“ต้องถ่ายใช่ไหม?” เพราะไม่อยากจ้ำชี้จ้ำไชเธอมากไปกว่านี้ ผมจึงถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“ค่ะ พี่ต้องโพสต์วันนี้แล้ว”
“งั้นเอากล้องมา” ผมบอกเธอ “ไม่ต้องขึ้นไปดาดฟ้าหรอก ในห้องก็ถ่ายได้”
“...”
“เดี๋ยวผมถ่ายให้ เคไหม?”
“ในห้องไม่ได้ค่ะน้องเกมส์” แม้เสี้ยววินาทีแรกแววตาของพี่ควีนจะปรากฏความวูบไหวให้เห็นแต่ไม่นานหลังจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ พร้อมทั้งส่ายหน้าเบา ๆ สองครั้งเป็นการปฏิเสธ “พี่ได้รับบรีฟมาแล้ว โลเคชันต้องเป็นสระน้ำหรือริมหาดเท่านั้นนะ ตัวก็ต้องเปียก ๆ นิดหนึ่งด้วย”
บรีฟเหี้ยขนาดนี้ยังรับมาอีกเหรอ?
ได้ดูชุดตัวเองหรือยังว่ามันโป๊ขนาดไหน ยิ่งเนื้อผ้าค่อนข้างบางและเป็นสีขาวแบบนั้น หากเปียกน้ำก็คงเห็นด้านในหมด
อยากกระชากกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วโยนเสื้อยืดตัวใหญ่ ๆ ให้สวมใส่ อยากตามขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าเพราะกลัวว่าจะมีใครสักคนมาลามเลียเธอผ่านสายตา แต่ความเป็นจริง...ผมทำได้เพียงกระฟัดกระเฟียดกับตัวเองภายในใจเท่านั้น
อย่าดีกว่า มากเกินไป เดี๋ยวเจ้าตัวก็ได้ใจเหมือนเมื่อวานอีกหรอก
“แล้วมีใครไปกับคุณบ้าง” ครั้นยืนกรานว่ายังไงก็ต้องขึ้นไปถ่ายรูปที่สระน้ำชั้นดาดฟ้าให้ได้ผมจึงจนใจและเลิกเซ้าซี้ หากแต่ยังไม่ปล่อยผ่านเสียทีเดียว อย่างน้อยก็ต้องรู้ก่อนว่าเธอไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนเพียงลำพัง
“ธนูกับปืนค่ะ”
“โอเค”
ธนูกับปืนเป็นบอดี้การ์ดฝาแฝดหน้าตาดีที่ค่อนข้างสนิทสนมกับเธอ แม้น้อยกว่าไอ้ดีนที่เพิ่งถูกส่งตัวกลับกรุงเทพฯ ไปเมื่อวาน แต่ในเรื่องของความซื่อตรงต่อคำสั่งนับว่าทำได้ดีกว่าหลายระดับ
คงเพราะสองคนนี้ไม่แอบแฝงความรู้สึกในเชิงชู้สาว การปฏิบัติหน้าที่จึงมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า
“แผลเรายังไม่หายดี นอนเล่นไปก่อนนะคะ เสร็จแล้วพี่จะพาไปกินข้าวที่ร้านข้างล่าง” เมื่อผมไม่มีท่าอยากรั้งอีกต่อไป พี่ควีนจึงเดินไปหยิบผ้าคลุมมาผูกเอว ก่อนเปิดลิ้นชักหัวเตียงเอากล้องมิลเลอร์เลสตัวดังอย่าง G7X Mark II ของ Canon ขึ้นมาคล้องคอไว้ เตรียมเดินออกจากห้องไป ทว่า...
“เดี๋ยว” ยังไม่ทันที่ปลายนิ้วเรียวยาวจะสัมผัสบานประตู เป็นผมเองที่เอ่ยรั้ง ส่งผลให้เท้าไซซ์ 36 ทั้งสองข้างหยุดนิ่งพร้อมทั้งเอี้ยวหน้ากลับมามอง
“หื้ม ว่าไงคะ?”
“สายชุดคุณเหมือนจะหลุด”
ไม่เพียงพูด แต่ยังขยับเข้าไปยืนซ้อนแผ่นหลังบอบบางในระยะห่างที่สามารถรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย...สองตาหลุบมองสายชุดทูพีชที่เชื่อมติดกันระหว่างลำคอและแผ่นหลังซึ่งขณะนี้ปมที่เธอผูกไว้มันใกล้จะหลุดเต็มที ปล่อยไว้คงไม่ดีแน่
เจ้าของชุดทูพีชสีขาวส่งเสียง 'อ้อ' ในลำคอ...
“...งั้นรบกวนผูกให้พี่ใหม่ทีนะคะ” ก่อนเอ่ยไหว้วานแล้วหันหน้ากลับไปมองประตูที่ยังคงถูกปิดสนิท ภาษากายของเธอบ่งบอกว่าให้อภิสิทธิ์ผมอย่างเต็มที่
ผมไม่ตอบ ยื่นมือที่ยังคงมีร่องรอยจากการวิวาทไปสัมผัสสายเสื้ออย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ ผูกไปทีละทบจนกว่าจะแน่ใจว่าแน่นหนาพอ
ซึ่งด้วยความที่ระยะห่างระหว่างเรามันไม่ได้มากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมจึงได้กลิ่นหอมอ่อนจางจากตัวเธอในองศานี้ อาจเพราะบริเวณหัวไหล่ ต้นคอ และหลังหูคือจุดที่เธอพรมน้ำหอมล่ะมั้ง
ทำไมวะ
ทำไมน้ำหอมบนตัวเธอ...ถึงเป็นกลิ่นที่ผมรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้
คุ้นเคยราวกับช่วงเวลาหนึ่งเคยได้ดอมดมอย่างใกล้ชิด คุ้นเคยจนสองมือที่กำลังสาละวนกับการผูกสายเสื้อเกิดสั่นพร่าขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม
และแล้วสายชุดทูพีชที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยดีก็ถูกปล่อยเคว้ง ความสนใจถูกย้ายมายังกลิ่นคุ้นจมูกทันที และโดยไม่รอช้า...มือขวาก็เคลื่อนขึ้นมาสัมผัสเรือนผมนุ่มลื่นของเธอ จัดการรวบแล้วปัดไปไว้ที่หัวไหล่ด้านซ้ายทั้งหมดในคราวเดียว
แน่นอนว่าการกระทำอันไร้ที่มาที่ไปนั้นสร้างความงุนงงแก่พี่ควีนเป็นอย่างมาก เธอสะดุ้งให้ผมเห็นอย่างเบาบาง หากแต่ไร้ท่าทีต่อต้าน ไม่สั่นกลัว ในทางกลับกัน...เธอค่อย ๆ กลับสู่ความนิ่งงัน เหมือนรู้ว่าอะไรคือเหตุผลที่ผมทำแบบนี้ ซึ่งตัวเธอเองก็ยินยอมพร้อมใจ
ห้าวินาทีให้หลัง ปลายจมูกผมเคลื่อนเข้าไปสัมผัสหลังคอเธอตามคำบัญชาของสมอง กระทั่งกลิ่นหอมอบอวลเป่าปะทะเข้ามาในประสาทสัมผัสรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ หัวใจที่เต้นอย่างเป็นปกติก็พลันสั่นระรัวอย่างลิงโลด ทว่าปฏิกิริยาทางกายบางส่วนกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
แม้ก้อนเนื้อตรงกลางอกจะเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง แต่ขอบตาผมกลับร้อนผ่าว...ร้อนจนบางสิ่งที่คลอหน่วยอยู่...พร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
ผมกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดออก
พร่ำพูดว่า 'ไม่จริง เป็นไปไม่ได้'
“กลิ่นนี้ลิมิเตดเลยนะ มีขวดเดียวในโลก”
“เพ้อเจ้อ”
“เพ้อเจ้อตรงไหน”
“น้ำหอมมันซ้ำ ๆ กันหมด”
“ไม่ซ้ำนะ ขวดนี้พี่ผสมเอง อยากให้เป็นกลิ่นประจำตัวน่ะ เอาแขนมาเร็วกันดิศคุงงง”
“เฮ้ย ไม่เอา อย่ามาฉีดใส่กันมั่ว ๆ งี้ดิ”
“พี่อยากให้เกมส์จำเอาไว้ว่ากลิ่นนี้มันเป็นกลิ่นของพี่คนเดียว”
“เห็นเกมส์เป็นหมาเหรอวะ”
ชั่ววูบนั้น บทสนทนาในอดีต รวมถึงภาพที่ผมและเธอคนนั้นนั่งอยู่ข้างกันใต้ต้นสนยักษ์ก็ปรากฏขึ้นกลางสมองอย่างแจ่มชัด
ทั้งคำพูดคำจาที่แทบจะถอดแบบ กิริยาท่าทางที่มีความคล้ายคลึงอยู่หลายส่วน และนิสัยส่วนตัวที่ต่อให้ไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ชวนให้เคลือบแคลงและหัวเสียทุกครั้งยามอยู่ใกล้ คิดดูดี ๆ แล้วโอกาสที่จะ...
พรึ่บ
“อ๊ะ”
ไม่รอช้า ผมจับร่างบางพลิกกลับมาเผชิญหน้า ผลักพี่ควีนติดกับบานประตูโดยไม่สนใจว่าเรี่ยวแรงที่ใช้นั้นจะทำให้เธอได้รับความเจ็บปวดจากแรงกระแทกมากน้อยแค่ไหน “น้องเกมส์?”
น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงความหวาดหวั่นเปล่งเรียก ทว่าผมกลับไม่สนใจ ใช้มือข้างหนึ่งเกี่ยวขอบเสื้อตัวจิ๋วขึ้นมากองเหนืออก เพ่งพินิจสิ่งที่พอจะเป็นหลักฐานอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมจำได้ว่ามันอยู่ใต้ทรวงอกข้างซ้าย...
สิ่งที่เรียกว่าแผลเป็น รอยแผลที่มีรูปทรงคล้ายไม้กางเขน
แต่... “ไม่มี...”
ทั้งที่อะไร ๆ หลายอย่างมันเข้าเค้า แต่รอยแผลที่เป็นตัวบ่งชี้กลับหายไป
ไม่สิ...
ความจริงแล้ว...มันแค่ไม่มีบนตัวพี่ควีนตั้งแต่แรกต่างหาก
เป็นผมเองที่เพ้อเจ้อ เป็นผมเองที่...
“หมายความว่าไงคะ?” เสียงหวานถามพร้อมทั้งพยายามเคลื่อนมือขึ้นมากุมหน้า แต่ผมกลับปัดมันออกจนมือเรียวบางลอยลิ่วไปตามแรงนำพา
“บอกมา คุณได้น้ำหอมกลิ่นนี้มาได้ยังไง”
ถึงเธอจะมีหลายอย่างคล้ายผู้หญิงคนนั้นมากจนผมแปลกใจทุกครั้ง ถึงเธอจะบอกว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน มีผมเพียงฝ่ายเดียวที่จำอะไรไม่ได้ แต่เปล่าเลย...ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ความจำเสื่อม
เรื่องราวในอดีต ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนผมสามารถจดจำได้หมด หากนั่นมันสำคัญสำหรับผมจริง ๆ
และอีกอย่าง...พี่ควีนไม่มีทางเป็นคนเดียวกันกับเธอคนนั้น
เพราะหนึ่ง...หน้าตาไม่เหมือนกัน
และสอง...เธอคนนั้นเสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
“พี่เจ็บนะ” พี่ควีนไม่ได้ให้คำตอบผมในทันที เธอเบ้หน้า ขณะเส้นที่เปล่งออกมานั้นแผ่วเบาจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่เพราะอยู่ใกล้กันมาก ผมจึงได้ยินชัดเจน “พี่บอกว่าเจ็บไง”
คำว่าเจ็บที่ได้ยินถึงสองครั้งสองครา ฉุดให้ผมก้มหน้าลงต่ำ มองดูที่มาของปฏิกิริยาฝ่ายตรงข้าม
จนพบว่าผมนั้นไม่เพียงกระแทกเธอติดบานประตู แต่มือยังบีบหัวไหล่บอบบางทั้งสองข้างจนไม่แน่ว่า...อีกหน่อยมันอาจจะแหลกลานคามือได้
ผมได้สติ ค่อย ๆ คลายแรงในส่วนนั้นและขยับถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง
หากแต่สองตายังคงตรึงไว้ที่รอยแดงจากการถูกบีบ
...ทำไงได้ ก็เธอเล่นมาใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันกับคนสำคัญของผม ไหนจะสรรพนามและอุปนิสัยหลายอย่างที่คล้ายคลึงผู้หญิงคนนั้น
จะไม่ให้ผมสติแตกจนเผลอรุนแรงได้ไง
ให้ตายดิ
“ขอโทษครับ”
ผมกล่าวอย่างรู้สึกผิด สองมือเตรียมยื่นไปจัดแจงชุดทูพีชของเธอให้เข้าที่เข้าทาง แต่พี่ควีนนั้นไวกว่า ดึงรั้งเสื้อที่ถูกผมกระชากขึ้นไปกองเหนืออกลงมาปิดทับส่วนโป๊เปลือยได้สำเร็จ
เมื่อความหวังดีถูกทำลาย ผมจึงชักมือกลับมาดังเดิม ขยุ้มมันกับชายเสื้อพร้อมทั้งเปล่งเสียง “บอกผมมาเหอะ คุณเป็นใครกันแน่”
“เราบอกพี่เองว่าจะค่อย ๆ ใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันทบทวนเรื่องราวทั้งหมด จะพยายามจำให้ได้ว่าพี่เป็นใคร”
“คุณบอกมาให้มันจบ ๆ มันไม่ง่ายกว่าเหรอวะ?” ผมทั้งหงุดหงิดทั้งสับสน และในขณะเดียวกันก็หนักอึ้งไปหมดทั้งหัวใจ “ผมอยากรู้”
ก๊อก ๆ
“คุณหนูครับ”
เหมือนโดนกลั่นแกล้ง ยังไม่ทันได้ไขข้อข้องใจ ประตูห้องที่พี่ควีนยืนพิงอยู่ก็สั่นสะเทือนจากแรงเคาะ เสียงเรียกทุ้มต่ำคุ้นหูจากอีกฝากของบานประตูชัดเจนว่าเป็นของธนู ซึ่งหลายนาทีก่อนเธอบอกว่ามันจะขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าด้วย “ผมกับไอ้ปืนรออยู่ตรงนี้นะครับ”
“จนถึงวันสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน ถ้าเรายังนึกอะไรไม่ออกจริง ๆ พี่ก็คงต้องบอกค่ะ”
ฟังคำลูกน้องจบก็เงยหน้าขึ้นสบตาผมในองศาที่ถนัดถนี่ มือซ้ายที่ก่อนหน้านี้ยกลูบรอยแดงตรงหัวไหล่เปลี่ยนมากุมแก้มฝั่งขวา...ซึ่งเธอทำกับผมแบบนี้เป็นประจำทั้งตอนที่เอ็นดู อยากเอาใจ หรือปลอบประโลม
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สัมผัสจากฝ่ามือเธอทำอารมณ์ผมเย็นลงกว่าเก่าหลายระดับ มันอุ่นมากจนผมนึกเสียดายที่เมื่อกี้นี้ปัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี “ขอโทษนะที่ตอนนี้ยังพูดอะไรมากไม่ได้”
แม่ง งงไปหมดแล้ว
“ทำไม” ผมขมวดคิ้ว ยืนนิ่งปล่อยให้ผิวแก้มซึมซับอุณหภูมิอุ่นซ่านจากฝ่ามือเธอเช่นเดิม “ทำไมต้องทำตัวเป็นปริศนาด้วย?”
“...นั่นสินะ” ริ้วแปลกประหลาดวูบผ่านนัยน์ตากลมโตชั่วครู่หนึ่ง เหมือนอึดอัดต้องการระบาย แต่ก็มีเหตุผลให้ต้องเก็บงำไว้ “ยังไงพี่ขอไปทำงานก่อนนะ จะรีบกลับมาค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน”
ละมือออกจากแก้มไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็ถูกผมคว้าหมับพร้อมทั้งรั้งให้เธอถลาเข้ามาประชิดตัวอย่างนุ่มนวล
การกระทำของผมส่งผลให้เรือนกายส่วนหน้าเราสัมผัสกันจนไม่เหลือช่องว่างให้ฝุ่นละอองลอดผ่าน
พี่ควีนชะงักอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองผมอย่างต้องการคำตอบ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถคาดเดาความคิดและนิสัยของผมในช่วงเวลานี้ได้ “ขอผมจูบคุณก่อนได้ไหม?”
ตอนนี้ผมยอมเห็นแก่ตัว
เพราะกลิ่นน้ำหอมของพี่ควีนที่เหมือนผู้หญิงคนนั้น...ทำให้ผมสามารถจูบเธอแต่จินตนาการถึงใครอีกคนได้