บทที่ 18 เริ่มการฝึกฝน

1551 คำ
หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย เหล่าทหารหญิงเหล่านั้นที่กล่าวหาจางเหมี่ยวลี่ก็ก้มหน้างุด ไม่กล้าสู้หน้านางเท่าใดนัก เจี่ยงหร่านไม่ได้สนใจ นางทิ้งกายลงนั่งที่ด้านหน้ากระโจม โจวลี่และอากัวรีบเดินเข้ามานั่งข้างกายนาง ก่อนจะกล่าวด้วยความเป็นห่วง "ไม่เป็นอะไรนะ ข้าสองคนอยู่กับเจ้ามากที่สุด พวกเรารู้ว่าเจ้าไม่ได้ทำแน่" อากัวเอ่ยพร้อมกับยิ้มตาหยี ด้านโจวลี่ก็พยักหน้าเช่นเดียวกัน เจี่ยงหร่านเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คลี่ยิ้มน้อยๆ "ขอบใจพวกเจ้ามาก พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ยังต้องฝึกแต่เช้า ข้าจะไปล้างหน้าที่ริมแม่น้ำสักครู่ แล้วจะรีบกลับมา" พูดจบเจี่ยงหร่านก็เดินตรงไปที่ริมแม่น้ำในทันที นางหย่อนกายลงนั่งริมแม่น้ำ แล้วยกมือขึ้นวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า น้ำค่อนข้างใสสะอาดเย็นสบาย ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังเดินกลับ ก็พบกับเซียวจิ้งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มจ้องมองนางด้วยแววตาที่คมกริบ "ดึกมากแล้ว ไม่หลับไม่นอนมาทำอะไรที่นี่" "แล้วท่านเล่า ดึกมากแล้วไม่หลับไม่นอนมาตามจับผิดทหารใต้บังคับบัญชาทำไมกัน" เจี่ยงหร่านโต้เถียงกับเซียวจิ้งอย่างไม่ใส่ใจ เซียวจิ้งปรายตามองสตรีตรงหน้า รู้สึกว่าระยะหลังมานี้นางมักจะต่อปากต่อคำเก่งขึ้น อีกทั้งยังไม่ไล่ตามเขาเขาราวกับวิญญาณติดตามเหมือนสมัยก่อน เจี่ยงหร่านไม่อยากจะสนใจเซียวจิ้งแล้ว สหายผู้นั้นของนางตายจากไป เหลือเพียงบุรุษปากเสียสายตาเย็นชาผู้นี้เท่านั้น นางจึงไม่อยากจะอยู่สนทนากับเขานานๆ ให้ต้องทะเลาะกัน เซียวจิ้งที่เห็นว่าจางเหมี่ยวลี่ไม่สนใจตน จึงยื่นมือไปจับแขนนาง แล้วบอกไว้ว่า "เรื่องนี้วันนี้ทำให้เจ้าต้องลำบาก ข้าจะชดเชยให้วันหลัง" "ชดเชยเช่นไร" เซียวจิ้งไม่ตอบเดินจากไปโดยไม่มองนางอีก เจี่ยงหร่านเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงสัพยอกขึ้นมา "ห้ามผิดคำพูดเล่า หากท่านผิดคำพูดจะต้องกินน้ำแกงงูเป็นการลงโทษ" เจี่ยงหร่านพูดออกไปด้วยความเคยชิน นี่เป็นคำพูดที่นางมักพูดกับเซียวจิ้งอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่ต้องจากลากันบนภูเขา เซียวจิ้งหันขวับกลับมาจ้องมองทันที พบว่าจางเหมี่ยวลี่เดินกลับไปที่กระโจมของตนอีกทางหนึ่งแล้ว ชายหนุ่มคิดอยากพุ่งเข้าไปถามนางว่าเอาประโยคเหล่านี้มาจากที่ใด ทว่าสวีเฉินมาพบเขาและแจ้งว่ามีธุระทางทหารให้ต้องจัดการ เขาจึงไม่ได้ตามนางไป เรื่องนี้เป็นปมที่ค้างคาในใจของเซียวจิ้งเป็นอย่างยิ่ง ลางสังหรณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ได้คอยตอกย้ำความคิดของเขาอยู่ตลอดเวลา เช้าวันต่อมา มีเสียงสัญญาณเรียกให้เหล่าบรรดาทหารหญิงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ยามนี้พวกนางยืนเรียงแถวเพื่อรอรับคำสั่ง วันนี้มีคำสั่งให้พวกนางวิ่งรอบๆภูเขาตามเส้นทางที่มีธงสีแดงปักเอาไว้ วิ่งให้ครบสิบรอบแล้วจึงกลับมากินอาหารเช้า จากนั้นก็จะเริ่มตารางฝึกซ้อมต่อไป หลังจากที่ฝึกวิ่งมาหลายวันเจี่ยงหร่านก็เริ่มปรับสภาพได้แล้ว ร่างกายนี้ทนรับความยากลำบากได้ดีขึ้นเป็นอย่างมากกว่าเมื่อก่อน อาหารมื้อเช้ามีข้าวต้มและผักบ้างเล็กน้อย อีกทั้งยังมีซาลาเปาไส้เนื้อหนึ่งลูก ฮ่องเต้เซียวหลางใส่ใจเรื่องการฝึกทหารมาก ดังนั้นอาหารของค่ายทหารจึงค่อนข้างมีหลากหลาย เจี่ยงหร่านกินอาหารตรงหน้าหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าโจวลี่และอากัวก็กิินอิ่มแล้วเช่นกัน เมื่อกินเสร็จแล้วก็เข้ามายืนเรียงแถวหน้ากระดานที่ด้านหน้ากระโจมค่ายทหาร วันนี้แม่ทัพใหญ่จางเดินทางมาตรวจค่าย ทั้งยังบอกอีกว่ารอให้ฝึกร่างกายให้แข็งแกร่งกว่านี้ จะมีการประลองระหว่างสตรีและบุรุษในค่ายทหาร เรื่องนี้สร้างความแตกตื่นตกใจในหมู่ทหารหญิงไม่น้อย พวกนางบางคนคิดว่าอยู่ค่ายทหารคงจะมีเบี้ยหวัดมีข้าวกิน แต่แท้จริงแล้วกลับต้องฝึกหนักกว่าที่คิดเอาไว้ เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ไม่ได้แปลกใจ เดิมทีในชีวิตก่อนนี้นางก็เคยฝึกร่วมกับบุรุษเรื่องนี้จึงไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไร เซียวจิ้งมองทหารทุกคน ก่อนจะแจ้งภารกิจวันนี้ "เอาล่ะ วันนี้จะเป็นการฝึกยิงธนู ส่วนวันต่อๆ ไปจะเป็นการใช้ดาบและกระบี่รวมถึงอาวุธต่างๆ ที่ทหารต้องใช้ การฝึกในหลายเดือนนี้ ใครมีฝีมือจะได้อยู่ต่อไป ใครที่ฝีมือไม่ได้เรื่องจะต้องถูกคัดออก กองทัพไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์ ครั้งนี้แม่ทัพใหญ่จางจะเข้ามาร่วมดูการคัดเลือกนี้ด้วย พวกเจ้าทุกคนจงตั้งใจให้ดี ให้ฝ่าบาททรงเห็นว่าสตรีแคว้นฟงหลิง ก็มิได้ด้อยกว่าบุรุษ เก่งกาจสมกับที่พระองค์ทรงตั้งความหวังไว้" บรรดาทหารหญิงทุกคนพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียงกัน การฝึกดำเนินไปเรื่อยๆ มีทหารหญิงจำนวนไม่น้อยที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำแต่พอยกคันธนูกลับไร้เรี่ยวแรง ถือดาบก็ขาสั่น เซียวจิ้งโคลงศีรษะ ก่อนจะสั่งให้พวกนางไปพักก่อน จนกระทั่งมาถึงอากัวและโจวลี่ สองคนนี้แม้ฝีมือไม่ได้นับว่ายอดเยี่ยม แต่กลับใช้อาวุธได้ดี แม่ทัพใหญ่จางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมาสบตากับเซียวจิ้ง คนที่ได้ฝึกเป็นคนสุดท้ายก็คือจางเหมี่ยวลี่ ทุกคนต่างจดจ้องมองที่นางอย่างไม่ละสายตา รวมไปถึงเซียวจิ้งและแม่ทัพใหญ่จางผู้เป็นบิดา คราแรกแม่ทัพใหญ่จางก็เป็นห่วงบุตรสาวอยู่บ้าง ยามที่อยู่ในจวนนางใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ได้รับความลำบากใดๆ เลย แต่เมื่อมาอยู่ในค่ายทหารย่อมไม่เหมือนกัน แต่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าแล้ว ทำให้เขาเบาใจลงไปได้มาก จางเหมี่ยวลี่อยู่ในค่ายทหารได้และยังสามารถปรับตัวได้ดีอีกด้วย อีกทั้งยังไม่ยอมรับความช่วยเหลือใดๆ จากเขา บุตรสาวของเขาเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ เซียวจิ้งจ้องมองจางเหมี่ยวลี่แวบหนึ่ง เห็นหญิงสาวง้างคันธนูขึ้น ดวงตาของนางสงบนิ่งไม่วูบไหวราวกับสิ่งรอบกายไม่มีผลต่อนางเลยแม้แต่นิดเดียว หญิงสาวง้างสายคันธนูก่อนจะยิงออกไป "กึ่งกลาง!" เสียงของทหารผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมา ทำให้ทหารคนอื่นๆ ล้วนไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง จางเหมี่ยวลี่ที่วันๆ อยู่แต่ในจวน ไม่สนใจสิ่งใด แต่กลับเป็นแม่นางน้อยที่คมในฝัก มากฝีมือจริงๆ ตอนนี้นางเป็นทหารหญิงเพียงผู้เดียวในค่ายทหาร ที่ิยิงธนูได้แม่นยำเป็นที่สุด เซียวจิ้งสีหน้าเคร่งขรึมมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา นับว่าจางเหมี่ยวลี่ยิ่งจะสร้างความประหลาดใจให้แก่เขามากขึ้นทุกวัน เมื่อทำการฝึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ได้แยกย้ายไปพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวฝึกการใช้ดาบและกระบี่ในวันต่อๆ ไป และก็เป็นเช่นนี้ทุกๆ วันเป็นเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่มีฝีมือเป็นอย่างมาก ไม่วาจะเป็นกระบี่ ธนู ดาบ ทวนนางล้วนถนัดทั้งสิ้น อีกทั้งยังคล่องมือมากเสียด้วย เพราะการฝึกอย่างหนักหน่วงเคี่ยวกรำจากบิดาแม่ทัพใหญ่ตระกูลเจี่ยงแห่งแคว้นซ่งทำให้นางก้าวหน้ามาถึงขึ้นนี้ได้ บรรดาเหล่าทหารหญิงที่ก่อนหน้านี้ ใช้วาจาเหน็บแนมจางเหมี่ยวลี่ว่าใช้อำนาจบิดาที่เป็นแม่ทัพใหญ่ อีกทั้งยังเป็นคู่หมั้นรองแม่ทัพเซียวก็เงียบปากกันไปเสียแล้ว เพราะได้เห็นแล้วว่านางมากความสามารถจริงๆ โจวลี่กับอากัวถึงกับวิ่งมากอดแขนบอกว่าอยากให้นางสอนกระบวนท่าต่างๆ ให้ เจี่ยงหร่านพยักหน้าคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย นางมิได้รู้สึกว่าเรื่องสอนฝึกวิชาเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างไร ยิ่งสตรีสามารถชวนเหลือพึ่งพาและปกป้องตนเองได้มากเท่าใดนับว่าเป็นเรื่องดี ที่สำคัญนอกจากเก่งแล้วยังจะต้องมีสมอง อย่าหลงเชื่อบุรุษใจชั่วเป็นอันขาด เจี่ยงหร่านหย่อนกายลงนั่งที่ใต้ต้นไม้ ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า อีกไม่นานแล้ว นางจะได้พบกับฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยาอีกครั้ง อีกไม่นานแล้วจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม