ตอนที่ 21

1897 คำ
ปรายฝนเงียบมาตลอดการเดินทาง นายแพทย์ซึ่งปรายฝนเรียกว่าอาหมอได้ช่วยจัดการเรื่องการจัดเตรียมพิธีศพ โดยมีแม่นายใจเดียวช่วยอีกแรง ซึ่งปรายฝนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่ท่านมี จึงต้องรับหน้าที่ดูแลเรื่องการจัดการให้เรียบร้อย “พ่อเป็นโรคหัวใจหรือคะ อาหมอ” ปรายฝนถาม “พ่อเราไม่ยอมให้บอกใคร อาอยากให้บอกปราย แต่ท่านไม่ยอม” “เพราะปรายหรือเปล่าที่ทำให้อาการทรุดลง” ปรายฝนเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมา “ใช่สิ พ่อรู้เรื่องปรายกับแม่นายเจ้าของไร่อาการเลยทรุด” คำพูดของดวงฤทธิ์ทำให้ปรายฝนกับแม่นายใจเดียวหันไปมอง พร้อมๆ กัน “ฤทธิ์ใช่เรื่องที่จะมาโทษกันไหม” อาหมอพูดดุ “ผู้ใหญ่ควรต้องรับผิดชอบ” ดวงฤทธิ์พูดกระทบแม่นายใจเดียว “ฝากดูแลปรายด้วยนะครับ คุณใจเดียว” “ดิฉันจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ” นายแพทย์จ้องมองดวงฤทธิ์อย่างไม่ค่อยพอใจนักที่พูดโทษปรายฝนว่าเป็นสาเหตุทำให้บิดาของ ตัวเองเสียชีวิต “เช็ดน้ำตาก่อน ปรายต้องหยุดร้องไห้แล้วล่ะ เพราะต้องรับแขก” แม่นายใจเดียวพูดขึ้น “อยู่กับปรายนะ ปรายไม่เหลือใครแล้ว” ปรายฝนพูดเสียงอ่อยๆ “คุณไม่ไปไหนหรอก โน่นเพื่อนบ้านเราก็มากัน” แม่นายใจเดียวยิ้มน้อยๆ ให้กับรสสุคนธ์ แพรพรรณและทิวารี แม่นายใจเดียวมองดูปรายฝนทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อเริ่มมีแขกเข้ามาในงานเพื่อร่วมงานศพของบิดา รสสุคนธ์ได้ยินมีคนพูด พาดพิงถึงใจเดียวซึ่งเจ้าตัวคงได้ยินเช่นกัน คนพูดคงไม่รู้ว่าเจ้าตัวนั่งอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อปรายฝนเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ และยื่นมือให้แม่นายใจเดียวที่ลุกตามออกไปทำเอาเสียงนินทาเงียบไปทันที “อย่าไปสนใจเสียงนินทาเลยนะคะ แม่นายเป็นคนบอกปรายเองว่าไม่จำเป็นต้องไปร้องขอความเข้าใจจากใคร อยู่ข้างๆ ปราย นะ ปรายอุ่นใจที่มีแม่นายอยู่ใกล้ๆ” สิ่งที่ปรายฝนบอกทำเอาแม่นายใจเดียวที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที เสียงพูดถึงแม่นายใจเดียวยังคงมีให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา บางคนทราบเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็พูดกันไปทางเดียวกับดวง ฤทธิ์ บางคนก็พูดกันไปว่าน่าจะเป็นเมียเก็บหรือแม่เลี้ยงของปรายฝน ซึ่งทำเอาคนที่รู้เรื่องราวดีถึงกับถอนใจเมื่อได้ยิน แพรพรรณจับ มือทิวารีเอาไว้อดเศร้าไปด้วยไม่ได้ เมื่อเห็นเด็กสดใสอย่างปรายฝนมีน้ำตาไหลรินอยู่ตลอด ความอุ่นใจที่เกิดขึ้น นอกจากการได้อยู่เคียงข้างคอยดูแลปรายฝนแล้ว แววตาของเพื่อนๆ ที่จ้องมองมานั่นทำให้แม่นายใจเดียวเข้มแข็งมากขึ้น บางทีแอบรู้สึกหวั่นไหวไปกับคำพูดที่ได้ยิน ยามเมื่อร่างกายเหนื่อยล้าและ ยิ่งต้องอยู่ในกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวายด้วย “เหนื่อยหรือเดียว” แพรพรรณถาม ขณะเดินมาเข้าห้องน้ำมองเห็นใจเดียวออกมายืนสูดอากาศอยู่ด้านนอก “มึนหัวนิดหน่อย” ใจเดียวบอก แพรพรรณจึงเอามือแตะเบาๆ ไปที่หน้าผาก “ตัวร้อนน่าจะมีไข้ กินยาหรือยัง” แพรพรรณถาม “ไม่เป็นไร เดียวกลับเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนปรายก่อนนะ” ใจเดียวทำ ท่าจะเดินกลับเข้าไป “เดียวต้องดูแลตัวเองด้วย ถึงจะดูแลคนอื่นได้ รอตรงนี้เดี๋ยวแพร ไปขอยาที่ทิมาให้ ทิมียาลดไข้แก้ปวดติดมาด้วย รอตรงนี้นะ อย่าไปไหน” แพรพรรณพูดดุ “ดูแลเอาใจใส่กันดีเกินเพื่อนไปหน่อยไหมล่ะ” ดวงฤทธิ์มองดูภาพที่ตัวเองถ่ายเอาไว้ ซึ่งภาพเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความ เอื้ออาทรระหว่าง แม่นายทั้งสองคน ทิวารีรีบหยิบให้ทันทีและทำท่าจะเดินตามไป แต่แพรพรรณห้ามเอาไว้ รสสุคนธ์พยักหน้าให้กลับมานั่งที่เดิม เพราะรู้จักใจเดียว ดีว่าไม่อยากให้ใครได้เห็นยามที่ตัวเองอ่อนแอนัก รสสุคนธ์มองเห็นดวงฤทธิ์พูดคุยอยู่กับปรายฝน ขณะหยิบยื่นโทรศัพท์ให้กันดู “ปรายเหนื่อย พี่ฤทธิ์จะอะไรนักหนากับปรายนะ” ปรายฝนพูดต่อว่ารู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร “คนแก่กับคนแก่เหมาะกันกว่าเด็กนะ พี่ว่า ก็แค่อยากให้หูตาสว่าง ก็แค่นั้นเอง ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็ไม่เห็นต้องโมโหเลย” ดวงฤทธิ์พูดจบก็รีบเดินไปนั่งเพื่อฟังสวดพระอภิธรรมเป็นคืนสุดท้าย “ทานยาแล้วดื่มน้ำตามไปเยอะหน่อย ปรายรู้หรือเปล่าว่าเดียวไม่สบาย” แม่นายแพรพรรณถาม “อย่าให้ต้องมากังวลใจเพิ่มเลย แปลกที่เดียวนอนไม่ค่อยหลับด้วย” แม่นายใจเดียวบอก เมื่อขยับตัวจะเดินกลับเข้าไปภายใน อาการเวียนศีรษะทวีมากขึ้น จนถึงขั้นเซถลาไปทางแพรพรรณที่ช่วยประคองเอาไว้ ปรายฝนเดินออกมาดูเห็นแม่นายแพรพรรณกำลังโอบกอดแม่นายใจเดียวเอาไว้ ซึ่งเมื่อเห็นปรายฝนเข้าจึงถอยห่างออกจากกัน “กลับเข้าไปข้างในพร้อมปรายไหม” ปรายฝนถาม แม่นายใจเดียวหันไปมองสบตากับแม่นายแพรพรรณ “ปรายเข้าไปก่อน เดี๋ยวตามไป” ปรายฝนมองสบตาแม่นายใจเดียวทีแม่นายแพรพรรณทีและกลับเข้าไปภายในโดยไม่พูด อะไรอีก “ไม่คิดจะถามบ้างหรือไง ว่าไม่สบายหรือเปล่า” แพรพรรณพูดต่อว่าปรายฝนที่เดินกลับเข้าไปภายในแล้ว “ไม่เอาน่าแพร ปรายนอกจากเสียใจมากแล้วยังเหนื่อยมากด้วย” “แต่ปรายยังเด็กอยู่ เดียวอายุเยอะกว่าตั้งมาก ถึงแม้ชีวิตจะวุ่นวายขนาดไหนก็ต้องสนใจคนอื่นบ้าง โดยเฉพาะเดียว” แพร พรรณรู้สึกไม่ค่อยพอใจท่าทางของปรายฝนที่เหมือนไม่สนใจใยดีอาการเจ็บป่วยของใจเดียวเลยแม้แต่น้อย “ไปเถอะ พระสวดแล้ว” ใจเดียวบอกกับแพรพรรณที่พากันกลับเข้ามาภายใน แต่ใจเดียวเดินไปนั่งข้างๆ รสสุคนธ์ไม่ได้เข้าไป นั่งกับปรายฝน “พี่นั่งเป็นเพื่อนปราย ก็แล้วกัน” ดวงฤทธิ์พูดขึ้นแล้วนั่งลงข้างๆ ซึ่งปรายฝนหันมามองดูทางแม่นายใจเดียวครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไป “เป็นอย่างไรบ้างคะ” ทิวารีถามแพรพรรณ “อ่อนเพลีย มีไข้” แพรพรรณบอก “พาไปหาหมอไหมคะ” “คงยอมไปหรอกนะ กรุงเทพดูจะไม่เหมาะกับพวกเราสักเท่าไร” “ไม่เป็นอะไรมากนักหรอก ขอบคุณนะ ทิ” ใจเดียวหันมายิ้มน้อยๆ ให้ทิวารี แม่นายใจเดียวพักอยู่ที่บ้านปรายฝนตั้งแต่วันแรกที่มาถึง โดยช่วย เหลือและให้คำแนะนำเรื่องการจัดการงานศพของบิดา แม้ จะมีเสียงติฉินนินทาจากคนที่คิดว่าตัวเองจะมาหรอกเด็กสาว เพราะบิดาของปรายฝนเป็นนักธุรกิจมีเงินทองทรัพย์สินมากมาย ซึ่งทั้งหมดตกมาเป็นของลูกสาวทำให้ แม่นายใจเดียวไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรเรื่องอื่นๆ นอกจากเรื่องพิธีศพเท่านั้นและพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว “มีอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือ” แม่นายใจเดียวถามปรายฝน “ปรายเหนื่อย” ปรายฝนพูดขึ้นและมีน้ำตาไหลรินออกมา “มานี่มา” แม่นายใจเดียวเดินเข้าหา แต่ปรายฝนขยับถอยห่างออก ไปและจ้องมองด้วยแววตาว่างเปล่า คนที่มองอยู่สัมผัสได้ “ดื่มน้ำส้มหน่อยไหม ปรายทานอาหารน้อยไปนะ” แม่นายใจเดียวพูดขึ้น เมื่อได้รับการเอาใจใส่ทำให้ปรายฝนนึกถึงภาพของ แพรพรรณที่อยู่ใกล้ชิดกับแม่นายใจเดียวขึ้นมาทันที “ไม่ค่ะ ปรายไม่อยากทาน” “แค่น้ำส้มแก้วเดียว ดื่มหน่อยเถอะจะได้สดชื่นและหายเหนื่อย” “ปรายบอกแล้วไงว่าไม่อยากทาน” ปรายฝนพูดเสียงเข้ม เมื่อแก้วน้ำส้มยื่นมาตรงหน้า จึงสะบัดแขนปัดจนแก้วตกลงไปที่พื้นจนแตกกระจาย แม่บ้านรีบออกมาดูทันที เมื่อได้ยินเสียงแก้วแตกและรีบจัดการเพราะเกรงว่าปรายฝนหรือแม่นายใจเดียวจะเหยียบเข้า “มีอะไร ไหนบอกสิ” แม่นายใจเดียวถามเสียงเรียบ “ปรายขอยืมโทรศัพท์หน่อย” ปรายฝนแบมือท่าทางที่ได้เห็นทำเอาแม่นายใจเดียวถอนใจ เพราะยียวนกวนโมโหอยู่พอสมควร “รูปเพื่อนเยอะไปนะคะ” ปรายฝนเปิดภาพหน้าจอโทรศัพท์โดยยื่นให้เจ้าของได้เห็นภาพของแพรพรรณในช่วงวัยสาว “เป็นอะไรของเธอ” อาการปวดหัวที่ทวีขึ้นตั้งแต่ได้ยินเสียงแก้วแตกทำให้แม่นายใจเดียวโกรธขึ้นมากับท่าทางแปลกๆ และ เอาแต่ใจของเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ปรายบอกแล้วไงว่าปรายเป็นเด็กไม่น่ารัก ไม่ได้เรื่อง ขี้วีน ขี้เหวี่ยง ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ” ปรายฝนพูดน้ำเสียงห้วนๆ “ถ้าอดีตของฉันมันรบกวนใจเธอนักล่ะก็ กลับไปเป็นเด็กขี้เหวี่ยงเอาแต่ใจเหมือนเดิม พรุ่งนี้หน้าที่ของฉันก็เสร็จแล้วตามที่รับ ปากกับเธอไว้ที่นี้พอใจหรือยัง จะกินหรือไม่กินอะไร ฉันจะไม่ถามให้รำคาญอีกจะได้ไม่ต้องมาลำบากแม่บ้านต้องมาทำความสะอาด เก็บกวาดความไม่น่ารักของเด็กที่เอาแต่ใจ” แม่นายใจเดียวพูดดุเสียยืดยาว “ใช่ซี้ มีผู้ใหญ่ดูแลดีกว่านี่” ปรายฝนพูดขึ้น แม่นายใจเดียวจับแขนแล้วพาเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน “หยุดได้แล้วนะ ถ้าพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีก ถ้าเธอเลือกที่จะเชื่อคนอื่น ฉันจะไม่อธิบายอะไรอีก หรือถ้าเหนื่อยนักก็ไปนอนไม่ใช่มาทำพ่อแง่แม่งอนหาเรื่องกันอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ไว้ใจจะมีกันทำไม ตกลงที่แสดงให้เห็นอยู่นี่เป็นตัวตนจริงหรือ” แม่นายใจเดียวถาม “ก็แบบนี้แหละ พอเข้าเมืองลายเลยออก ปรายจะไปนอนห้องพ่อ” ปรายฝนพูดจบก็ออกจากห้องไป โดยปิดประตูเสียงดังโครม ใหญ่ “เป็นแบบนี้จริงหรือเนี่ย” แม่นายใจเดียวรำพึงออกมาเบาๆ หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดดูภาพของแพรพรรณ ที่มีเก็บเอาไว้นานแล้ว “แค่บอกให้ลบออก ฉันทำให้ได้” แม่นายใจเดียวพูดขึ้นน้ำตาไหลรินหยดลงที่หน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะเริ่มกดลบภาพของแพร พรรณทิ้งไป “เป็นบ้าอะไรของเธอนะ ปราย” ปรายฝนล้มตัวลงนอน หลังจากแสดงกิริยาไม่ดีไปกับแม่นายใจเดียว แต่ความเหนื่อยล้าถาโถม หนักเสียจนหลับไปในเวลาไม่นานเท่าไรนัก

อ่านด้วยแอป

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม