ครืด... ครืด..
“อื้อ! ว่าไงแตงโมโทรมาแต่เช้าเลย”
(เช้าอะไรของแกมิว นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้วนะ)
“เหรอ ว่าแต่แกมีอะไรหรือเปล่า”
(วันนี้ฉันมีนัดกับผู้ที่คุย ๆ กันอยู่น่ะแกไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ)
“กำลังจะบอกว่านัดเจอผู้ชายว่างั้น?”
(ใช่! ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ ๆ ๆ เดี๋ยวฉันไปรับอีกครึ่งชั่วโมง)
“แกจะบ้าเหรอแค่เจอกันในเกมส์ คุยกันเฉพาะในเกมส์ก็พอแล้วมั้งอีกอย่างนะ หน้าตาเป็นไง นิสัยใจคอเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
(เพราะแบบนี้ไงฉันถึงต้องมีแกไปด้วย)
“เออ ๆ แต่ถ้าไม่โอเคแกต้องเลิกคุยเลยนะ”
(จ้าแม่!! อาบน้ำแต่งตัวสวย ๆ เดี๋ยวจะไปรับ)
“ตามนั้น”
สองชั่วโมงต่อมา
“แตงโม แกแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่” ฉันเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ถูกมันลากมาที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ไม่ได้อะไรนะคะจะไม่แปลกใจเลยหากว่าที่นี่มันไม่ใช่ที่เดียวกับที่พี่เดย์พาฉันมาเมื่อคืนนี้
“แน่ใจสิ ฉันศึกษาเส้นทางมาอย่างดีนะพี่เขาบอกว่ามันอยู่ตรงนี้แหละ”
“เขาทำงานอะไร อายุเท่าไหร่”
“เห็นว่าหุ้นร้านกันกับเพื่อน โตกว่าฉันสี่หรือห้าปีมั้ง”
“ไม่ใช่ว่าเขาหลอกแกนะ”
“ไม่หรอกน่ะ เดี๋ยวฉันลองโทรหาเขาก่อนดีกว่าว่ามาถึงแล้ว”
ระหว่างที่แตงโมคุยโทรศัพท์ ฉันส่องสายตาไปรอบบริเวณก่อนจะเห็นรถกระบะของพี่เดย์จอดอยู่ เขานอนที่ร้านงั้นเหรอไม่สิ บางทีอาจเข้าร้านตั้งแต่เช้าก็ได้มั้ง
“แกพี่เขาบอกเดี๋ยวออกมารับ แกออกไปยืนนอกรถทีสิฉันเขินน่ะ”
“อะไรวะ ตกลงใครมาหาใครกันแน่เนี่ย”
“นะ ๆ ฉันไม่กล้าฉันเขิน” มันว่าพลางทำท่าทีเขินอาย ถึงกับถอนหายใจเลยค่ะถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนซี้กันนะฝันไปเถอะ
ลงจากรถไม่ทันไรก็เห็นพี่กราฟเดินออกมาจากร้าน หล่อมาแต่ไกลเชียว หรือจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเขาหล่อกันทั้งแก๊งมากกว่า
“อ้าวน้องมิว ใช่ไหม”
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ มาหาไอ้เดย์เหรอมันกำลังเปลี่ยนแม็กให้ลูกค้าอยู่เข้าไปสิ”
“ไม่ใช่ค่ะคือมิวมากับเพื่อน แต่เดี๋ยวนะ! เป็นพี่เองเหรอที่...” มีอยู่คนเดียวที่เดินออกมา ฉันมั่นใจว่าใช่แน่นอน โลกจะกลมขนาดนี้เชียวเหรอ
“ครับ? เพื่อนที่ว่าใช่แตงโมหรือเปล่า” พี่กราฟว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะมองเลยเข้าไปในรถ
“ใช่ค่ะ ไม่ยักรู้ว่าพี่ติดเกมส์กับเขาด้วย”
“ก็มีบ้าง ทำแต่รถทั้งวันไม่ไหวมั้ง”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว” เสียงใครอีกคนดังขึ้นจากด้านหลัง “ถ้าไม่ไหวก็ลาออกไป”
“มึงนี่ขยันไล่กูออกจังนะ”
“...” พี่เดย์ไม่ตอบอะไรแต่หันมามองฉันแทน
“มึงอย่ามองแบบนี้กูนัดสาวไว้แต่ไม่ใช่น้องมิวว่าที่เมียของมึงหรอก” พี่กราฟรีบอธิบายพลางถอยห่างจากฉันไปเล็กน้อย
“กูยังไม่ได้ว่าอะไรมึงสักหน่อย” เขาหันไปตอบเพื่อนก่อนจะหันมาพูดกับฉัน “แล้วมาทำอะไรที่นี่หลงเสน่ห์กูหรือไง”
“หลงตัวเองใครเขาจะหลงมนตร์ดำของพี่ ก็เพื่อนพี่นั่นแหละนัดเพื่อนหนูไว้”
“แล้วไหนเพื่อนมึง”
“อยู่ในรถค่ะ”
“ปล่อยมันคุยกันไปเหอะ ตามมานี่”
“ไปไหนคะ”
“ช่วยทำงานหน่อย”
“อะไรของพี่เนี่ย” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกลากเข้ามาในร้านแล้วค่ะ มีลูกค้าหลายคนเหมือนกัน
“นั่งตรงนี้คอยคิดเงินให้หน่อย บิลอยู่ตรงนั้น” ออกคำสั่งโดยไม่ถามฉันสักคำว่าทำเป็นไหม “อีกหน่อยแต่งงานไปมึงก็ต้องมาทำอยู่ดีนั่นแหละ เลิกด่ากูในใจได้แล้ว”
“รู้อีก”
“อย่ามัวเล่นอยู่ให้ไว”
“ค่ะ! อย่าลืมจ่ายค่าแรงด้วยนะ”
“ครับคุณผู้หญิง”
“แฟนเหรอพี่” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นก่อนจะมองหน้าฉันกับพี่เดย์สลับกันไปมา
“เออมั้ง”
“มีมั้งด้วย”
“เรื่องของกูช่างเถอะไม่ต้องอยากรู้หรอก” พี่เดย์ตอบปัด ๆ ไปก่อนจะหันไปตั้งใจทำรถต่อ เวลางานเขานิ่งมากเลยนะคะ ดูมีความชำนาญดูเป็นคนเก่งน่ะพูดง่าย ๆ
“เพื่อนพี่หายไปไหนกันหมด” ฉันถามขึ้นเมื่อไม่เห็นคนอื่น
“วันนี้เวรกูกับไอ้กราฟ”
“เวรอะไร ต้องช่วยกัน...”
“พี่เดย์ขาข้าวหอม ๆ กับขนมมาส่งแล้วค่ะ” เสียงแหลมแสบแก้วหูของใครคนหนึ่งแทรกขึ้นก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ในมือเธอมีถุงอาหารมาหลายอย่างเลยค่ะ
“จ่ายเงินด้วยเพลงกระเป๋าตังค์อยู่ในลิ้นชัก”
“ทั้งหมดเท่าไหร่คะ”
“สี่ร้อยบาทถ้วนค่ะ” จ่ายเงินเสร็จเธอก็ยังไม่ไปค่ะ จ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น “เป็นอะไรกับใครในที่นี้เหรอถึงมานั่งที่เค้าน์เตอร์”
“เป็น...” ฉันกำลังจะตอบแต่ไม่ทันพี่เดย์ค่ะ
“เป็นเมียกูเองแหละ จะอยากรู้อีกนานไหม”
“เมีย?”
“กูว่าตัวเองพูดภาษาคนแล้วนะ”
“งั้นเหรอคะ” เหยียดยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครนะ? เป็นคำถามที่ผุดเข้ามาในหัวฉันโดยอัตโนมัติแต่ไม่ได้เอ่ยปากถามพี่เดย์หรอกเรื่องของเขาสิ
“ไอ้เดย์เมื่อกี้กูเห็น...”
“เออ”
“...” พี่กราฟจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไปอีก
“มิวทำไมแกไม่บอกฉันว่าที่นี่เป็นของสามีแกน่ะ”
“สามีอะไรวะ หาผัวให้ได้ก่อนเหอะ”
“ฮ่า ๆ”
“ช่วยกรุณาทำงานก่อนคุณผู้หญิง บิลจะกองท่วมหัวมึงอยู่แล้ว”
“ช่างสิ ไม่ใช่หน้าที่หนูสักหน่อย”
“ห้าพัน”
“อะไร?”
“ถ้ามึงทำได้ทั้งหมดนั่นกูให้ห้าพัน”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
“ทีงี้ไวขึ้นมาเชียว”
“เงินไม่มาไม่มีแรงทำ”
“แล้วแต่มึงเหอะ วันนี้ไม่ว่างเถียงด้วยงานกูเยอะ”
เลิกสนใจเขาก่อนจะหันมามองบิลกองมหึมาตรงหน้า วันนี้จะเสร็จหรือเปล่ายังไม่รู้เลยทำปากดีห้าวไปอย่างนั้นแหละ
วันทั้งวันค่ะที่ขลุกอยู่ตรงนี้โชคดีที่แตงโมเพื่อนรักของฉันเป็นลูกมือให้ แต่ที่หน้าแปลกคือพี่เดย์เงียบมากเขาไม่สุงสิงกับใครเลย
“พี่ขออนุญาตพาเพื่อนน้องมิวไปกินข้าวนะ” พี่กราฟเอ่ย
“ห้ามทำอะไรเพื่อนมิวนะคะ”
“บอกเพื่อนมึงอย่าทำอะไรเพื่อนกูดีกว่าถึงจะถูก”
“พี่เดย์! อย่าเอาความจริงมาพูดสิคะ”
“มิว!”
… : ฮ่า ๆ
“เสร็จตรงนี้แล้วกูไปก่อนนะ” พี่กราฟเขาหันไปบอกพี่เดย์
“เออ เดี๋ยวกูไปส่งเพลงเอง”
ที่ยอมให้แตงโมไปกับพี่กราฟไม่ใช่ว่าไม่ห่วงเพื่อนนะคะ แต่โต ๆ กันแล้วจะห้ามไปซะทุกเรื่องมันเป็นไปไม่ได้หรอก คนเราต้องเรียนรู้บางอย่างด้วยตัวเองบ้าง อีกอย่างพี่กราฟก็นิสัยดีอยู่ดูจากบุคลิกท่าทางการพูดคุยของเขานะคะ แต่เรื่องอื่นไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไม่โอเคจริง ๆ เดี๋ยวแตงโมก็ถอยเอง
“รีบทำสิเหม่อคิดถึงผู้ชายอยู่ได้”
“เสร็จแล้วบ้างเหอะ ไหนล่ะเงิน” พลางแบมือกับคนตรงหน้า
“แปะโป้งไว้ก่อน”
“โวะ! ว่าแล้วเชียวรู้งี้อยู่บ้านเขียนนิยายซะก็ดี”
“บ่นเป็นแม่กูเลยไง”
“ก็พี่บอกจะให้เองนี่”
“แล้วข้างหน้ามึงไม่ใช่เงินเหรอ กูวางไว้ให้นานแล้วปะเป็นงูฉกตายแล้วมั้ง”
“คิกคิก จริงด้วย” หัวเราะชอบใจก่อนจะเก็บเงินใส่กระเป๋า
“โทรหาทำไมไม่รับ”
“คะ?”
“มึงเปิดโทรศัพท์ดูว่ากูโทรไปกี่สาย” ได้ยินดังนั้นฉันจึงรีบหยิบมือถือขึ้นมาดู พี่เดย์โทรมาสิบสายค่ะ
“ขอโทษ หนูปิดเสียงไว้อะแต่ปกติมันไม่ค่อยมีใครโทรมาอยู่แล้ว”
“กูนี่แหละจะโทรหา”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันรีบเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเขา
“ถามแบบนี้แสดงว่ามึงยังไม่รู้สินะ”
“อะไรเหรอคะ”
“อาทิตย์หน้าเราต้องแต่งงานกันแล้ว”
“คะ? ทำไมมันเร็วแบบนั้นล่ะคะ หนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใหญ่เขาจะเร่งรัดกันไปทำไม”
“โอ๊ยเครียดอยู่ดี ๆ ก็มีผัวเฉยเลย”
“พูดอย่างกับกูอยากมีเมียอย่างนั้นแหละ”
“อ้าว เมื่อเช้าพี่ยังแนะนำอยู่เลยว่าหนูเป็นเมีย”
“กูประชด!! มันจะได้เลิกยุ่งกับกูสักทีไง”
“ใครเหรอคะ”
“ไม่ต้องรู้หรอก เอาเวลาไปเขียนนิยายเถอะมึงอะ”
“จริงด้วย วันนี้ยังไม่ได้สักตอนเลยเพราะพี่คนเดียว”
“อ้าว ความผิดกูสินะ”