EP.05
เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยรังสิยาจึงขอตัวแยกกลับก่อน พร้อมกันนั้นครอบครัวของเจนจิราก็ได้เดินไล่หลังออกมาเหมือนกัน หญิงสาวโอบกอดเอวผู้ให้กำเนิดทั้งสองอย่างอารมณ์ดีตอนที่เดินไปยังโรงรถ
ภายใต้เงามืดของหมู่แมกไม้ชายในชุดดำสองคนยืนดักอยู่ตรงนั้นด้วยจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เมื่อเห็นคุณบัญชาและครอบครัวเดินมาที่รถทั้งสองจึงไหวตัวในทันทีก่อนไอ้คนหนึ่งจะชักปืนออกมา แล้วเล็งตรงไปที่เป้าหมายเบื้องหน้า
“ระวังครับ!!!”
ปัง!
ชายหนุ่มรีบตะโกนร้องบอกก่อนจะกระโดดเข้าไปที่บุคคลซึ่งยังเดินไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ตรงหน้า พร้อมกันนั้นเสียงปืนก็ได้ดังขึ้นหนึ่งนัด ร่างของคนทั้งสี่ถลาล้มลงกับพื้นด้วยแรงผลักของชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าพลาดจากเป้าหมายอาชญากรทั้งสองจึงรีบบึ่งรถจากไปในทันที
คุณบัญชาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนึกสับสนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะเกิดความเป็นห่วงต่อคนในครอบครัวทั้งสองคน ชายชรารีบเข้าไปพยุงบุคคลทั้งสองให้ลุกขึ้น
“เป็นยังไงบ้างคุณ...ลูกเจนนี่”
“เจนนี่ไม่เป็นอะไรคะคุณพ่อ”
หญิงสาวสำรวจไปทั่วตัว เมื่อไม่เกิดอะไรขึ้นก็เบาใจ
“ฉัน ก็ไม่เป็นอะไรคะ”
คุณจันทราพูดออกมาด้วยสีหน้าตระหนกไม่แพ้กัน ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็น นางจึงชี้ให้กับสามีดู
“คุณคะ ดูนั่น!!”
คิมหันต์ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น รู้สึกปวดหนึบตรงหัวไหล่ด้านซ้าย เขาเอามือกุมมันไว้แน่นก่อนจะรู้สึกถึงอาการเจ็บแปลบและเลือดสีข้นไหลออกมา
ในเวลานั้นเหมันต์ที่ขอแยกตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาให้คิมหันต์เดินมารอที่รถก่อน พอได้ยินเสียงปืนชายหนุ่มจึงนึกเป็นห่วงพี่ชายของตัวเองจึงรีบวิ่งมาที่เหตุการณ์ในทันที พอเห็นว่าคนที่ล้มลงกับพื้นเป็นคนที่เขานึกสังหรณ์ใจแต่ทีแรก เขาจึงรีบวิ่งไปหาพี่ชายในทันที
"พี่คิม!!! " เหมันต์รีบเข้าไปพยุงพี่ชายให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
“คุณคะ เป็นอะไรบ้างคะ”
คุณจันทราก็รีบโผเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นเช่นกัน เมื่อเธอสำนึกได้ว่าชายผู้นี้คืนคนที่ช่วยชีวิตคนในครอบครัวของเธอเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขาเธอก็คงจะต้องสูญเสียคนที่ตนรักไปแน่ๆ และไม่แน่คนที่จะโดนยิงเสียเองอาจจะเป็นเธอ
“ไม่เป็นอะไรครับ”
เขาตอบคำถามของทุกคนจากคำพูดและสายตา
"พี่คิมหันต์ เจ็บตรงไหนบ้างครับ"
เหมันต์สำรวจไปทั่วตัวของพี่ชายก่อนจะไปหยุดสายตาที่หัวไหล่ของคิมหันต์ที่มีเลือดสีแดงไหลออกมาอย่างน่ากลัว
"พี่ถูกยิง!!" เหมันต์ร้องลั่นอย่างตกใจ ทีแรกเขาก็นึกสังหรณ์ใจอยู่เหมือนกันแต่ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ชายของตนเสียเองที่ถูกยิง
"ไม่เป็นไรหรอก แค่กระสุนถากๆ เท่านั้น"
ถึงจะรู้สึกเจ็บที่ต้นแขน แต่เพื่อจะให้ทุกคนสบายใจเขาจึงไม่อยากแสดงอาการเจ็บออกมา เจนจิรารู้สึกคุ้นต่อน้ำเสียงนั้นจึงรีบเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อในสายตา
“นาย!!”
“คุณ!”
คิมหันต์เหลียวมาทางคนที่เรียกเขา ชายหนุ่มถึงกับตะลึงเพราะคนที่เข้ามาทักเขานั้นคือผู้หญิงคนที่เขาเจอตอนลงจากเครื่อง
“ขอบใจ คุณมากๆ เลยนะครับ ว่าแต่คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ผมว่าไปโรงพยาบาลดีกว่านะ”
คุณบัญชาเข้ามาช่วยพยุงเขาอีกคนด้วยน้ำเสียงร้อนรน หากแต่คิมหันต์กลับปฏิเสธ
“ผมไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวผมไปเองได้ครับ”
"ฉันว่าคุณอย่าพูดอวดเก่งดีกว่านะ ดูสิเลือดออกมากแล้วรีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ"
เป็นเจนจิราที่ได้สติมากว่าทุกคน เธอจึงรีบเตือนสติให้พวกเขาพาคนเจ็บไปที่โรงพยาบาล จากนั้นทุกคนจึงรีบแยกกันไปที่รถของตน เหมันต์พาพี่ชายไปโรงพยาบาล โดยมีคุณบัญชาและครอบครัวขับรถตามมาอย่างเป็นห่วง
เมื่อถึงโรงพยาบาลชายหนุ่มก็เข้าไปทำแผลในห้องของแพทย์ เมื่อทำแผลเรียบร้อยแล้วเขาก็ก้าวออกมาจากห้องนั้น ก็พบว่านอกจากเหมันต์น้องชายของเขาแล้วยังมีครอบครัวของคนที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้และมีตำรวจอีกสองนายยืนรออยู่ด้วย
“เป็นยังไงบ้างครับพี่คิมหันต์”
เหมันต์รีบเข้ามาหาพี่ชายของตนอย่างเป็นห่วง ขณะที่ตำรวจนายหนึ่งก็ได้ขยับมาสอบถามเขาเหมือนกัน
"คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ"
"ไม่ ไม่หรอกครับ แค่กระสุนถากๆ เท่านั้น"
คิมหันต์ตอบด้วยรอยยิ้มเซียวๆ นายตำรวจคนนั้นจึงเข้ามาดูบาดแผลของเขาก่อนจะเอ่ยบอก
"คุณพอจะมีเวลาให้ทางเราสอบปากคำสักครึ่งชั่วโมงจะได้ไหมครับ"
ตำรวจเอ่ยอย่างเกรงใจเพราะนี่ก็ดึกมากแล้วมันควรจะเป็นเวลาพักของเขามากกว่า แต่เพื่อจะให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นโดยเร็วคิมหันต์จึงตอบตกลงในที่สุดเพราะไหนๆ ก็เสียเวลามามากแล้วเพิ่มอีกสักครึ่งชั่วโมงคงจะไม่เป็นไร
จากนั้นเขาจึงเดินมานั่งที่ม้านั่งพักของโรงพยาบาลและเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ที่เป็นไปในช่วงเวลานั้น ซึ่งคิมหันต์ก็บอกไปตามความจริงทุกอย่าง ว่าตอนนั้นเขาได้ออกมาจากร้านอาหารเห็นกลุ่มคนร้ายสองคนยืนซุ่มอยู่ไม่ไกลนักและตรงหน้าของเขาคือครอบครัวหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายของการสังหารในครั้งนี้ด้วยความสำนึกที่เป็นพลเมืองที่ดีเขาจึงตะโกนร้องเตือนแต่ก็ช้าไปเพราะเขาเห็นพวกนั้นกำลังจะลั่นไกเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปและผลักให้คนครอบครัวนี้ล้มลง ทำให้กระสุนพลาดเป้ามาถูกเขา แต่ก็โชคดีที่กระสุนถากที่ต้นแขนเท่านั้นเขาจึงไม่เป็นอะไรมาก ส่วนคนร้ายเขาเห็นแค่แว้บๆ เท่านั้นพอนัดแรกพลาดพวกมันก็รีบลนลานขี่รถจักรยานยนต์จากไปด้วยคงจะกลัวว่าจะมีคนมามากกว่านี้
นายตำรวจพยักหน้ารับทราบและจดบันทึกก่อนจะขอลากลับ
“ผมต้องขอบคุณ คุณจริงๆ นะครับ ถ้าไม่มีคุณไม่รู้ว่าผมและครอบครัวจะต้องเป็นยังไงบ้าง”
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคงจะต้องกลับบ้านแล้ว คุณอาพาครอบครัวไปพักผ่อนเถอะครับ คืนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว"
เห็นทุกคนต้องลำบากเพราะเขา คิมหันต์จึงเอ่ยบอกด้วยท่าทางเกรงใจ หากแต่กลับเป็นคุณบัญชาเสียเองที่รู้สึกเกรงใจมากกว่า ยิ่งชายหนุ่มพูดแบบนี้เขาเองก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ชายหนุ่มตรงหน้าต้องได้รับบาดเจ็บทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
"ผมต้องขอขอบคุณ คุณอีกครั้งนะครับเอ่อคุณ....ผมยังไม่รู้จักชื่อของผู้มีพระคุณของเราเลย คุณชื่ออะไรหรือครับ”
คิมหันต์จ้องมองชายตรงหน้านิ่ง รู้สึกคุ้นในสายตาแต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักทีว่าเคยเห็นชายชราคนนี้ที่ไหน
“ผมชื่อคิมหันต์ สินทราปณาวุธครับ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ก่อนจะตอบ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณคิมหันต์ ผมชื่อบัญชา ไพศาลสุรวุท!!”
เมื่อได้ยินชื่อนั้น ชายหนุ่มถึงกับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาภายในใจ ในเวลานั้นแววตาของเขาได้เปลี่ยนไปในทันที หากแต่ความรู้สึกนั้นก็เป็นแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เขาก็สามารถข่มมันลงได้แล้วเปิดยิ้มออกมาในที่สุด
“ครับคุณอาบัญชา!!”
"คิมหันต์ สินทราปณาวุธ คุณคงจะเป็นทายาทของคุณรังสรรค์และคุณกันทิมา สินทราปณาวุธ และถ้าเป็นเช่นนั้นคุณก็คือคุณเหมันต์"
ชายชราหยุดคำพูดเอาไว้เพียงแค่นั้นเมื่อเขาหันมาทางชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ เหมันต์จึงต่อคำถามของชายชราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ครับ ผมเป็นน้องชายของพี่คิมหันต์ ผมชื่อเหมันต์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณอาบัญชา"
"ผมดีใจเหลือเกินที่ได้เจอพวกคุณ ขอบคุณ คุณทั้งสองจริงๆ วันหลังถ้ามีโอกาสผมจะขอไปเยี่ยมพวกคุณที่บ้านคงจะไม่มีปัญหานะครับ"
"ยินดีครับ บ้านสินทราปณาวุธยินดีต้อนรับคุณบัญชาทุกวินาทีเลยครับ!!!"
น้ำเสียงของคิมหันต์แม้จะฟังดูเรียบๆ ทว่าในส่วนลึกกลับแฝงไว้ด้วยความหมายชนิดหนึ่งซึ่งคุณบัญชาไม่อาจล่วงรู้ได้ถึงความหมายเหล่านั้นเลย...
"บัญชา!! บัญชา ไพศาลสุรวุท!!!"
ชื่อนี้ทำให้ความคิด หนึ่งในอดีตหวนกลับมาอีกครั้ง เขาเม้มริมฝีปากแน่นทอดสายตามองไปยังเส้นทางที่คนที่ชื่อบัญชา ไพศาลสุรวุทเดินจากไป หากแต่ความคิดต่างๆ ของเขาก็ต้องถูกตัดออกไปเมื่อเหมันต์เข้ามาสะกิด
"พี่ พี่คิม คิดอะไรอยู่หรือครับ ผมว่าเรากลับบ้านได้แล้วนะนี่ก็ดึกมากแล้ว"
ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์และหันมามองน้องชายด้วยสีหน้าเซียวๆ
"แกอย่าบอกเรื่องวันนี้ให้คุณพ่อคุณแม่รู้นะ พี่ไม่อยากจะให้ท่านกังวลใจ"
เขาเตือนน้องชายก่อนจะเดินนำออกไปก่อน เหมันต์พยักหน้าอย่างเข้าใจในที่สุด