บทที่ 1.3
แม่ที่เปลี่ยนไป
ในตอนเช้าเฉินซิ่วลี่ฝากลูกชายฝาแฝดไว้กับกู้เหยียน โดยบอกกับเขาว่าเธอจะไปเอาเอกสารประจำตัวของเด็กๆที่บ้านเพื่อพาไปตรวจที่โรงพยาบาลในเมือง ทว่ากลับหายไปร่วมค่อนวัน
“แม่ของพวกนายคงไม่ได้จะทิ้งพวกนายไว้ที่นี่ใช่ไหม”
แม้จะไม่อยากคิดในแง่ร้ายแต่ชื่อเสียงของเฉินซิ่วลี่ก็ทำให้กู้เหยียนอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจจะหลอกเอาเด็กๆ มาทิ้งแล้วหนีตามชายชู้ไป อีกทั้งเขารู้เพียงว่าเด็กๆ ถูกทุบตีมาแต่ไม่ทราบว่าเจอเรื่องอะไรมาเมื่อคืน ดังนั้นจึงเอ่ยถามไปตามความคิด แต่เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเด็กชายทั้งสองเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองก็ตระหนักได้ในทันทีว่าตนเองพูดเรื่องที่ไม่สมควรออกไป
"พวกนายยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม อย่างนั้นฉันจะไปเอาของกินมาให้กินระหว่างรอแม่ของพวกนายมารับ"
“ไม่เป็นไรครับ"
ถึงแม้ว่าจะหิว แต่ท่านพ่อเคยบอกว่าไม่ให้พวกเขารับของจากคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้ก็ตามดังนั้นหลี่หมิงกับหลี่ชุนจึงเอ่ยปฏิเสธความหวังดีของคุณหมอหนุ่มด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"รบกวนคุณหมอกู้นานแล้ว พวกเราขอกลับบ้านดีก่อนนะครับ”
“ไม่ได้สิ พวกนายยังเด็กจะกลับบ้านเองได้ยังไงกัน ต้องรอให้ผู้ปกครองมารับ”
ตอนนี้เด็กชายทั้งสองอยู่ในความดูแลของเขา กู้เหยียนจึงคำนึงถึงความปลอดภัยของคนทั้งคู่เป็นอย่างแรก แม้บ้านของเด็กๆ จะอยู่ไม่ไกลมากอีกทั้งในชุมชนก็ไม่เคยเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรแต่พวกเขาก็มีอายุแค่สามขวบ จะให้เดินกลับบ้านเองได้อย่างไร หากคนเป็นแม่ไม่มารับจริงๆ เขาก็จะไปส่งเอง
"หากเย็นแล้วแม่ของพวกนายไม่มารับฉันจะไปส่งที่บ้านเอง"
“ไม่เป็นไรครับ พวกผมกลับได้ อาชุนไปกันเถอะ”
“ครับ”
หลี่ชุนเอ่ยรับคำของพี่ชายในทันที ก่อนจะจับมือกันเดินออกจากสถานพยาบาลหมู่บ้าน ในใจของหลี่หมิงเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา อาจเพราะเมื่อคืนแม่ทำดีกับพวกเขามาก ความใส่ใจ และท่าทีอ่อนโยนเช่นนั้นทำให้พวกเขาหลงลืมไปว่า สำหรับแม่แล้วพวกเขาก็แค่ตัวภาระที่ควรสลัดทิ้ง ไม่เคยได้รับย่อมไม่รู้สึกสูญเสีย ไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง คำพูดของพ่อดังก้องเข้ามาในความคิด มือของหลี่หมิงเผลอขยับกำแน่น
"พี่ชายผมเจ็บ"
หลี่ชุนร้องบอกเมื่ออยู่ดีๆ พี่ชายก็ขยับกำมือแน่นจนเขาปวดมือเล็ก
"ขอโทษด้วย นายเจ็บมากไหม"
หลี่หมิงหันไปขอโทษน้องชายฝาแฝด หลี่ชุนยิ้มกว้างขยับมือเล็กของตนกุมมือพี่ชาย
"ไม่เป็นไร แค่มีพี่อยู่ผมไม่เจ็บ ไม่กลัว"
คำพูดสดใสของหลี่ชุนเป็นดังแสงตะวันในใจที่มืดมิดของหลี่หมิง เขาพยักหน้ารับพร้อมกับพาน้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาจะปกป้องแสงตะวันนี้เอาไว้สุดชีวิต
หากแต่ยังเดินไม่ทันพ้นอาคารสถานพยาบาลหมู่บ้านหญิงสาวที่เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของหลี่หมิงเบิกกว้างมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
ผู้หญิงที่ผมยุ่งเหงื่อท่วมตัวตรงหน้าคือแม่ของพวกเขาหรือ เธอกลับมา! กลับมารับพวกเขาอย่างนั้นหรือ
เพียงแต่แม่ของพวกเขาห่วงภาพลักษณ์ภายนอกของตนเองอยู่เสมอหรือ ขนาดเสื้อผ้ายังต้องซื้อใหม่ทุกเดือน ทำไมวันนี้จึงได้มีสภาพเช่นนี้ได้กัน
“ขอโทษด้วยค่ะคุณหมอกู้ พอดีฉันหาเอกสารของเด็กๆ ไม่เจอ วันนี้รื้อจนทั่วบ้านก็ยังไม่เจอ เรื่องที่ไปโรงพยาบาลในเมืองคนต้องพักเอาไว้ก่อนแล้วล่ะค่ะ”
หาไม่เจอ ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น บ้านที่ทางเดินแทบไม่มีเช่นนั้นจะหาของเจอได้อย่างไร ทั้งหมดคือความคิดในใจของหลี่หมิงที่ไม่ได้พูดออกมา เขายืนมองคนเป็นแม่สนทนากับคุณหมอกู้ด้วยท่าทางสุภาพ อ่อนโยน ในใจก็ได้แต่ค่อนขอด แม่ของเขาก็เป็นเช่นนี้ รอยยิ้มและคำพูดที่อ่อนโยน ล้วนมีไว้สำหรับผู้ชายนอกบ้านเสมอ
"ต้องขอบคุณ คุณหมอกู้อีกครั้งนะคะ"
ถึงแม้กู้เหยียนจะไม่ได้จบแพทย์ ทว่าเพราะทำงานอยู่ที่สถานพยาบาลหมู่บ้านทุกคนจึงมักเรียกเขาว่าหมอกู้จนติดปาก ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ใบหน้าโชกไปด้วยเหงื่อ ทว่าผิวหน้าที่ขาวเนียนกลับแดงระเรื่อชวนมองแล้วยิ้มอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรครับ”
“อ่อ... ฉันเห็นว่าใกล้ได้เวลามื้อเย็นแล้ว เลยทำอาหารมาฝากคุณด้วย ถือเป็นของแทนคำขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนและคำขอโทษสำหรับวันนี้นะคะ”
เฉินซิ่วลี่ส่งปิ่นโตให้กู้เหยียน ก่อนจะหันไปทางเด็กชายทั้งสองเดินไปหยุดที่ตรงหน้าพวกเขาแล้วย่อตัวลง ให้ใบหน้าอยู่ในระดับสายตาของพวกเขา ทว่าสองเท้าเล็กกลับถอยห่างโดยอัตโนมัติ หลบมือที่ยื่นมาจับต้นแขนของตนด้วยความหวาดกลัว
ท่าทางเหล่านี้ของเด็กๆ หากเป็นเจ้าของร่างเดิมคงโมโหจนลงมือกับพวกเขา แต่เฉินซิ่วลี่กลับไม่คิดถือสาเธอดึงมือที่ยื่นไปกลับมาวางบนเข่าของตนเอง เพื่อไม่ให้เด็กๆ รู้สึกหวาดระแวงตื่นกลัว แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนสบตาพวกเขาอย่างจริงใจ
“ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่แม่มารับช้า”
ขอโทษ นี่แม่กำลังขอโทษพวกเขาอย่างนั้นเหรอ ใบหน้าของสองแฝดคล้ายพบเจอเรื่องแปลกประหลาดดวงตาเบิกกว้างตัวแข็งทื่อนิ่งงันขึ้นมาในทันที ก่อนจะหันไปเห็นสายตาของกู้เหยียนที่มองมา หลี่หมิงก็เข้าใจในทันที ต่อหน้าผู้อื่นเม่ย่อมไม่แสดงความดุร้ายออกมา เช่นเมื่อปีก่อนตอนที่พ่อกลับบ้านมาแม่ก็เป็นแบบนี้ อ่อนโยน ใจดี และใส่ใจพวกเขา แต่เมื่อพ่อกลับไปทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ถ้อยคำตำหนิด่าทอ และ การทุบตี เป็นสิ่งที่เขาและน้องชายต้องพบเจอทุกวัน
“เรากลับบ้านกันนะ”
เฉินซิ่วลี่เห็นสายตาที่ไม่ไว้วางใจของหลี่หมิงก็เข้าใจดี ในอดีตเจ้าของร่างทำเรื่องเลวร้ายต่อเด็กๆ ไว้มาก จะให้พวกเขาวางใจเธอในช่วงข้ามคืนย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ในเมื่ออนาคตของเธอผูกไว้ที่เด็กสองคนนี้ ให้ยากลำบากอย่างไรเฉินซิ่วลี่ก็ต้องดูแลพวกเขาให้ดี ในตอนที่หลี่อันเฉิงกลับมาแล้วได้เห็นว่าลูกๆ ของเขามีชีวิตที่ดีอาจจะละเว้นชีวิตของเธอก็ได้
เฉินซิ่วลี่ค่อยๆ ยื่นมือออกไปอีกครั้งรอให้เด็กทั้งขยับตัวสอดฝ่ามือเข้ามาเองแล้วก็ยิ้มกว้างจับจูงพวกเขาเดินกลับบ้าน เริ่มวางแผนการพิชิตใจเด็ก และสร้างรากฐานให้ตนเอง
ในเมื่อหลี่อันเฉิงมีใจรักมั่นต่อเฉินซิ่วจู เช่นนั้นเมื่อเขากลับมาเธอก็จะขอหย่าไปใช้ชีวิตของตนเอง ปล่อยเขาเป็นตัวร้ายแย่งชิงนางเอกกับพระเอกไปตามบทของนิยายอย่างอิสระ
หลี่ชุนช้อนดวงตาลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนเป็นแม่ แสงแดดยามเย็นสะท้อนใบหน้าของเธอเป็นสีส้มนวลตาอบอุ่น มือเล็กกระชับอุ้มมือนุ่ม จะต้องทำอย่างไรแม่จึงจะอ่อนโยนและใจดีกับเขาแบบนี้ไปตลอด
.........................................