่ถือหรอกนะกินข้าวคนเดียวมันเหงานี่กว่าตาโต้จะกลับมา ฉันเหงามานานแล้วเห็นภูมินี่ก็เอ็นดูนับเป็นลูกเป็นหลาน มาๆภูมินั่งลงกินกับป้านี่ล่ะ” คุณอภิสรากวักมือเรียกภูมิบุญทำหน้าเหรอหราทำตัวไม่ถูกมองหน้ามารดาของตน “เอ่อคุณท่านทานก่อนเถอะครับผมยังไม่หิว” เสียงปฏิเสธที่เบาจนไร้น้ำหนักคุณอภิสราส่ายหน้า “นะภูมิเห็นแก่ป้าละกันมากินข้าวเป็นเพื่อนป้าหน่อย ป้าไม่ได้คิดว่าเราเป็นลูกคนใช้นะ จันทร์เองก็เหมือนกันฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอเป็นคนใช้ ฉันเห็นเธอเป็นคนที่ฉันไว้วางใจเป็นเหมือนเพื่อนเก่าแก่ที่รู้ใจ อะไรกันจะมาคิดเล็กคิดน้อยเราก็คนเหมือนๆกัน” คุณอภิสราตัดพ้อจันทร์ได้แต่ก้มหน้านิ่งแล้วหันไปพยักหน้าให้ภูมิบุญรายนั้นค่อยเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ถัดมาจากคุณอภิสรา “เห็นไหมก็แค่นั้นฉันไม่ได้ถือตัวอะไรหรอกนะอย่าคิดว่าฉันเป็นเจ้าของบ้านแล้วจะปฏิบัติกับพวกเธอเหมือนทาสรับใช้ฉันจ้างพวกเธอก็จริงแต่ถ้าไม่มีพวกเธออยู่ทำงานให้บ้านช่องกับข้าวกับปลามันก็ไม่มีคนทำคนดูแล ถึงแม้จะจ้างใครก็ได้มาทำให้แต่ความไว้วางใจมันก็ไม่เหมือนกัน เอาล่ะอย่าคิดมากกินข้าวเถอะภูมิป้าหิวแล้ว” เสียงที่อ่อนนุ่มแม้จะเอ็ดแต่ก็เหมือนพร่ำสอนเสียมากกว่ามันสร้างความตื้นตันเข้าไปในใจของอ้อยและจันทร์เป็นอย่างมากเพราะคุณอภิสราเป็นแบบนี้ทั้งสองจึงไม่อยากที่จะหนีไปไหนเลย มีนายจ้างเป็นเหมือนแม่พระที่คอยคุ้มครองให้ความอุ่นใจหน้าที่การงานจึงเป็นการทำแบบถวายหัว ภูมินั่งตัวเกร็งทานข้าวกับคุณอภิสราแม้จันทร์กับอ้อยจะออกไปจากห้องแล้วไม่มีคนคอยจ้องมองแต่มันก็ยิ่งกดดันมากขึ้น คุณอภิสราคอยถามนั่นถามนี่ระหว่างกินข้าว ภูมิบุญก็ตอบพอเริ่มชินก็ไม่เกร็งพอทานข้าวเสร็จก็เก็บกวาดโต๊ะ จันทร์ยกเงาะลอยแก้วมาให้คุณอภิสราส่วนภูมิก็ขอตัวกลับห้องของตน “ฉันปลื้มใจแทนเธอจังจันทร์ลูกชายเธอมีมารยาท กริยาก็งามคุณยายคงสอนมาดีนะ” คุณอภิสราพูดขึ้นระหว่างที่ตักเงาะลอยแก้วขึ้นชิม “ค่ะนับเป็นบุญของจันทร์ค่ะตัวไม่ได้เลี้ยงคอยแต่ส่งเงินไปให้ แม่เองก็คงลำบากอยู่ไม่น้อยที่เลี้ยงตาภูมิมา” “จะดีไม่ดีมันอยู่กับตัวเด็กเองนั่นล่ะจันทร์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนเลี้ยงหรอก คนเลี้ยงดูเป็นเหมือนกรอบที่คอยให้เด็กอยู่ในโอวาทถ้าเด็กมันรักดีอยู่ในกรอบก็ดีไปแต่สมัยนี้เด็กมันเลี้ยงยากนะฉันว่าตาโต้เองจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ห่างอกไปตั้งห้าหกปีเธอน่ะโชคดีแล้ว ฉันล่ะเอ็นดูตาภูมิจริงๆนะถูกชะตามาก” จันทร์ยกมือขึ้นไหว้คุณอภิสรา “ขอบคุณคุณท่านแทนตาภูมิด้วยค่ะที่ท่านเมตตา” “เอาเถอะอย่าคิดอะไรมากแล้วนี่เมื่อไหร่ตาภูมิจะเปิดเทอมล่ะ ฉันรู้สึกเหมือนมีลูกอยู่ใกล้ๆเสียจริงพลอยให้นึกถึงตาโต้สมัยที่เรียนอยู่ที่นี่” “เห็นภูมิบอกว่าเปิดอาทิตย์หน้านี่ล่ะค่ะแต่เดี๋ยวคุณโต้ก็กลับแล้วนี่คะคุณท่านจันทร์ล่ะคิดถึงคุณโต้เหลือเกิน” สีหน้าแววตาจันทร์รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ “อืมเธอนี่ก็นับมีบุญคุณกับฉันนะจันทร์ลูกตัวไม่ได้เลี้ยงแต่เลี้ยงตาโต้จนโต” จันทร์ก้มหน้านิ่งสะท้อนเข้าไปถึงในใจคิดไปถึงบุตรในอุทรของตนตั้งแต่เล็กไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูแต่เฝ้าฟูมฟักบุตรชายของนายจ้างยังกับเป็นลูกในไส้ของตน “ตายล่ะขอโทษทีจันทร์ ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่ล่ะนะพอแก่แล้วก็ปากไวไป อย่าคิดมากนะ” “อ้อไม่หรอกค่ะคุณท่านจันทร์เองก็เลี้ยงคุณโต้เหมือนลูกเหมือนหลาน ส่วนภูมิเองก็คงไม่ได้น้อยใจอะไรหรอกค่ะ” เสียงของจันทร์อ่อนลง ภูมิบุญนอนมองเพดานห้องสายตาจับจ้องอยู่กับสีตุ่นๆออกครีมหม่นๆของเพดาน พัดลมติดเพดานที่หมุนจนมองเห็นใบพัดเป็นวงกลมอยู่ส่งกระแสลมเย็นออกมาคลายความร้อนระอุในห้องได้แต่ก็ไม่มากนักอากาศที่อบอ้าวทำให้ภูมิบุญเปิดพัดลมอีกตัวที่ปลายเตียงจิตใจคิดไปไกลถึงการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของตน จะมีเพื่อนใหม่ไหมนะคงจะเรียนยากกว่าการเรียนชั้นมัธยมปลายหลายเท่านัก เราโตแล้วนะภูมิ เราเป็นผู้ใหญ่แล้วต่อจากนี้ภาระความรับผิดชอบหน้าที่ต่างๆมันต้องมีมากขึ้น ภูมิบอกกับตัวเองแล้วหลับตาลงนอนอย่างยากลำบากเพราะอุณหภูมิภายในห้องที่อบอ้าวแต่ด้วยความเหนื่อยล้าภูมิจึงหลับไป    

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

คุณอาของหนู...น่ารักกว่าใคร

read
7.4K
bc

เป็นแฟนผมนี่มันไม่ดียังไงครับเฮีย

read
2.8K
bc

ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก

read
1K
bc

เป็นได้แค่เพื่อน(รัก)

read
7.4K
bc

งูบ้านนี้สายพันธุ์เหมียว (Luna V.)

read
1K
bc

เมื่อปีศาจมาสิงสู่ [omegaverse]

read
1K
bc

Friendship จุดจบสายเถื่อน

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook