ตอนที่ 19 ถูกจับ
สามวันผ่านไป
ณ ตำหนักวังหลวง เมืองกวางโจว
การประชุมได้เสร็จสิ้นลง โดยมีความว่า เมืองต้าโจว เป็นเมืองที่หนาวเหน็บ ได้เกิดโรคประหลาดขึ้น ส่งผลราษฎรล้มตายเป็นจำนวนมาก หมอผู้มีวิชาความรู้หลายแห่งได้มาคิดค้นยาเพื่อรักษาแต่กลับไม่เป็นผล
ผลที่ได้กลับทำให้แย่ลงยิ่งกว่าเดิม เมื่อใช้ยาผิดอาการยิ่งทรุดหนัก จนหมอหลายคนจนปัญญาที่จะรักษา และติดโรคประหลาดอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองจึงรวมตัวกันประท้วงเจ้าเมืองให้รีบเร่งจัดการโรคประหลาด
เจ้าเมืองอับจนปัญญา จึงได้ส่งคำร้องเข้ามายังวังหลวง ร้อนไปถึงหูของฮ่องเต้
ฮ่องเต้จึงได้รับสั่งให้องค์รัชทายาทจื้อหงผู้ที่ล้ำเลิศเรื่องการแพทย์ไปยังเมืองต้าโจว พร้อมด้วยองค์ชายสามจื่อรุ่ยผู้ล้ำเลิศ
วรยุทธการต่อสู้ หากเกิดเหตุไม่คาดคิด จะได้คุ้มครององค์รัชทายาท และทรงรับสั่งให้องค์ชายรองเต๋อยีผู้ล้ำเลิศด้านความคิดและการวางแผน อย่างรอบคอบ หากเกิดเหตุร้ายขึ้น องค์ชายเต๋อยีสามารถคิดวิธีการที่จะพาตัวองค์รัชทายาทกลับมายังวังหลวงได้อย่างปลอดภัย
ส่วนเรื่องที่องค์ชายรองเต๋อยีคิดก่อกบฏนั้น มีหลักฐานไม่เพียงพอ และการกระทำของเต๋อยี เหมือนมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง หลายสิ่งที่ได้ทำไป องค์ชายรองทำไปโดยไม่รู้ตัว การที่องค์ชายรองได้พูดออกมา ทำให้ขุนนางหลายคนในราชสำนักเห็นด้วย มีบางครั้งขุนนางหลายท่านได้ทำบางอย่างลงไปโดยที่ไม่รู้ตัวจริง ๆ
ด้วยเหตุนี้ความผิดขององค์ชายรอง จึงได้ถูกละเว้นไว้ และให้ชดใช้ความผิดด้วยการไปทำคุณความดีที่เมืองต้าโจวในครั้งนี้
ขุนนางและฮ่องเต้ต่างก็ยินดี เมื่อเห็นองค์ชายทั้งสามเข้าใจกัน ร่วมมือกันทำเพื่อราษฎร ไม่ฝักใผ่ในอำนาจ
แต่ทว่า การคืนดีขององค์ชายในครั้งนี้ ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากไปเมืองต้าโจว
ณ ตำหนักพระชายาหลินซานซาน
ฉันนอนคว่ำหน้าอยู่สามวัน โดยไม่เห็นเดือน ไม่เห็นตะวัน ดีที่ร่างกายของหลินซานซานฝึกวรยุทธมาตั้งแต่เด็ก ทำให้บาดแผลสมานตัวเร็วกว่าชาวบ้านเขา
ในระหว่างที่ฉันพักรักษาตัวอยู่ ฉันได้ให้เชาเย่แอบไปขุดช่องหมาลอดเอาไว้ จะได้ไม่ต้องลำบากปีนป่ายออกไปตลอด ฮี่ ๆ แม้สมองจะมีอยู่น้อยนิด แต่พอจะมีความคิดอยู่บ้าง
วันนี้แหละ จะเป็นวันที่หญิงงามล่มเมืองอย่างฉันจะออกไปโลดแล่นที่เมืองกวางโจว ตามหากลีบบุปผาให้พบ
ฉันเดินออกมาจากตำหนักออกมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ของที่นี่ ดีกว่าในเมืองยุคปัจจุบันมาก จากนั้นฉันก็ย่อตัวลงเตรียมจะลักลอบออกไป และไม่ลืมที่จะปักปิ่นเถาวัลย์องุ่นเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง หวังว่าจะพบเบาะแสของกลีบบุปผา หากที่นี่ไม่มีคงเหลืออยู่ที่เดียวคือตำหนักร้างหลังวัง
“เถ้าแก่ข้าขอเหล้าหนึ่งไห พร้อมกับแกล้ม” ฉันพูดกับเถ้าแก่ในร้าน แล้วทำท่าทางอย่างกับบุรุษ
เนียนอย่างไม่มีใครสงสัย ทำไมไม่มีใครพาฉันไม่เล่นละครบ้างนะ
“นี่ขอรับ มาแล้ว เหล้าหนึ่งไห พร้อมกับแกล้ม” เถ้าแก่เดินถือเหล้าและกับแกล้มออกมาจากข้างใน แล้ววางมันลงที่โต๊ะของฉัน
ฉันเทเหล้า ยกขึ้นมาจิบอย่างอารมณ์ดี ชีวิตสบาย ๆ ชิว ๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัส เมื่อมาสัมผัสมันดีแบบนี้นี่เอง ^^
ในขณะที่ยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสตรีนางนึง นางปิดบังใบหน้าเอาไว้ ดวงตาของนางเหมือนกับหลินซานซานไม่มีผิด
สตรีนางนั้นมากับบุรุษหลายคน ดูท่าทางน่าจะเป็นแขกใน
หออวลบุปผา แต่จู่ ๆ บุรุษผู้หนึ่งได้ใช้มือมาจับไหล่ของนาง แล้วเลื้อยมือไปยังลำคอระหง จากนั้นนางใช้ฝ่ามือเพียงฝ่ามือเดียวซัดบุรุษผู้นั้นกระเด็น
-O- สตรีนางนี้ช่างร้ายกาจ
เมื่อลูกน้องของบุรุษคนนั้นเห็นเจ้านายของตนบาดเจ็บจึงวิ่งกรูเข้ามาในโรงเตี๊ยม ดูท่าทางจะเกิดการปะทะแน่ ๆ ฉันรักตัวกลัวตาย เผ่นก่อนดีกว่า
“เถ้าแก่!” ฉันเรียกเถ้าแก่พร้อมชูถุงเงินขึ้น แล้ววางมันไว้ที่โต๊ะ จากนั้นวิ่งออกไปจากโรงเตี๊ยม ขืนอยู่ต่อก็สิ้นชีพน่ะสิ วินาทีนั้น ฉันได้สบตากับสตีนางนั้นเพียงแวบเดียว สายตาของนางมองฉันด้วยความเลือบแคลงสงสัย
นางเป็นใครกันนะ ทำไมถึงได้คล้ายหลินซานซานขนาดนี้ เฮ้อ ตอนนี้คิดจนคิ้วขมวดไปหมดแล้ว คิดไม่ตกจริง ๆ ใครสามารถไขข้อสงสัยของฉันได้บ้าง สมองอันน้อยนิดของฉันจะระเบิดแล้ว
ฉันเดินมาตามถนนเรื่อย ๆ เห็นรถม้าขบวนยาวเหยียด ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็มุงดูซุบซิบกัน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ
“ข้าได้ยินข่าวที่เมืองต้าโจวเกิดโรคประหลาดขึ้น” สตรีวัยกลางคนพูดกับคนที่อยู่ข้าง ๆ
“เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินเช่นกัน โรคนี้แม้แต่หมอผู้มีวิชายังจนปัญญาที่จะรักษา”
“โรคประหลาดทำให้ชาวเมืองเดือดร้อน ตอนนี้ฮ่องเต้คงส่งองค์รัชทายาทไปรักษาชาวเมืองกระมัง”
ฉันฟังอย่างเงียบ ๆ เช่นนั้นขบวนรถม้านี่คือองค์รัชทายาทงั้นหรอ ฉันด้อม ๆ มอง ๆ เรื่องโรคประหลาดจะเกี่ยวข้องกับคนร้ายที่ฉันสร้างขึ้นไหมนะ เริ่มเป็นกังวลใจจริง ๆ
ในขณะที่ฉันครุ่นคิดไม่ทันระวังตัวนั้นเอง กลับมีมือปริศนามาคว้าตัวของฉันไว้ แล้วจับแขนของฉันไขว้หลัง ใช้เชือกมัดเอาไว้
ฉันหันขวับไปยังคนที่มาจับตัวฉัน
จินฝาน ? นี่ขบวนขององค์รัชทายาท ทำไมจินฝานถึงมาอยู่ที่นี่
จินฝานมองฉันด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม จับยกคอเสื้อของฉันขึ้น แล้วโยนฉันเข้าไปในรถม้าคันนึงที่อยู่ในขบวน
“ตุบ” เสียงฉันกระแทกพื้นรถม้า
มันเจ็บนะโว้ย ! องครักษ์บ้าบอนี่ ดีแต่ใช้กำลัง
“อูย ก้นระบม” ฉันส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
ฉันเงยหน้าขึ้นมา กลับมีดาบมาจ่อที่คอซะแล้ว T^T นี่มันหนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ แง ๆ
ฉันกลืนน้ำลายหนืด ๆ ลงคอดึงเอื้อก ค่อย ๆ ช้อนตาขึ้นมองยังบุคคลที่เอาดาบมาจ่อคอ คงหนีไม่พ้นจื่อรุ่ยเป็นแน่
นั่นไง ใช่เขาจริง ๆ ด้วย
“องค์ชายสาม ทะ ท่านเอามีดออกจากคอของข้าก่อน” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล โดนมัดมือคงป้องกันอะไรไม่ได้ ตอนนี้อยู่ในร่างบุรุษ อย่ายั่วโทสะองค์ชายสามโดยเด็ดขาด
“เหตุใดเจ้าจึงรู้จักนามของข้า”
ซวยแล้ว ! นี่เขาจะคิดว่าฉันเป็นคนร้ายยิ่งกว่าเดิมไหมนี่ คิดสิคิด
“เอ่อ คือว่าข้า เห็นภาพวาดของท่านที่วางขายอยู่ตลาดมุมนั้นน่ะ ภาพวาดนั้นคล้ายคลึงกับท่านยิ่งนัก แต่ตัวจริงของท่านรูปงามยิ่งนัก แถมท่านยังมีคุณธรรม ฐานันดรสูงส่ง ใครในใต้หล้าจะไม่รู้จักท่านเล่า” ฉันประจบประแจง ยังดีที่หาเหตุผลมารองรับได้
“เจ้ามีนามว่าอย่างไร” เขาจ้องมองฉันอย่างไม่ค่อยเชื่อซักเท่าไหร่ ฉันมีพิรุธงั้นหรือ
“ข้า ข้าเสี่ยวลิ่ว” อ๊ากก คิดชื่อไม่ทัน ขอให้เชื่อทีเถอะ
“ผู้ใดส่งเจ้ามา!!!” เสียงเข้มของจื่อรุ่ยเค้นคำตอบหนักขึ้น กดดาบมาที่ลำคอของฉันแรงขึ้น ดาบเย็นเฉียบสัมผัสมาที่ลำคอจนฉันต้องสะดุ้งโหยง
“อ๊ากกก ตาเฒ่าที่อยู่ข้างบนนั้นอ่ะ” ฉันพูดรัวอย่างไม่ทันคิด ซวยแล้ว
เปรี้ยง ! เสียงฟ้าผ่าอย่างดัง ในระยะใกล้ ๆ ทำให้ตัวของฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ท่านเทพข้าขอโทษ แง ๆ ฉี่จะราดแล้ว ไม่รู้จะตายเพราะดาบจ่อคอ หรือฟ้าผ่าตาย เนื่องจากพูดไม่คิดดี
“ตาเฒ่า?” จื่อรุ่ยทวนคำ
“เอ่อ คือว่าข้าหมายถึงท่านผู้เฒ่า ที่เมืองหางโจว ข้าเป็นหลานของท่าน เชี่ยวชาญเรื่องยารักษาผู้คน ข้าจึงออกเดินทางมาไกล เพื่อสั่งสมประสบการณ์ ข้ารักษาคนโดยไม่คิดเงินซักแดงเดียว” ฉันอธิบาย
“เจ้ามารักษาผู้คนเหตุใดวันนั้นเจ้าถึงอยู่ที่หอนางโลม คิดไม่ถึงว่าท่านหมอสนใจเรื่องสตรีมากกว่าชีวิตของผู้ไข้”
จื่อรุ่ยพูดอย่างเคลือบแคลง แสดงถึงความไม่เชื่อถือ
“ข้ามาที่เมืองต้าโจวเพียงครั้งแรก พบกับสหายผู้หนึ่ง แนะนำข้ามาที่หอนางโลม ข้าไม่ได้ใส่ใจสตรีนางใด จึงได้วิ่งหนีมาที่ห้องของท่าน ท่านเห็นมิใช่หรือว่าข้ากำลังหนีสตรี”
จื่อรุ่ยฉุกคิด แล้วลดดาบลงไปนั่งอยู่ที่เดิม แต่จับฉันมัดไว้อย่างนี้ ทำไมถึงไม่ปล่อยฉันออกไปล่ะ
ฉันมองไปยังใบหน้าของจื่อรุ่ย มองไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จะเชื่อฉันไหมนะ โชคดีที่ฉันแต่งได้เป็นเรื่องเป็นราว นิยายหลายเรื่องได้เอามาใช้ในชีวิตจริงแล้ว