มิรินตัดบทอย่างเศร้าใจ สงสารคุณย่าที่ต้องเก็บเรื่องหนี้สินเอาไว้เป็นความลับ ท่านคงไม่อยากให้หล่อนไม่สบายใจ และตั้งใจเรียนอย่างเดียว ท่านช่างมีพระคุณกับหล่อนเหลือเกิน
“ฉันสัญญา...”
“เท่าที่ผมรู้ คุณพึ่งจบมอหก...”
สายตาคมกริบของฟีนิกซ์สำรวจเรือนร่างของสตรีตรงหน้าอีกครั้งอย่างพิจารณาละเอียดลออ
“แม้จะไม่น่าเชื่อนักก็ตาม คุณดูเป็นสาวกว่าเด็กอายุสิบแปดมากนัก”
“มันเรื่องของฉัน และก็หยุดมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว ฉันไม่ใช่สินค้านะ”
หญิงสาวหน้าร้อนจัดกับสายตาของฟินิกซ์ที่จ้องมองมา เขาทำให้หล่อนรู้สึกขัดเขินและอึดอัดเหลือเกิน
“ก็คุณเป็นสินค้าจริงๆ นี่ เป็นผู้หญิงที่จะมานอนกับผมบนเตียง ในฐานะเมียขัดดอก”
“บ้า... ฉันตกลงตอนไหนกัน ไม่มีทางหรอก”
“ก็ในจดหมายนั่นยังไงล่ะ บอกให้ผมรับคุณเป็นเมีย แทนการชำระหนี้สิน ซึ่งเท่าที่ผมประเมินราคาค่าตัวของคุณ แม้จะไม่เท่ากับหนี้สินที่ติดค้างอยู่ แต่ถ้าใช้บริการสักปีสองปีก็น่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ไม่ยาก”
เขาหยุดพูดไปเล็กน้อย และมองจ้องหล่อนอีก คราวนี้จ้องเขม็งมาที่หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัวของหล่อนเนิ่นนานบอกให้รู้ว่ามีนัยสำคัญ
“ไอ้บ้า มามองหน้าอกฉันทำไม”
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าอกของตัวเองด้วยความอับอาย และกรุ่นโกรธ ฟีนิกซ์แค่นยิ้มหยัน
“ก็เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่มีราคาของคุณ”
คนถูกดูหมิ่นปรี่ถลาเข้ามาจะตบหน้าคนปากดี แต่คงเพราะความรีบร้อน หล่อนจึงเสียหลักลื่นล้มไปข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าเซไปชนร่างสูงใหญ่ราวกับตึกของฟีนิกซ์เข้าพอดี
“ว๊ายยยย...”
เขายืนนิ่งตัวตรง ในขณะที่หล่อนเป็นฝ่ายกอดเขาเสียเอง แถมหน้าอกอวบใหญ่ของตัวเองก็แนบชิดกับแผงอกกว้างของพ่อเจ้าประคุณอย่างบังเอิ๊ญบังเอิญจนไม่น่าให้อภัย
มิรินหน้าร้อนจัด แก้มแดงก่ำ และรีบถอยหลังหนีทันทีเมื่อทรงตัวได้ ในขณะที่ฟีนิกซ์ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากจ้องมองนิ่ง
“ฉัน... ไม่ได้ตั้งใจจะกอดคุณนะ”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพราะผมยินดีให้ผู้หญิงกอดเสมอ”
คนฟังกัดปากแน่นอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกสติให้กับตัวเอง
“เอาเป็นว่า... ฉันเป็นหนี้คุณอยู่สามล้านบาท”
“อืมม์”
“และฉันก็ขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนๆ ละสามพันบาท”
ฟีนิกซ์หัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“แม่คู๊ณ... ตอนนี้ผมสามสิบห้าแล้วนะครับ น่าจะอีกสักสามสิบสี่สิบปีก็คงจะตายไปแล้ว หรือถ้าอายุยืนหน่อยก็คงสักห้าสิบปี แต่ไอ้ข้อเสนอผ่อนชำระหนนี้คืนของคุณน่ะ แปดสิบกว่าปีเลยนะว่าคุณจะชำระให้ผมครบเต็มจำนวน นี่คิดจะให้ผมเอาเงินที่คุณใช้หนี้มาไปใช้บนสวรรค์หรือครับ”
มิรินหน้าเศร้า พลางพูดเสียงน่าสงสาร
“ก็ฉันยังไม่มีงานทำนี่ แค่เดินละสามพันก็ไม่รู้จะหามาให้ได้ทุกเดือนหรือเปล่า”
“งั้นก็ทำตามในสิ่งที่จดหมายบอก นอนกับผม เป็นเมียขัดดอกของผม แล้วก็ถือว่าหนี้สิ้นที่ค้างกันเอาไว้จบสิ้นลง”
“ไม่เอานะ”
มิรินส่ายหน้าดิก
“ฉันไม่นอนกับคุณหรอก ตัวคุณใหญ่อย่างกับยักษ์ ถ้า... ถ้ามีอะไรกันฉันคง... คง...”
หญิงสาวไม่อยากจะคิดเลย แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ แก้มนวลจึงแดงก่ำขึ้นมาจนไม่ต่างจากผลตำลึงสุก
“นี่คิดลึกซึ้งถึงขั้นนั้นแล้วหรือนี่”
ฟีนิกซ์ขำกับคำพูดของคู่สนทนาหนักมาก
“ผมอาจจะไม่ได้ใหญ่ทั้งตัวแบบที่คุณคิดก็ได้”
“ไม่ต้องมาพูดเลย ฉันจะ...”
มิรินยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเบรกจนหัวแทบทิ่มเสียก่อน
“ก็ตามใจครับ งั้นผมให้เวลาสามวัน ค*****นสามล้านมาให้ครบ ไม่อย่างนั้นผมจะยึดบ้านของคุณ”
“เฮ้ย... ไม่ได้นะ คุณทำแบบนั้นไม่ได้”
มิรินเข่าแทบทรุด
“แต่ตามข้อกฎหมายแล้ว ผมทำได้นี่ ทำได้อย่างถูกต้องเสียด้วย จริงไหมครับ คุณมิริน อนันตกาล”
เสียงหัวเราะ รอยยิ้มดูแคลนของฟีนิกซ์ทำให้มิรินเต็มไปด้วยความอัปยศอดสูยิ่งนัก
นี่หล่อนต้องเป็น... เมียขัดดอกของเขาจริงๆ เหรอ
“แต่คุณก็ควรจะ... ให้โอกาสฉันบ้าง”
“ไม่ล่ะครับ”
“คนใจดำ”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน เอาเป็นว่าผมจะไปกินมื้อค่ำแล้ว ส่วนคุณก็คิดให้ดีๆ ก็แล้วกันว่าจะเอายังไง จะทำตามคำสั่งเสียในจดหมายที่ให้ผมอ่าน หรือว่าจะกลับไปกรุงเทพฯ แล้วหาเงินมาใช้ผมสามล้านบาท เลือกเอาที่สบายใจครับ”
ฟีนิกซ์ระบายยิ้มขณะเดินออกไปยังหน้าประตูห้องรับแขก แต่ไม่ช้าก็หยุดเดินพร้อมกับหมุนตัวกลับมามองคนไม่มีทางเลือกอย่างมิรินด้วยสายตามืดลึกอ่านความรู้สึกไม่ออก
“ผมจะกลับมาฟังคำตอบหลังจากมื้อค่ำแสนอร่อยผ่านไปก็แล้วกัน”
แล้วพ่อเจ้าประคุณที่หน้าตาหล่อสุดในสามโลกก็ก้าวเดินออกไป ทิ้งให้หล่อนยืนน้ำตาแตกอยู่ภายในห้องรับแขกเพียงลำพังอย่างหมดสิ้นหนทาง
“คุณย่า... หนูจะทำยังไงดีคะ หนูควรจะทำยังไงดี...”
‘ทำตามที่ย่าบอกสิ แล้วหนูจะมีความสุข’
เหมือนเสียงแหบแห้งของคุณย่าเพ็ญศรีดังอยู่ข้างหู แต่พอหันไปมองกลับมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น
มิรินทรุดกายลงนั่งกับพื้นไม้อย่างจนตรอก สมองสับสนมึนงง และแน่นอนว่าเวลาที่เหลืออยู่คือเส้นตายที่หล่อนต้องเลือกว่าจะทำยังไงกับชีวิตที่เหลืออยู่ดี