EP.06
ประตูห้องเปิดออก คิมหันต์เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เขาเอื้อมมือไปปิดประตูก่อนจะเดินตรงไปยังตู้ แล้วเปิดประตูไม้หยิบเอารูปกรอบหนึ่งขึ้นมา
เปลวไฟลุกโชนในดวงตาของเขาทั้งสองข้าง ชายหนุ่มทอดมองนิ่งอยู่กับรูปกรอบนั้นเนิ่นนาน หัวใจที่เจ็บแปลบบาดลึกจนเป็นแผลกว้าง เขาเม้มริมฝีปากแน่นสนิท ใบหน้าที่เรียบเฉยแดงซ่านไปด้วยเส้นเลือดฝาดที่กระจายไปทั่วทั้งโครงหน้า เขากำหมัดเอาไว้แน่นจนเล็บได้จิกลงบนฝ่ามือจนห้อเลือด เนิ่นนานเขาจึงค่อยๆ คลายมันออก ระงับอารมณ์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ให้มอดดับไป ก่อนแนบใบหน้าลงบนรูปอีกครั้งและนำมันไปเก็บไว้ที่เดิม
คิมหันต์เดินมาหยุดตรงริมหน้าต่างด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่ทว่าแววตาของเขาที่ฉายออกมานั้นกลับน่ากลัวเป็นยิ่งนัก!!!
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เจนจิราก็เดินเข้าไปในห้องของตัวเอง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่นาทีก่อน สีหน้าของหญิงสาวเข้มขึ้นเมื่อใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นผุดลอยขึ้นมาให้เธอได้คิดถึง จากที่เคยรู้สึกเกลียดกลับแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกดีอย่างรวดเร็ว
เธออยากพูดคุยกับเขา และขอบคุณที่เขาอุตส่าห์เข้ามาช่วยเธอและครอบครัว แต่ด้วยในเวลานั้นเธอยังอยู่ในสภาวะตกใจหญิงสาวจึงไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขามากกว่าการพูดขอบคุณ
หญิงสาวคลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างน่ารักเมื่อคิดเลยไปถึงเมื่อตอนที่เจอกับเขาครั้งแรกที่สนามบิน เจอกันครั้งนั้นเธอไม่เคยคิดที่อยากจะเจอกับเขาอีก หากแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งพ้นไปทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไปกลับกลายเป็นว่า เธออยากจะรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้โดยมีคำว่าผู้มีพระคุณแทรกเข้ามาอยู่แทนที่ในหัวใจ
"คิดอะไรอยู่หรือจ๊ะลูก"
เห็นห้องของบุตรสาวยังเปิดไฟคุณจันทราจึงลองเข้ามาดูกลัวว่าเจนจิราจะคิดมากจนนอนไม่หลับ
"เปล่าค่ะคุณแม่" เสียงเรียกของมารดาทำให้เธอหลุดออกจากความคิดที่ว้าวุ่นเหล่านั้น "เอ่อ...เจนนี่แค่คิดอะไรไปเพลินๆ เท่านั้น ไม่เอาดีกว่าเจนนี่จัดของก่อนนะคะ เอ้อ คุณแม่ยังไม่เข้านอนอีกหรือคะ"
"กะว่าจะเข้านอนแล้วอยู่เหมือนกัน นี่มันก็ดึกแล้ว แม่ว่าหนูเข้านอนเถอะนะพรุ่งนี้ค่อยมาจัดต่อก็ได้"
"ไม่เอาค่ะคุณแม่ เหลืออีกไม่กี่ชิ้นเอง คุณแม่ง่วงก็ไปนอนเถอะนะคะ พอจัดเสร็จแล้วเจนนี่ก็จะเข้านอนเหมือนกัน"
"ถ้าอย่างนั้นแม่ช่วยดีกว่านะ จะได้เสร็จไวๆ"
ผู้เป็นมารดาจึงเข้ามาช่วยบุตรสาวจัดกระเป๋า ทั้งสองแม่ลูกช่วยกันเก็บของเข้าชั้นจนครบ เจนจิราจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก
"เฮ้อ...เสร็จซักที แต่เอ๊ะ!!"
หญิงสาวตกใจเพราะในบรรดาสิ่งของที่เธอและแม่นำออกมากลับไม่มีสิ่งนั้นที่เธอต้องการ
"อะไรอีกล่ะลูก อะไรหายไปฮึ"
"ตุ๊กตาหมีค่ะคุณแม่ มันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่คุณพ่อซื้อให้เจนนี่เมื่อตอนห้าขวบ และเจนนี่ก็เก็บมันติดตัวเรื่อยมา ตอนนี้มันหายไปแล้วค่ะ"
เธอสอดส่ายสายตามองหาเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยของรักของหวงที่สุดของเธอ เพราะมันเป็นของขวัญชิ้นสำคัญสำหรับเธอ สิ่งนี้แหละที่เป็นเพื่อนคลายเหงาของเธอในยามอยู่ที่ต่างประเทศ พอเห็นมันแล้วเธอก็มักจะคิดถึงคนที่อยู่บ้าน เหมือนว่าพ่อและแม่ของเธอได้ส่งเจ้าตุ๊กตาหมีสีขาวตัวนี้ไปแทนตัวพวกเขาในยามที่บุตรสาวเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ หัวใจของเจนจิรารู้สึกหวิวๆ เมื่อสิ่งนั้นหายไป
"ลูกลืมเอากลับมาด้วยหรือเปล่า"
“ไม่ค่ะ หนูจำได้ว่าเก็บใส่กระเป๋ามาด้วยแล้ว....หรือว่า..."
เธอนึกไปถึงตอนที่ตัวเองชนกับคิมหันต์ อาจจะเป็นตอนนั้นก็ได้ที่เจ้าตุ๊กตาหมีตัวนั้นหายไป โธ่ เจ้าหมีตัวน้อย ฉันทิ้งเธอไปได้ยังไง ปานนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ หญิงสาวรำพึงอยู่ในใจอย่างเสียดาย ของที่เล็กขนาดนั้นต่อให้คนพบเห็น พวกเขาอาจจะไม่สนใจ ปานนี้มันอาจจะไปนอนรวมกับกองขยะที่ไหนสักแห่ง ว่าแล้วเธออยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
"หรือว่าอะไรลูก"
คุณจันทราถามบุตรสาวอย่างสงสัย แต่เธอกลับรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากจะให้แม่รู้เรื่องนี้
"ช่างมันเถอะค่ะ ดึกแล้วคุณแม่ไปนอนเถอะนะคะ เจนนี่ก็จะนอนแล้วเหมือนกัน"
หญิงสาวดันร่างมารดาลงจากเตียง และเปิดประตูให้มารดาออกจากห้องไป
"โธ่ น้องหมีของฉัน"
หญิงสาวนึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ หัวใจดวงน้อยสั่นหวิวเมื่อของรักต้องจากไปตลอดกาล หากแต่ถ้าเธอจะรู้สักนิดว่าคนที่เก็บสิ่งนั้นเอาไว้ได้ก็คือคิมหันต์ หญิงสาวคงจะดีใจไม่น้อย ที่ของรักของหวงของเธออยู่กับเขา
ภายในห้องของคิมหันต์ เขานั่งมองเจ้าตุ๊กตาหมีสีขาวในมืออย่างพินิจ พลันใบหน้าสวยน่ารักของเธอผู้นั้นก็ผุดขึ้นมาในห้วงมโนนึก ชายหนุ่มยิ้มนึกขบขันกับท่าทีของผู้หญิงคนนั้นที่ยังทำตัวเป็นเหมือนเด็ก ฮึ...โตถึงขนาดนี้ยังเล่นตุ๊กตาหมีอีก ยายฝอยเดือดเอ้ย
เสียงตบโต๊ะดังก้องสนั่นไปทั่วบริเวณห้องแห่งนั้น จนทำให้เหล่าลูกน้องที่ยืนอยู่พากันตกใจไปตามๆ กัน ต่างรีบก้มหัวยืนนิ่งเตรียมรับคำด่าที่จะเกิดขึ้น
“กี่ครั้งแล้วที่พวกลื้อทำพลาด ฮึ!!”
เสียงอันทรงอำนาจดังชัดเจนพร้อมกับอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดที่ยิ่งเพิ่มระดับมากขึ้น
“กี่ครั้งแล้วที่พวกลื้อไม่ได้ดั่งใจอั๊ว พวกลื้อมันไร้น้ำยากันทุกคน พวกลื้อมันเลี้ยงเสียข้าวสุกกันแท้ๆ”
สายตาพิฆาตมองไปทางไหนจึงพาลพาให้เหล่าสมุนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานพากันสะดุ้งไปตามๆ กัน
“พวกลื้อออกไป ไป้!! ออกไปให้พ้นหน้าอั๊ว ก่อนที่อั๊วจะทนไม่ได้ฆ่าพวกลื้อไปทีละคน”
ชายผมสีดอกเลาตะเพิดไล่อย่างไม่ไว้หน้า เหล่าลูกน้องที่ยืนกุมเป้าจึงรีบพากันลนลานออกไปในทันที
“เห็นทีคราวนี้อั๊วคงจะต้องลงมือเองซะแล้ว อาบัญชาถึงลื้อจะหนังเหนียวขนาดไหนแต่อั๊วก็จะกระชากลื้อให้ตามอามาวินไปให้ได้ เพื่อนลื้อก็ลงนรกไปนานแล้ว ลื้อจะอยู่หาหอกอะไรอีกวะ!!!”
ชายชราเชื้อสายจีนสบถเสียงดังลั่นห้อง แววตาสีน้ำข้าวลุกโชนไปด้วยไฟโทสะที่ท่วมท้นในดวงตาทั้งสองข้างและจิตใจของบุคคลผู้นี้ที่ไม่อาจจะเห็นศัตรูอยู่ได้อีกต่อไป
ภายในสวนของบ้านสินทราปณาวุธชายหนุ่มยืนสูดอากาศอันบริสุทธิ์ของต้นไม้โดยรอบด้วยความชุ่มชื่นในจิตใจ ภายในสวนโดยรอบมีต้นไม้ใหญ่ไม่กี่ต้น ที่เหลือก็จะเป็นพวกไม้พุ่มที่เขียวชอุ่มที่ตัดแซมกับไม้ดอกนานาชนิด ที่นี่เปรียบเสมือนสวนสวรรค์ก็ไม่ปาน
ชายหนุ่มเดินมาตามทางเท้าที่ปูด้วยหินขัดสีขาวนวลตา ที่พาดตรงไปสิ้นสุดอยู่ที่บ่อปลา ส่วนมากปลาที่เลี้ยงก็จะเป็นปลาสวยงามจำพวกปลาคราฟและปลาหางนกยูงตัวเล็กๆ ที่แหวกว่ายอวดสีสันของแพรหางกันอย่างร่าเริง
คิมหันต์เดินมานั่งตรงม้าหินขัดข้างๆ กับบ่อปลา อากาศเย็นในยามเช้าส่งผลให้เขารู้สึกสดชื่นกับบรรยากาศที่ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าเขาจะจากที่นี่ไปนานเท่าไร ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยนอะไรไปมากนัก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ขบริมฝีปากจนแน่น ใช่สิ ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม แม้กระทั่งในใจของเขา แววตาอันคมกล้าของชายหนุ่มมองทอดนิ่งไปเบื้องหน้าอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งได้มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหลัง
“คุณคิมหันต์คะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
ชายหนุ่มหันกลับมาด้วยสีหน้าฉงน เขาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกยังไม่รู้จักใครมากนัก จะว่าเพื่อนเก่าก็ไม่น่าจะใช่เพราะขาดการติดต่อกันนานแล้ว
“ใคร?” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากปากของชายหนุ่ม พร้อมกับใบหน้าคมที่ครุ่นคิด
สาวใช้ทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนจะบอก
“เห็นว่าชื่อคุณบัญชาและลูกสาวชื่อเจนจิรานี่แหละค่ะ”
เมื่อได้ยินชื่อนั้นใบหน้าที่เรียบเฉยก็แสดงอาการชนิดหนึ่งออกมา แววตาที่คมกล้าเต็มไปด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกที่ถูกดึงขึ้นมาทางสายตา โครงหน้าที่คมเข้มได้รูปเริ่มเข้มจัดมากขึ้นจากนั้นเสียงอันแหบพร่าที่กว่าจะหลุดออกมาได้ก็ดังขึ้น
“เดี๋ยวฉันตามไป เธอออกไปก่อน”
เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้นสาวใช้จึงรีบร่าถอยออกไปในทันที นึกคร้ามกลัวต่อกิริยาที่เปลี่ยนไปของเจ้านายที่แปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ชายหนุ่มทอดถอนใจเสียยืดยาวก่อนจะเก็บกดอารมณ์จากส่วนลึกให้คงอยู่ลึกเช่นเดิมและหันหลังก้าวเดินกลับไปตามทางเดิม