หลายวันผ่านไป
“เป็นอะไรของมึงอยู่ไม่นิ่งเลย”
“ตื่นเต้น”
“ถ้าไม่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสีดำล่ะ”
“ก็ไม่เป็นไร สีอื่นก็สวยเหมือนกัน” ฉันเข้าใจว่ามันค่อนข้างแปลกอีกอย่างมันก็เป็นสีที่ไม่เหมาะกับงานมงคลสักเท่าไหร่ และแน่นอนว่าผู้ใหญ่ท่านไม่เห็นด้วย
“ขนาดไม่เป็นยังทำหน้าเหมือนหมาหงอยเลย” พี่เดย์พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“เชิญทางนี้ค่ะ” พี่พนักงานเดินนำมาจนถึงห้องห้องหนึ่ง
“สวย หนูอยากใส่ชุดนี้ถ่ายพรีเวดดิ้งได้ไหมคะ” ฉันหันไปถามพี่เดย์ ถึงวันงานฉันใส่ชุดอื่นก็ได้ไม่ซีเรียสหรอก แต่สักครั้งในชีวิตขอใส่แล้วเก็บภาพไว้ก็ได้ค่ะ
“ตามใจสิ”
“พี่พูดจริงนะ”
“อืม”
“เย้!”
สรุปได้ใส่แค่ตอนถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะเนื่องจากผู้เป็นแม่ของฉันไม่เห็นด้วยแถมยังค้านหัวชนฝาอีกต่างหาก แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ได้ใส่
“พี่เดย์หนูว่า...”
“...”
“พี่เดย์!! เหม่ออะไรคะ”
“เปล่า แต่งแบบนี้แล้วมึงดูแปลก ๆ”
“ไม่สวยเหรอคะ” ฉันว่าพลางหมุนตัวไปมาชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วสิ
“สวย” คราวนี้กลายเป็นฉันเองที่ทำตัวไม่ถูก “ซ่อนรูปเหมือนกันนะมึงอะ” ไม่พูดเปล่านะคะยังใช้สายตาหื่นกามแทะโลมฉันอีกด้วย
“อย่าจ้องนาน ระวังเลือดกำเดาไหลนะคะ”
“ไม่หรอก กูเช็ดแล้ว”
“พี่เดย์เลิกแกล้งได้แล้วค่ะ”
“ก็มึงมันน่าแกล้งนี่”
ต่อปากต่อคำกันพอเป็นพิธีค่ะ แต่จะว่าไปพี่เดย์ในชุดสูทสีดำเขาดูแบดมากเลย ตอนแรกก็เกร็งอยู่เหมือนกันเกิดมายังไม่เคยโอบกอดผู้ชายคนไหนเลยนอกจากพ่อ
“หน้าชิดกันอีกนิดค่ะ เจ้าบ่าวกอดเจ้าสาวด้วยค่ะ” ฉันกับพี่เดย์มองหน้ากันอัตโนมัติ แต่ก็ทำตามกันนะคะ
“สวยค่ะ เจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวได้ไหมคะแบบแค่แตะแก้มก็ได้”
“เอ่อ...”
“กูไม่ถือนะ ไม่เรียกเงินค่าผิดผีด้วย”
“หื้ม!” ค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าหาเขาจนริมฝีปากแตะบริเวณแก้ม
ตึกตัก ตึกตัก
“ใจพี่เต้นแรงเนอะ” ใช่ค่ะเสียงหัวใจเขาเต้นแรงมาก
“อย่าแซวดิกูก็เขินเป็นนะ”
“ดีค่ะสวย เจ้าบ่าวหอมบ้างค่ะ”
“ครับ”
“อ๊ะ!” พี่เดย์มันหอมจริง ๆ ค่ะ ฟอดใหญ่เลยแหละ
“แอบด่ากูในใจอีกแล้วนะ”
“พี่หอมแก้มหนู?”
“เออครับ มึงจะช็อกอีกนานไหมเสร็จแล้วไปเปลี่ยนชุดกลับบ้าน”
“ยังกลับไม่ได้ พี่ต้องถ่ายรูปให้หนูก่อน”
“เป็นร้อยรูปนั่นยังไม่พออีกเหรอ”
“ไม่พอค่ะ ใครเขาแต่งงานกันทุกวัน อีกอย่างนะหนูไม่ได้แต่งหน้าสวยให้พี่ชมแบบนี้ทุกวันด้วย” ฉันว่ายิ้ม ๆ พลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้คนตรงหน้า
“โทรศัพท์มึงไม่ดีนะเนี่ย ถ่ายออกมาแล้วใหญ่แค่หน้าอก”
“ไอ้พี่เดย์!!”
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ กูไม่แกล้งแล้ว” ดูเขาสิคะ กวนประสาทที่สุดเลย
“ทำหน้านิ่ง ๆ สักรูปสิมึงจะยิ้มเผื่อคนทั้งโลกไม่ได้นะ”
“พี่มาถ่ายด้วยกันสิ” ได้ยินแบบนั้นเขาก็ยอมถ่ายด้วยค่ะ ถ่ายรูปห้าวิเถียงกันครึ่งชั่วโมง กว่าจะได้แต่ละรูปคอแห้งกันเลยทีเดียว
“ไปไหนต่อหรือเปล่า”
“สี่โมงเย็นแล้วไม่ไปค่ะ ค่อยไปพรุ่งนี้”
“ไปไหน”
“ส่งหนังสือนิยายให้ลูกค้า”
“งั้นแวะเข้าร้านเลยนะ นัดลูกค้าไว้”
“ก็ได้ค่ะ”
“เขามาทำอะไรทุกวันเลยคะ” ฉันเอ่ยถามพี่เดย์เมื่อมาถึงร้านแล้วเจอผู้หญิงคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“มาสักกับกูนี่แหละ มึงอยู่เป็นเพื่อนหน่อยสิเดี๋ยวกูถูกปล้ำขึ้นมาจะทำยังไง”
“พี่น่าจะชอบนะคะ”
“เห็นแบบนี้กูก็เลือกเหมือนกันนะ” ดูปากเขาสิคะ
“เหมือนเขามีอะไรอยากคุยกับพี่หรือเปล่า” ผู้หญิงเหมือนกันฉันมองออกค่ะ
“ไม่มีอะไรหรอก” ได้ยินแบบนั้นฉันจึงเลิกสนใจเขาแล้วเดินเข้าไปในร้านทักทายทุกคนตามปกติ
“พี่ ๆ สวัสดีค่ะ”
“หายไปไหนกันมาทั้งวันเลย” พี่แม็กเอ่ย
“ถ่ายพรีเวดดิ้งน่ะค่ะ”
“โอ้โห...ไวเว่อร์ไม่เห็นบอกกันสักคำ”
“กูต้องรายงานพวกมึงทุกฝีก้าวเลยหรือไง” พี่เดย์ตอบ
“ดูมึงอารมณ์ดีเนอะ ไอ้คนที่ค้านหัวชนฝาว่าไม่แต่งมันหายไปไหนแล้ววะ” พี่แจ็คเอ่ยแซวขึ้นมาบ้าง
“ฮ่า ๆ กูกำลังจะพูดพอดีเลย”
“อะไรของพวกมึงกูก็ปกติเหอะ”
“ไม่ใช่อะ มึงดูไม่เหมือนคนไม่อยากแต่งเลยไอ้เดย์ แถมยังเต็มใจพาว่าที่เจ้าสาวติดสอยห้อยท้ายไปไหนมาไหนอีกต่างหาก ปกติของมึงมันต้องนิ่ง ๆ ผู้หญิงพูดห้าคำมึงด่าไปแล้วแปด แต่นี่อะไร” พี่กราฟเสริมขึเนมาบ้าง
“กูก็ด่ามันไปแล้วไม่รู้กี่คำ แต่มันก็เถียงกูทุกคำเหมือนกันพวกมึงก็เห็น แล้วอีกอย่างนะกูเลือกอะไรได้ไหมไม่แต่งกับเพลงแม่ก็หาคนอื่นให้กูอยู่ดีนั่นแหละ”
“งั้นพี่ก็ถอยไปสิคะ เดี๋ยวตัวจริงเขาก็กลับมาแล้ว” ประโยคน่ารักถูกเอ่ยออกมาจากปากของผู้หญิงคนนั้น และแน่นอนว่าเธอกำลังพูดกับฉันอยู่
“พี่เดย์ขา พี่มีตัวจริงด้วยเหรอคะ”
“มีมึงคนเดียวก็ปวดหัวจะตายห่าละ จะมีตัวจริงที่ไหนอีก”
“อ๋อ...” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปพูดกับใครอีกคน “ผู้ชายเขาบอกว่าไม่มีอะค่ะได้ยินชัดเนอะ” พลางฉีกยิ้มสวยให้คนตรงหน้าเล็กน้อย
“เหอะ! ไม่รู้อะไรหุบปากไปดีกว่าไว้ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่มาขอทิชชู่ที่เราได้นะคะกลัวเธอช็อกหาอะไรซับน้ำตาไม่ทัน”
“ซึ้งจังเลย ขอบคุณนะคะสำหรับน้ำใจ เธอเก็บไว้ใช้เองเถอะพอดีเราไม่ค่อยเสียน้ำตาให้ใครอะนะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ควรอยู่ให้ถูกที่ถูกทางดีกว่าไหม ถ้าเป็นขยะมันก็สมควรอยู่ในถังขยะ เธอว่าถูกไหม”
“นี่เธอ!”
“หยุด!” ไม่ทันที่เธอคนนั้นจะเถียงกลับพี่เดย์ก็ปรามขึ้นซะก่อน
“ฝากไว้ก่อนเหอะ” ชี้หน้าฉันแล้วหันหลังเดินออกจากร้านไป
“อ้าว แล้วเธอไม่สักละเหรอ” ฉันตะโกนตามหลังหวังให้คนฟังหัวเสีย “เข็มช่างใหญ่นะเห็นเธอมารอทุกวันเลย”
“แม่งแสบฉิบหาย”
“เอาเรื่องอยู่นะ”
“อะไร? หนูเปล่าสักหน่อย” ฉันรีบค้านขึ้นไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรสักหน่อยแค่กวนประสาทยัยนั่นก็เท่านั้นเอง
“เหรอ... หลอกด่ากูอีกแล้วนะมึงอะ”
“เท่าที่จำได้หนูไม่เคยหลอกเลยนะเพราะหนูด่าจริง” ฉันว่าพลางทำตาปริบ ๆ ใส่คนตรงหน้าด้วยท่าทีทะเล้น พี่เดย์ไม่ได้ว่าอะไรแค่ส่ายหน้าให้
“ขยะก็ควรอยู่ในถังขยะ ฮ่า ๆ กูโคตรชอบประโยคนี้เป็นคำด่าที่ไม่มีคำหยาบ” พี่จีมินพูดก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“เปล่าด่านะคะ แค่เปรียบเปรยให้ฟังเฉย ๆ ว่าแต่คนที่เธอพูดถึงเนี่ยใครเหรอคะ หนูจะไม่โดนตบกลางงานแต่งใช่ไหม”
“เพ้อเจ้อ” พี่เดย์สบทออกมาอย่างไม่ใส่ใจมากนักก่อนจะเดินผ่านหน้าฉันไป
ที่ฉันอยากรู้ฉันไม่ได้หึงไม่ได้หวงอะไรนะคะ ฉันแค่กลัวว่าตัวเองจะไปแทรกกลางพวกเขาต่างหาก
“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้เดย์มันบอกมิวว่ายังก็อย่างงั้นแหละ” พี่กราฟเอ่ย “ถึงปากมันจะไม่ค่อยดีแต่มันเป็นคนไม่โกหกนะ”
“เขาบอกหนูว่าเขายังโสด”
“ก็ตามนั้น” เขาว่ายิ้ม ๆ
“เนี่ย! พวกพี่ยิ้มอะ กำลังโกหกอะไรอยู่แน่ ๆ หนูไม่เป็นเมียน้อยใครหรอกนะ”
“ฮ่า ๆ ไปกันใหญ่แล้ว ไม่ใช่แบบนั้น”
“อยู่กับมันไปนาน ๆ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ” พี่แม็กเอ่ย
“มันไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิตอีกครั้งหนึ่งหรอก เชื่อใจมันหน่อยอย่าคิดมากเลย” พี่จิมินเสริมขึ้นมาอีกคน “หรือถ้าเราอยากรู้จริง ๆ ลองถามมันสิ บางทีมันอาจจะเต็มใจให้เรารู้ก็ได้”
“ใช่ อย่าคิดมากเลย”
“...” คิดมากงั้นเหรอคะ ทำไมฉันต้องคิดมากด้วยพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยพี่ ๆ มั่วแล้ว