ตอนที่ 18 เนื้อหาที่ไม่ได้เขียนลงในนิยาย

1714 คำ
ตอนที่ 18 เนื้อหาที่ไม่ได้เขียนลงในนิยาย ซู่จิน ? นางมาทำไมงั้นรึ “ให้นางเข้ามา” จื่อรุ่ยเอ่ยปากพูด เพียงชั่วพริบตา ภายในตำหนักก็ปรากฏร่างหญิงสาว รูปร่าง บอบบาง ใบหน้ารูปไข่ ผิวเนียนละเอียด รวม ๆ แล้วนางน่ารัก น่าทะนุถนอมมากทีเดียว นางส่งยิ้มหวานให้จื่อรุ่ย แล้วทำความเคารพจื่อรุ่ย จากนั้นซู่จินก็หันมามองฉัน นางยิ้มอย่างมีเลิศนัย พร้อมกับทำท่าเคารพฉัน “พระชายา ซู่จินขอถวายพระพรเจ้าค่ะ ซู่จินได้ทราบว่า พระชายาถูกทำโทษจากตระกูลจนได้รับบาดเจ็บ ซู่จินจึงมาเยี่ยมพระชายา พร้อมกับยาชั้นดี จากเมืองหางโจว เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่รวบรวมยาชั้นดีไว้หลายอย่างเจ้าค่ะ เชาเย่เจ้ามารับไปสิ” ซู่จินพูดแล้วเรียกให้เชาเย่ไปรับยาจากมือสาวใช้ของนาง เมื่อเชาเย่รับยาจากมือสาวใช้ของนาง ซู่จินก็ได้พูดต่อ “เดิมทียานี้ท่านพี่จื่อรุ่ยมอบให้ข้า กลัวว่าข้าจะเป็นอะไรไป แต่ด้วยท่านพี่จื่อรุ่ย ประคบประหงมข้าดีถึงเพียงนี้ เกรงว่ายานี้ข้าจะไม่ได้ใช้เสียแล้ว ฉะนั้นข้าจึงมอบยานี้ให้พระชายา ซู่จิ่นหวังว่าพระชายาจะหายดีในเร็ววัน บาดแผลจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้นะเจ้าคะ ” เชาเย่จีบปากจีบคอพูด มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่านางไม่ได้มาเยี่ยมฉันแต่จะมาจับตา มองจื่อรุ่ยมากกว่า กลัวว่าเขาจะพิศวาสฉันล่ะสิ เล่นละครเก่ง ฉันก็เล่นเก่งเช่นกัน ^^ “ขอบใจเจ้ามากน้องหญิง ลำบากเจ้าแล้ว ร่างกายอ่อนแอถึงเพียงนี้ ลำบากมาเยี่ยมข้า หากว่าเจ้าเป็นอะไรไป ไม่สบายขึ้นมา เหตุนี้จื่อรุ่ยไม่โทษว่าเป็นความผิดของข้าหรอกหรือ หากเจ้าป่วย แน่นอนว่าจื่อรุ่ยต้องดูแลเจ้าทั้งวันทั้งคืน ข้าแอบน้อยใจนะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย แล้วพูดต่อ “จื่อรุ่ยเหตุใดท่านไม่มาหาข้าเลย เหตุใดท่านจึงสั่งไม่ให้ข้าไปที่ตำหนักของท่านกัน ท่านจะอนุญาตให้ข้าไปตำหนักของท่านได้บ้างหรือไม่ หากท่านไม่ให้ข้าไป ท่านยอมได้หรือ ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถึงหู ฝ่าบาท” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน หุหุ หากเอ่ยถึงฝ่าบาท แน่นอนจากที่ฉันรู้จัก เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ไปตำหนักของจื่อรุ่ย ฉันจะได้สืบหากลีบบุปผาด้วย อีกทั้งหลอกล่อให้เขามารักฉัน แค่นี้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว จื่อรุ่ยมีสีหน้าหนักใจ ละล่ำละลั่กเล็กน้อย คงนึกไม่ถึงว่าฉันจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา ส่วนสีหน้าของซู่จินนางตะลึงชั่วครู่ แล้วปรับสีหน้าเป็นยิ้มเช่นเดิม “ข้าอนุญาต” จื่อรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เยส ! ถึงจื่อรุ่ยจะเก่งวรยุทธ และการเมือง แต่เรื่องมารยาหญิงเขาจนตรอก ^^ ทันใดนั้นเอง สนมซู่จินนางก็ได้แกล้งเป็นลมล้มพับลง “พระสนม ท่านเป็นอย่างไรเจ้าคะ” สาวใช้ข้างกายซู่จิน สอบถามอาการของนางด้วยความร้อนใจ จื่อรุ่ยผู้ใสซื่อไม่รู้มารยาหญิงรีบพุ่งตัวเข้าไปดูนางทันที ขอแกล้งบ้างแล้วกัน ยุคโบราณ จะสู้นางร้ายยุคปัจจุบันได้ไหม “โอ้ย ข้าเจ็บแผล เชาเย่ มาดูข้าหน่อย ข้าเจ็บปานตายเช่นนี้ สามีข้าก็ไม่สนใจ เจ้าว่าฝ่าบาทจะว่าเช่นไร” ฉันบีบน้ำตากระซิก ๆ แกล้งถามเชาเย่ ซึ่งมันก็ได้ผล จื่อรุ่ยมาดูฉันทันที “จินฝานเจ้าพาซู่จินกลับตำหนักแทนข้าที” จื่อรุ่ยรับสั่ง จินฝานพยักหน้า แล้วแอบกระซิบกระซาบบางอย่างให้จื่อรุ่ยฟัง ซึ่งฉันเองก็ไม่ทราบว่าเขาคุยอะไรกัน มีเพียงจื่อรุ่ยที่พยักหน้าน้อย ๆ ให้จินฝาน “ทหาร!” หวังเย่เรียกทหารเสียงดังลั่น “ขอรับ” ทหาร 4 คนเมื่อครู่เดินเข้ามารับคำสั่ง “เจ้าพาพระชายากลับตำหนัก ประเดี๋ยวข้าตามไป” จื่อรุ่ยพูดเสียงลอดไรฟัน ขบกรามดังกรอด เหมือนจะไม่พอใจฉันซักเท่าไหร่ จินฝานพูดอะไรกับเขางั้นหรอ ? ฉันกลับมายังตำหนัก โดยมีจื่อรุ่ยตามมาติด ๆ ตอนแรกเหมือนจะไม่พอใจ จินฝานพูดอะไรกับเขา จื่อรุ่ยถึงกับยอมตามมาแต่โดยดี แต่ช่างเถอะ นี่เป็นผลดีกับฉัน ยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่ เขาอาจจะรักฉันเร็วมากขึ้นเท่านั้น แต่นี่ก็เป็นผลดีต่อฉัน ต้องลองเสี่ยงดู เสี่ยงไหม๊ ? ใครว่ามันไม่เสี่ยง แต่ใจมันแอบเถียงว่ายังไงก็ใช่เธอ ~ ฉันแอบยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อนึกถึงความสำเร็จในภายภาคหน้า แต่เขาหล่อขนาดนี้ จะอดใจหวั่นไหวได้ไหมนะ ‘ไม่ ๆ ๆ เดี๋ยวฉันเสร็จภารกิจต้องกลับที่ ๆ จากมาการจะมาตกหลุมรักใครซักคน เป็นไปไม่ได้ ท่านเทพก็บอกอยู่ว่าห้ามตกหลุมรัก มองเป็นอาหารตาก็พอ’ ฉันพูดในใจอย่างเงียบ ๆ แอบเหล่ตามองจื่อรุ่ยพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เจ้ามองข้า แล้วยิ้มเพราะเหตุใด” จื่อรุ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “สามีข้ารูปงามถึงเพียงนี้ ไม่ให้ข้ามองท่าน แล้วจะให้ข้ามองผู้ใด จินฝานงั้นรึ” แอบเต๊าะ จื่อรุ่ยหน่อยแล้วกัน ในเมื่อตามหากลีบดอกบัวไม่ได้ ชิงลงมือทำให้จื่อรุ่ยหวั่นไหวก่อน “นี่เจ้า!...” จื่อรุ่ยชะงัก ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ใช้นิ้วชี้ยกขึ้นมาแล้ว ถอนหายใจออกมา “พักนี้เจ้าได้ออกไปข้างนอกมาหรือไม่” “ออกไปเมื่อวานไงเจ้าคะ ข้ากลับบ้านของตระกูลน่ะ แล้วก็โดนแส้ฟาดมาที่หลัง 20 ที” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ออกแนวประชดประชันน้อย ๆ แล้วทำหน้ามุ่ย “เรื่องนั้นข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เพราะข้า...” “ลืม! ใช่หรือไม่” ฉันพูดตัดบทจื่อรุ่ย จื่อรุ่ยพยักหน้าให้ฉันแทนคำตอบ มันมีบุรุษเมืองไหน ลืมวันกลับบ้านของภรรยา -O- “ก่อนวันกลับบ้านเจ้าได้ไปที่ใดหรือไม่” จื่อรุ่ยถามฉันอีกรอบ “ข้าจะไปที่ใดได้ กฎในวังเข้มงวดถึงเพียงนี้ แม้แต่ขาของข้ายังไม่กล้าก้าวออกไป แม้แต่คืบเดียว ท่านรู้หรือไม่ ข้าอยู่แต่ในนี้ ราวกับเป็นนกน้อยในกรงทอง ท่านจะอนุญาตให้ข้าออกไปข้างนอกได้บ้างหรือไม่ หากข้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงได้จบชีวิตที่แม่น้ำอีกคราเป็นแน่” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ เศร้าสร้อย บีบน้ำตาด้วยความน่าสงสาร แน่นอนว่าแกล้งทำ จื่อรุ่ยถามคำถามนี้ถึงสองครั้ง ถามบ่อยแบบนี้ราวกับเป็นการสืบสวน สมองที่มีอยู่น้อยนิดของฉันยังรับรู้ได้เลยว่าเขาสงสัยฉัน จะให้รู้ไม่ได้ ไม่งั้นฉันโดนกักบริเวณแน่ ๆ ออกจากวังโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี กฎของที่นี่ฉันพอจะรู้มาบ้าง เพราะฉันแต่งนิยายแล้วสร้างกฎเอง แล้วดูผลลัพธ์ที่ได้ กรรมตามสนองชัด ๆ T^T แง ๆ ฉันพอจะเข้าใจหลินซานซานขึ้นมาบ้างแล้ว “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าตกน้ำไป สติของเจ้าเลอะเลือน ความทรงจำหายไปบางช่วง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของข้าเสียหาย เจ้าจะทำสิ่งใด ขอให้เจ้าคิดไตร่ตรองให้มาก และคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย หากเจ้าจะออกไปต้องมารายงานข้าก่อนว่าเจ้าจะออกไปที่ใด เรื่องนี้ซีหยางได้มาขอข้าก่อนแล้ว” “แน่นอนว่าข้าจะไม่ให้ท่านเสียชื่อเสียงแม้แต่น้อย หากข้าจะออกไปที่ใดข้าจะแจ้งแก่ท่าน และข้าจะออกไปตอนที่พี่ซีหยางมารับข้าเท่านั้น เช่นนี้ท่านสบายใจหรือไม่” คำพูดของจื่อรุ่ยบางประโยคเหมือนจะเตือนฉันอยู่นัยๆ แน่นอนว่าฉันไม่ขอ ฉันจะปลอมตัวเป็นผู้ชายออกไป ทำไมต้องบอกเขาด้วยล่ะ หากบอกเขาไป แล้วส่งคนมาจับตาดูฉันแบบนี้การตามหากลีบบุปผาก็ จบเห่น่ะสิ “อืม ข้าจะมีเรื่องจะแจ้งให้เจ้าทราบ เรื่องที่เจ้าขอฝ่าบาทไปไม่นานมานี้ ก่อนที่เจ้าจะตกน้ำไป เจ้าขอฝ่าบาทไปพักอยู่ตำหนักร้างหลังวังใช่หรือไม่” ฉันเคยเขียนเรื่องแบบนี้ลงไปนิยายด้วยหรือ งงเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรฉันก็พยักหน้าไปก่อน ตอบรับว่าใช่ไปก่อนแล้วกัน หงึก ๆ ๆ <<< ฉันพยักหน้า “ฝ่าบาทรับสั่งมาว่า ไม่อนุญาต ตำหนักร้างแห่งนั้นจะให้เจ้าเข้าไปพักอาศัยได้ก็ต่อเมื่อเจ้าทำร้ายคนในตำหนัก หรือทะเลาะเบาะแว้งกับคนในตำหนักของข้าเท่านั้น ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นพระชายาในนามของข้า” ฉันพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน” “เดี๋ยวก่อนท่าน ท่านลืมคืนบางอย่างให้ข้า” “สิ่งใด?” จื่อรุ่ยทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก “หัวใจของข้า หัวใจของข้าฝากไว้กับท่าน ท่านคืนมาให้ข้าก่อน” ฉันพูดด้วยรอยยิ้ม ฉีกยิ้มกว้างให้จื่อรุ่ย จื่อรุ่ยไม่พูดอะไรซักคำ ปั้นหน้าตึงเป็นหุ่นใส่ฉัน แล้วเดินจากไป แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้คือ หลินซานซานอยากไปตำหนักร้างหลังวังทำไม ? เรื่องนี้ฉันไม่ได้เขียนลงไปในนิยาย มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ทำไมนางถึงอยากไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม