“มันต้องจริงจังขนาดนั้นเลยหรือไง” เห็นคิ้วผูกโบของยัยบ้องแบ้วแล้วอดถามไม่ได้ครับ
“มันต้องใช้สมาธินะคะ”
“ใช้แค่ความเพ้อฝันของมึงก็น่าจะพอแล้วมั้ง”
“งั้นพี่ก็ใช้แค่ความชอบแต่งรถสิคะ ไม่ต้องใช้สมองคิดหรอกว่าทำออกมาแล้วจะสวยหรือเปล่า”
“ย้อนกู?”
“เปล่าย้อนนะ หนูแค่เปรียบเทียบให้ฟังเท่านั้นเอง”
“ไม่ต่างกันมั้ง”
“ก็แล้วแต่จะคิด”
เถียงเก่งมากไม่รู้แม่สุดที่รักของผมไปเอาความมั่นใจผิด ๆ มาจากไหนว่าเรียบร้อยน่ารัก
“จะจ้องอีกนานไหมคะ”
“ไม่ได้หรือไง”
“...”
“ถามจริงมึงคิดออกเหรอ”
“แล้วแต่นะ บางวันเขียนไม่ออกเลยก็มี”
“แล้วทำไง”
“ก็ไม่เขียนไง ฟังเพลง ดูนั่นดูนี่เดี๋ยวพล็อตมันจะลอยเข้าหัวมาเอง”
“เก่งเนอะนั่งเขียนอยู่ได้เป็นวัน ๆ เห็นตัวอักษรแล้วตาลาย”
“หนูหูฝาดแน่ ๆ พี่กำลังชมใช่ไหมคะ”
“เออ” ชมจริง ๆ ครับไม่ได้ประชด การคิดที่จะทำอะไรสักอย่างมันไม่ง่ายเลยนะ ถ้าให้ผมมานั่งคิดนั่งเขียนอะไรแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอกปวดสมองตายพอดี
“พี่เดย์”
“ว่าไง”
“หิว”
“เสร็จยังล่ะ กูรอมึงอยู่เนี่ย”
“ขอห้านาที”
“นาน! สองวิก็พอ”
“หายใจเข้าก็หมดเวลาแล้วปะ”
“ก็หายใจออกดิ”
“พี่ก็กวนประสาทเหมือนกันนะเนี่ย”
“เดี๋ยวเถียงไม่ทันมึงไง รีบ ๆ เหอะเดี๋ยวไปปิดร้านก่อน”
“ค่ะ”
เก็บอุปกรณ์ล้างมือทำอะไรเสร็จปิดร้าน เดินออกมายัยบ้องแบ้วก็รออยู่ที่รถก่อนแล้ว
“ปกติพี่นอนที่ร้านคนเดียวเหรอคะ”
“เปล่าหรอก ปกติก็กลับไปนอนที่บ้านนั่นแหละ ยกเว้นวันไหนงานเยอะลูกค้ารีบถึงจะนอนร้าน”
“อ๋อ แล้วพวกพี่ ๆ ล่ะคะ”
“เหมือนกัน บ้านบ้างร้านบ้างจริง ๆ ร้านนี้เป็นของกูแหละ แต่พวกมันก็มีส่วนร่วมกันด้วยเลยตกลงร่วมหุ้นลงทุนแบ่งรายได้ด้วยกันไง”
“อ๋อ...”
“แล้วมึงล่ะมีเพื่อนสนิทกี่คน”
“ก็แตงโมไง”
“คนเดียว?”
“คนเดียวก็พอแล้วอย่ามีเยอะเลย”
“แปลกคน”
“แปลกยังไงก็ไม่อยากคบคนอื่น”
“คนอื่นไม่คบมึงมากกว่า”
“ใช่! พี่รู้ได้ไง”
“กวนตีนละ”
“คิกคิก”
ผมเลือกร้านอาหารตามสั่งริมทางซึ่งร้านนี้เป็นเจ้าประจำของผมเอง
“อยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้ที่มีพริกเยอะ ๆ”
“ประชดหรือว่ายังไง”
“เปล่านะคะ หนูพูดจริงหนูชอบกินเผ็ด”
“แดกไปได้ยังไง” บ่นพึมพำคนเดียวครับก่อนจะเดินไปสั่งอาหาร “ป้าครับคะน้าหมูกรอบเผ็ด ๆ สองจาน”
“เอาเผ็ดเลยเหรอวันนี้”
“ครับ” จริง ๆ ผมไม่ค่อยกินอะไรรสจัดหรอกนะแต่อยากลองกินตามยัยบ้องแบ้วดูบ้าง กินแต่ของจืดชืดก็เบื่อเหมือนกัน
“พี่เดย์...”
“อะไรอีก”
“คือว่า...ปวดฉี่ พาไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิคะ”
“ภาระฉิบหาย”
“นะ ๆ ตรงนั้นมันมืดนี่” เธอว่าพลางเบือนหน้าไปยันห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลมากนัก มันก็มืดจริงนั่นแหละ
“กลัวผีขึ้นสมองเลยมั้ง”
“เปล่าสักหน่อยกลัวความมืดต่างหากล่ะ”
“กูรอตรงนี้นะ”
“ห้ามแกล้งนะคะ”
“อืม” มองผมแวบหนึ่งก่อนจะเข้าห้องน้ำไป
“พี่เดย์”
“อะไรอีก”
“เปล่าค่ะนึกว่าพี่ไปแล้ว”
“ให้กูเข้าไปด้วยเลยไหมล่ะ”
“จะบ้าเหรอ”
“เร็ว ๆ เหอะยุงกัดกูจะตายแล้วเนี่ย”
“รู้แล้ว” เป็นเอามากครับ ไม่นานเธอก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ดูท่าทางแล้วคงกลัวจริง ๆ
“บางทีมึงก็ขี้กลัวไปนะ”
“ในความมืดมันไม่เห็นอะไรเลยนี่คะ”
“เรื่องของมึงเหอะ ไปกินข้าวกัน” ตอบแบบขอไปที
“พี่ก็ชอบรสจัดเหมือนกันเหรอคะ” มาถึงโต๊ะข้าวก็มาเสิร์ฟพอดี
“ไม่หรอก แค่อยากลองกินดู”
“แล้วแต่พี่เถอะ เอาที่สบายใจ”
เลิกสนใจคนตรงหน้าก่อนจะหันมาตั้งใจกินข้าว มันก็แปลกนะครับ นานมากแล้วที่ผมไม่ได้กินข้าวกับผู้หญิงสองต่อสองแบบนี้
“เป็นอะไร มองหน้าหนูทำไม”
“เปล่า”
“โกหกตกนรกนะ”
“กูจะพามึงไปด้วย”
“เราเจอกันแค่ชาตินี้ก็พออย่าสรรหาไปชาติหน้าเลยค่ะ”
“คำพูดคำจานะ”
“ล้อเล่นเอง”
“แต่คิดจริงใช่ไหม”
“อือ”
“เพลง!”
“ฮ่า ๆ กินข้าวค่ะกินข้าว” หัวเราะชอบใจเชียว
“พรุ่งนี้ไปลองชุดนะ”
“ไม่ได้!! พรุ่งนี้หนูต้องปิดนิยายเรื่องหนึ่งไม่ว่างค่ะ”
“งั้นก็วันถัดไป”
“โอเคตามนั้น”
หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกจนกระทั่งมื้อนี้จบลง
“วันนี้พี่มองหนูบ่อยไปนะ ตกหลุมรักหนูหรือไง”
“เปล่า กูแค่รู้สึกแปลก ๆ”
“แปลกยังไง หนูวุ่นวายกับพี่มากไปหรือเปล่า”
“เปล่าช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
“หนูคงไม่ใช่ตัวแทนของใครหรอกใช่ไหม”
“พูดอะไรของมึง คนเรามันแทนกันได้ด้วยเหรอ”
“แทนไม่ได้แต่แก้เหงาได้”
“แต่ไม่ใช่มึง”
“...”
ผมไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้เอ่ยคำถามนั้นออกมา ซึ่งผมก็ตอบไปตามความจริงทคนเรามันแทนกันได้ด้วยเหรอ มันไม่มีหรอกนะ
ตอนแรกผมคิดว่าเราสองคนคงใช้ชีวิตหลังแต่งงานเหมือนพี่น้องได้ แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ไม่ใช่ว่าหลงเสน่ห์หรือตกหลุมรักยัยบ้องแบ้วหรอกนะ แค่มันรู้สึกแปลก ๆ เท่านั้นเองหรือเป็นเพราะผมไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนนานเกินไปถึงได้เป็นแบบนี้ จะบอกว่าหวั่นไหวก็คงไม่ใช่
“พี่มีเพื่อนสนิทไหม”
“มี”
“เพื่อนสนิทนะคะ ไม่ใช่เพื่อนเฉย ๆ”
“ก็ไอ้สามสี่คนที่มึงเห็น”
“เชื่อว่าสนิทกันจริง ไม่เห็นพวกพี่เขาแปลกใจเลยเรื่องที่พี่ถูกบังคับแต่งงาน”
“ก่อนจะถึงมึงก็มีมาหลายคนแล้ว”
“แล้วทำไมพี่ไม่แต่งล่ะ”
“ก็กูไม่อยากแต่ง”
“อยากแต่งกับหนูว่างั้นเถอะ”
“หลงตัวเองให้มันน้อย ๆ หน่อย”
“ไม่ได้หรอกหนูต้องคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน ทั้งที่พี่ปฏิเสธได้ทำไมพี่ไม่ปฏิเสธเหมือนคนอื่นล่ะคะ ถ้าไม่อยากแต่งกับหนูแล้วมันเพราะอะไร”
“อาจเป็นเพราะกูดวงตกก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นหนูคงเป็นนางฟ้ามากู้วิกฤตชะตาชีวิตให้พี่สินะ”
“เฮ้อ”
“ฮ่า ๆ” ถึงกับส่ายหน้าให้ครับ เถียงไม่เคยชนะเลยจริง ๆ