บทที่4.3

1711 คำ
"ที่ผมดีกับคุณ เพราะคุณดีกับผมก่อน เรื่องมันก็เท่านี้ครับ” ผมกล่าวและไม่แม้แต่จะผลักไส ในขณะที่อีกฝ่าย...ยังคงเคลื่อนไหวปลายนิ้วอย่างเนิบช้าไปตามสันกรามและกรอบหน้า ไม่สนแม้กระทั่งไรหนวดอ่อน ๆ ที่อาจจะทำให้ระคายนิ้ว ให้ตายดิ... “เฮ้ คุณน่ะระวังหน่อย ผมเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ความอดทนไม่ได้มีมากอะไร” มาจับ มาจูบ มาลูบ มาไล้ มาพูดจาและทำสายตาแบบนี้กับผมที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คิดว่าไม่เป็นไรแน่เหรอ? “...” “ถ้าเรื่องมันเลยเถิดโดยที่ผม 'ไม่ได้มีใจ' ...ถึงตอนนั้นคนที่เจ็บมันก็คือตัวคุณเองนะครับ” “คำพูดคำจา” พ่นประโยคจริงจังจบได้ไม่ถึงสามวินาทีพี่ควีนก็หลุดหัวเราะคิกคักคล้ายเอ็นดูสิ่งที่ผมพูดเสียเต็มประดา มือข้างที่ลูบไล้สันกรามเปลี่ยนมาวางไว้เหนือศีรษะอีกครั้ง ออกแรงยีจนยุ่งฟูแล้วค่อยกล่าวสำทับ “ไม่เห็นต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนั้นเลย จริงจังไปได้” “ผมแค่เตือนสติคุณ” “ค่า ๆ” ไม่นานคนตัวเล็กก็ก้มหยิบกำไลลูกปัดไปจากมือผม จัดการสวมมันลงบนข้อมือข้างซ้าย ผมเลือกแบบที่สามารถปรับสายได้ เพราะจากที่ดู ๆ แล้วขนาดมาตรฐานนั้นค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับข้อมือเล็กกระจิ๋วหลิวของเธอ แต่ทว่า ทั้งที่ก่อนกลับผมปรับให้ความกว้างของสายเล็กลงจนน่าจะพอดีกับข้อมือเธอแล้วแท้ ๆ มันก็ยังหลวมจนแทบหลุดได้ทุกครั้งยามเคลื่อนไหว ผมเลย... “ข้อมือคุณเล็กมาก ถ้ามันหลวมก็ปรับสายเอานะ” ...บอกเธอไปแบบนั้น “ขอบคุณนะ” “อือ” ขานรับพร้อมหลุบมองเครื่องประดับขนาดเล็กบนข้อมือเธอ ใส่แล้วสวยดี เหมาะกับพี่ควีนมากจริง ๆ วันต่อมา เวลา 18.02 นาฬิกา Syb : ก็ว่าติดต่อไม่ได้ GameS : ทำเหมือนเป็นห่วง แต่กูโทร.ไปไม่รับ สัดหมาจริง ๆ มึงเนี่ย Syb : กูไม่ค่อยว่าง Syb : สอนการบ้านเด็กม.ปลาย GameS : เพื่อนมึงจะตายห่าอยู่แล้ว เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าก็ได้เหรอ Syb : อืม เจอคำตอบนี้ของเพื่อนสนิทเข้าไป...ผมถึงกับแค่นหัวเราะ กับผู้หญิงที่ไอ้สิบพร่ำบอกว่าไม่ได้คิดอะไร เป็นเพียงรุ่นน้องที่มีความสัมพันธ์เชิง F.W.B เท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ส่งไลน์หรือโทร.หา ถามว่าทำอะไรอยู่ คำตอบมักหนีไม่พ้น 'สอนการบ้านน้อง' 'พาน้องไปกินข้าว' 'น้องไม่สบายต้องเฝ้าไข้' ใด ๆ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับผู้หญิงคนนั้นที่มันย้ำนักน้ำหนาว่าไม่ได้รัก เชื่อตาย ถ้าให้เลือกระหว่างเพื่อนที่คบหากันมานานอย่างผม กับผู้หญิงที่มันบอกว่าไม่ได้สำคัญ รับประกันเลยว่าไอ้สัดปกรต้องเลือกเธอแบบไม่คิดแน่ เพราะขนาดหลายวันก่อนตอนผมใช้เบอร์พี่ควีนโทร.ไปหาตั้งหลายครั้งหลายคราว มันยังไม่แม้แต่จะรับสาย พอใช้โทรศัพท์ที่เพิ่งได้มาตะบี้ตะบันติดต่อกลับไปเป็นสิบ ๆ หนจนมันยอมกดรับ...เหตุผลของการเมินเฉยก็หนีไม่พ้นเรื่องเด็กคนนั้นอยู่วันยันค่ำ ไม่รับสายเพราะสอนการบ้านเด็กเนี่ยนะ หึ ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นมันเที่ยงคืนกว่า ๆ แล้วนะ ไม่ใช่ว่าทำอย่างอื่นกันอยู่หรอกเหรอครับ? Syb : แล้วมึงจะเอาไงต่อ เมื่อเห็นผมเงียบไป ไอ้สิบผู้ซึ่งชวนคุยไม่เก่งก็ยอมที่จะเป็นฝ่ายพิมพ์กลับมาถาม GameS : อยู่พะงันอีกราว ๆ 10 วัน GameS : ฝากมึงหาคอนโดฯ ราคาดี ๆ ให้หน่อยดิ ในกทม.อะ เดี๋ยวเดือนหน้ากูต้องไปเรียนแล้ว Syb : คอนโดกูไหม? GameS : ไม่เอา กูไม่อยากขัดฉากสวีทของมึงกับน้องมิ้นที่มึงบอกว่าไม่ได้รัก GameS : ไม่ได้รักแต่นอนกกเช้ากกเย็น ประคบประหงมยิ่งกว่าไข่ในหิน ไม่ได้รักเล้ยยย Syb : พูดมาก ไปตาย Syb : แค่นี้ก่อน ค่อยคุยกัน มิ้นหิวข้าว จบแล้วมันก็เงียบหายไปทันที เป็นอันจบการสนทนาที่แทบไม่ได้บทสรุปเป็นชิ้นเป็นอัน ผมพรูลมหายใจ จ้องช่องแชตของเพื่อนสนิทแล้วนึกอยากกลับกรุงเทพฯ ไปตั๊นหน้าสักทีสองที ทว่าเพ้อเจ้อได้ไม่ทันไรก็มีเหตุให้ต้องลากสายตากลับไปยังทิศทางของเสียงฝีเท้าบางเบา เป็นพี่ควีนนั่นเองที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ...ในชุดทูพีชสีขาว “...” ผมชะงัก “พอดีพี่จะไปว่ายน้ำที่สระชั้นดาดฟ้าสักชั่วโมงค่ะ ไปด้วยกันไหม?” “ไปว่ายน้ำตอนค่ำเนี่ยนะคุณ?” ตอนนี้ผมอยู่บนเตียง จากที่นอนเหยียดตัวอย่างเกียจคร้านก็คล้ายมีแรงผลักดันแปลกประหลาดฉุดให้ลุกขึ้นนั่งอย่างกระตือรือร้น สำรวจชุดว่ายน้ำที่ไม่รู้ว่าถูกออกแบบมาให้จิ๋วหลิวอย่างนี้ตั้งแต่แรก หรือเป็นเธอเองที่เลือกใส่ผิดไซซ์...ส่วนโค้งนูนต่าง ๆ มันถึงได้ทะลักทะลวงเกินหน้าเกินตาแบบนั้น “ชุดแบบนี้ยังจะกล้าใส่ไปเล่นน้ำอีกเหรอ” “ก็ปกติดีนี่คะ” ปฏิกิริยาของผมสร้างความแปลกใจให้เธอเพียงชั่วครู่ ก่อนจะก้มพิจารณาการแต่งกายของตัวเองอีกหน “ทูพีชต้องแบบนี้อยู่แล้วค่ะ” “มันโป๊ไป” ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงเข้าไปหาเธอทันที อาจเพราะช่วงขาผมยาวมาก ทั้งที่ระยะห่างก็หลายเมตร...แต่ก้าวเพียงสามก้าวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กที่เพิ่งค้นพบว่าแอบซ่อนรูปไม่น้อย “ทูพีชแบบที่รัดกุมกว่านี้ก็มี” อยู่ด้วยกันมาสามวันแล้ว เธอเปรียบเสมือนคนรู้จักคนหนึ่งของผม จะปล่อยให้นุ่งผ้าน้อยชิ้นเดินไปเดินมา ล่อเสือล่อตะเข้มันก็ใช่เรื่อง “เมื่อวานหนูถามว่าพี่ทำงานอะไร จำได้ไหมคะ?” พี่ควีนไม่แม้แต่จะหมุนตัวกลับไปเปลี่ยนชุด เธอแหงนหน้าขึ้นมองผมพร้อมรอยยิ้มที่สามารถฆ่าคนตายได้ง่าย ๆ “แล้วไง” เกี่ยวไรกับเรื่องชุดว่ายน้ำ? “ชุดนี้ทางแบรนด์เค้าส่งมาให้ พี่ต้องใส่แล้วถ่ายลงเฟซกับไอจี รับเงินมาแล้วก็ต้องรีวิวค่ะ” เป็นความจริงที่ว่าเมื่อวาน ก่อนเราสองคนจะเข้านอน...ผมตัดสินใจถามเรื่องอาชีพของเธอ ครอบครัวเธอทำธุรกิจค้าอาวุธที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ผูกติดกับองค์กรไหน ส่งขายภายในและนอกประเทศ ได้หมดทั้งภาครัฐและเอกชน หากมีเอกสารรับรองและเม็ดเงินที่เพียงพอ พี่ควีนเล่าว่าบรรพบุรุษของเธอเคยเป็นหนึ่งในนักพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธของอเมริกา ในครั้งที่สังขารไม่เอื้อต่อการทำงานแล้วจึงกลับไทยมาเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยได้ใช้ความรู้ที่มีส่งต่อให้ลูกหลานสานต่อ หนึ่งในนั้นคือพ่อของเธอ...ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศไปแล้ว จากธุรกิจที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหลายสิบปี จากผลกำไรที่ได้มาตลอดไม่เคยขาดมือ ทำให้ครอบครัวเธอกลายเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับท็อปของไทยโดยปริยาย ตัวพี่ควีนนั้นเป็นทายาทผู้หญิงเพียงคนเดียวในรอบหลายสิบปี เธอเล่าว่าตั้งแต่จำความได้ก็ถูกผู้ใหญ่รอบตัวเสี้ยมสอนและปลูกฝังทุกอย่างจนแทบรับไม่ไหว เพราะในขณะที่ต้องวางตัวเป็นกุลสตรีตามจารีต ก็ต้องมีความขึงขังและทันคน มองทุกอย่างเป็นเรื่องของเงินทองและธุรกิจ ใช้สมองและไหวพริบทางปัญญามากกว่าจะใช้หัวใจ การทำอะไรโดยใช้ความรู้สึกมากเกินไป มีแต่จะเป็นภัยและย้อนมาเสี้ยมแทงตัวเองในภายหลัง พ่อวางแผนให้เธอก้าวขึ้นไปกุมบังเ**ยนอย่างเต็มตัวในวันที่ต้องสละบัลลังก์ ส่วนเหตุผลเบื้องลึกคืออะไร...เธอไม่ได้สาธยายต่อ บอกเพียงว่าตัวเองไม่ได้ต้องการเดินตามทางที่พ่อปูไว้ ดังนั้นในวันที่พี่ควีนโตขึ้นและสามารถทลายความกลัวที่มีต่ออำนาจของคนเป็นพ่อได้ เธอจึงลองทำทุกอย่างที่อยากทำ กระทั่งค้นพบว่าตัวเองนั้นชอบที่ถูกยอมรับ ชอบเวลามีคนมากมายมาชื่นชมและสนใจเธอ...ที่เป็นตัวของเธอจริง ๆ “ตอนอยู่บ้าน ญาติมักจะบอกว่าทำแบบโน้นแบบนี้น่ะดีแล้ว ไม่เคยยอมรับตัวตนจริง ๆ ของพี่เลย เอาแต่ยัดเยียดใครก็ไม่รู้ใส่ตัวพี่ทุกวัน” “อยู่ต่อหน้าพวกท่านพี่ต้องแต่งตัวเรียบร้อยมาก แทบไม่มีสิทธิ์ได้เลือกว่าวันต่อไปจะได้ใส่ชุดอะไร แม้แต้ทรงผมและเครื่องสำอางพี่ก็แทบไม่มีโอกาสได้หยิบจับเอง” “พอหลุดพ้นจากความกลัวมาได้พี่ก็เหมือนคนบ้าเลยค่ะ” “พี่สนุกกับการแต่งตัวมากขึ้น มีความสุขกับการแต่งหน้าทำผมเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเอง ยิ่งมีคนมาชม มาสนใจ มันทำให้พี่ยิ่งมีความสุขน่ะ อย่างน้อยตัวตนของพี่ในตอนนี้...ก็ได้รับการยอมรับ แม้ว่าหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นจะไม่ใช่พ่อหรือคนในครอบครัวก็ตาม” ผมถามเธออีกว่า “แต่คุณรวยแล้ว ไม่ต้องรับรีวิวเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอางก็ได้ โพสต์เดียวได้เงินถึงสองหมื่นไหมเหอะ” “ก็ดีกว่าอยู่เฉย ๆ นะหนู” คิดมาถึงตรงนี้ผมก็ทอดถอนลมหายใจ สองตามองคนตัวเล็กที่เมื่อคืนระบายอะไรไม่รู้ให้ฟังตั้งมากมาย แต่ก็นะ...จากความอัดอั้นตันใจที่ได้ฟัง มันทำให้ผมค้นพบว่าเราเองก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม