EP.04 สุขสันต์วันเกิดนะเจนจิรา

1700 คำ
EP.04 เวลาสามทุ่มเศษ ที่ร้านอาหารย่านชานเมือง เหมันต์พาพี่ชายและพ่อแม่ออกมาทานอาหารเย็นเพื่อเลี้ยงฉลองกันภายในครอบครัวในเรื่องที่คิมหันต์กลับจากต่างประเทศ ภายในบริเวณร้านอาหารเปิดไฟสลัว เปิดเพลงคลอเบาๆ มีลูกค้ามากหน้าหลายตาที่เข้ามานั่งทานอาหารกันอย่างออกรส หนึ่งในนั้นก็คือครอบครัวของเจนจิราที่ถูกเพื่อนสาวดึงตัวมาเลี้ยงฉลอง “ยินดีต้อนรับพี่คิมหันต์กลับสู่บ้านย่างเป็นทางการครับ” หลังจากที่ทานอาหารกันจนอิ่มแล้วเหมันต์จึงเอ่ยพูดอย่างเป็นงานเป็นการเพื่อต้อนรับพี่ชาย ท่ามกลางอาการยิ้มอย่างดีใจของคุณรังสรรค์และคุณกันทิมาที่นั่งมองบุตรชายทั้งสองที่กลมเกลียวรักใคร่กันเป็นอย่างดี ทางด้านเป้าหมายอย่างคิมหันต์ก็คลี่ยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกับเหลียวมองรอบโต๊ะด้วยความที่เกรงใจคนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้ๆ “เบาๆ หน่อยก็ได้เจ้าเหม อายคนอื่นซะบ้าง” “โธ่พี่ พี่ชายของผมกลับมาทั้งทีจะไม่ให้เลี้ยงฉลองให้สะใจแบบนี้มันก็ยังไงอยู่ จริงไหมครับคุณพ่อคุณแม่” เหมันต์เอ่ยออกมาอย่างมีเหตุผลโดยหากำลังเสริมอย่างคุณรังสรรค์และคุณกันทิมาผู้เป็นบิดาและมารดา “ฉลองน่ะฉลองได้ แต่ก็ให้เกรงใจผู้คนที่อยู่แถวนี้ด้วย อย่าลืมนะว่าที่นี่ไม่ใช่มีแค่ครอบครัวของเราแค่ครอบครัวเดียว” ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกขณะที่คุณรังสรรค์เห็นด้วยกับบุตรชายคนโต “ใช่แล้วเจ้าเหม นี่ไม่ใช่บ้านของเรานั่งลงก่อน เกรงใจคนอื่นเขาบ้าง" บิดาร้องบอก เหมันต์ที่กำลังยิ้มปูเลี่ยนจึงหุบยิ้มแล้วนั่งลงในที่สุด อีกด้านหนึ่งถัดออกไปไม่มากนัก ครอบครัวของเจนจิรากำลังทานอาหารกันอย่างสนุกปาก ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน ซึ่งผู้ที่ช่วยจุดประกายรอยยิ้มเหล่านั้นก็คือรังสิยา “วันนี้เป็นวันดีที่เพื่อนสาวของฉันได้กลับบ้านเสียที ยัยเจนนี่ รับรองว่าวันนี้เธอไม่อ้วนฉันจะไม่ยอมเลิก” “ยัยสิ!! ไหงมาว่าอย่างนั้นละ ฉันอุตส่าห์รักษาหุ่นตั้งหลายปี เธอกะว่าจะขุนฉันวันนี้วันเดียวเลยหรือยะ!” เจนจิราเถียงเพื่อนสาวพร้อมกับปล่อยหัวเราะคิก “ใช่วันนี้แหล่ะ ฉันจะทำให้เธอกลับมาเป็นหมูเหมือนเดิมเลย ใช่ไหมคะคุณพ่อคุณแม่” รังสิยาหากำลังเสริมจากบิดาและมารดาของเพื่อนสาว ถึงจะเป็นคนอื่น แต่ด้วยที่ทั้งสองครอบครัวใกล้ชิดกันมานาน คุณบัญชาและคุณจันทราจึงรู้สึกว่าหญิงสาวเป็นเสมือนลูกอีกคน ดังนั้นรังสิยาจึงเข้ากับครอบครัวนี้ได้เป็นอย่างดี “ใช่หนูสิ วันนี้พ่อเชียร์เต็มที่” คุณบัญชาช่วยเสริมและเอ่ยเย้าบุตรสาว “หนูสิ คุณค่ะไม่สงสารเจนนี่บ้างหรือ ดูนั่นนั่งหน้างอเลย” คุณจันทราเห็นใจบุตรสาวเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่งองุ้มของเจนจิรา “ไม่ต้องบอกล่ะค่ะคุณแม่ คุณพ่อกับยัยสิ พวกเขาต้องการจะแกล้งเจนนี่ เจนนี่รู้ตัวดีค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเจนนี่ไม่หลงกลพวกเขาหรอก” หญิงสาวทำเสียงเง้างอดก่อนจะหัวเราะออกมาได้ในที่สุด “ฮึ ฮึ ฮึ ทำเป็นใจแข็งยัยเจนนี่ เดี๋ยวก็เป็นได้ซวบซาบก่อนฉันทุกครั้ง” รังสิยายิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเรียกพนักงานคนหนึ่งเข้ามา “น้องค่ะ ที่ให้เตรียมเอาไว้ เอามาได้แล้วนะคะ” พนักงานสาวพยักหน้ารับทราบก่อนจะเดินหายเข้าไปทางห้องครัว เวลานั้นรังสิยาจึงหันมาทางเพื่อนสาวแล้วพูด “สำหรับรายการนี้มันต้องเซอร์ไพร์ส!! เธอต้องปิดตาด้วยเจนนี่” หญิงสาวไม่พูดเปล่า แต่ได้นำผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดตาเพื่อนสาว ขณะที่เจนจิราคลี่ยิ้มอย่างน่ารัก ในใจคิดถึงแผนการของเพื่อนสาวว่าต่อไปนี้เธอจะพบกับอะไร แต่เธอก็หาคำตอบไม่ได้สักที “เธอจะทำอะไรนะยัยสิ?” หญิงสาวถามด้วยสีหน้าฉงน “ใจเย็นๆ สิเจนนี่ เดี๋ยวก็รู้เองน่า” พูดจบรังสิยาก็ลุกขึ้นพร้อมกันนั้นพนักงานสาวของร้านก็ถือกล่องกระดาษใบหนึ่งมายื่นส่งให้ ภายในกล่องคือเค้กปอนด์ใหญ่ ปักเทียนสีสันสวยงาม บนหน้าเค้กเป็นรูปบ้าน ต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม สลักตัวอักษรว่า...ต้อนรับเจนนี่กลับบ้านและสุขสันต์วันเกิดนางสาวเจนจิรา...รังสิยานำเค้กที่ตนแอบทำเองกับมือ ออกจากกล่องแล้วนำมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของเพื่อนสาว “พร้อมแล้วนะคะคุณพ่อคุณแม่ เอาล่ะเจนนี่ค่อยๆ เปิดผ้าออกนะ” รังสิยาพูดจบก็เข้าประจำที่นั่งที่เดิม ขณะที่เจนจิราค่อยๆ ดึงผ้าออก แพรขนตาของหญิงสาวกระพริบถี่ยิบเพื่อปรับโฟกัสการมองเห็น เมื่อมองเห็นเค้กอยู่ตรงหน้าหญิงสาวก็เปิดยิ้มออกมาพร้อมกับเสียงร้องเพลงของเพื่อนสาวและผู้ให้กำเนิดก็ได้ดังขึ้น “แฮฟปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...กลับสู่บ้านเสียทีนะเจนนี่ ในโอกาสนี้ฉันก็เลยจัดงานวันเกิดของเธอรวดไปด้วยเห็นว่าเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว ขอให้มีความสุขตลอดไปนะเพื่อนรักของฉัน” รังสิยาจบด้วยคำอวยพรขณะที่เจนจิรารีบก้มหน้าลงเป่าเทียน หญิงสาวมองหน้าเค้กด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจ อาหารที่เพิ่งทานเข้าไปยังไม่อิ่มเท่าน้ำใจที่รังสิยาหยิบยื่นให้ น้ำตาแห่งความตื้นตันเอ่อล้นขอบตา หญิงสาวหันมาทางเพื่อนสาวก่อนจะเข้าไปสวมกอดรังสิยาเอาไว้แน่น “ยัยสิ…” “อิ่มไหมเจนนี่” รังสิยากระซิบบอกเพื่อนสาว สองมือลูบเส้นผมดำขลับของเจนจิราอย่างทะนุถนอม “ยัยสิ อิ่มเลย วันนี้ฉันอิ่มกว่าทานข้าวเสียอีก” หญิงสาวพูดคลอน้ำตา ขณะที่คุณบัญชาและคุณจันทรานั่งมองทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ยัยสิ เธอทำให้ฉันตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกเลย” ก้อนน้ำตาแห่งความตื้นตันมันจุกแน่นอยู่ที่ลำคอระหงของหญิงสาวจนทำให้เธอไม่อาจที่จะเอ่ยคำไหนออกมาได้ นอกจากความหมายทางสายตาที่จ้องมองเพื่อนสาว “พอแล้วเจนนี่ อายชาวบ้านเขาบ้าง เอ้าทานได้แล้วมัวแต่ร้องไห้นั่นแหล่ะ คุณพ่อค่ะ คุณแม่ค่ะทานเค้กก่อนเถอะคะ” รังสิยาจัดแจงตัดเค้กแจกจ่ายให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะตัดชิ้นหนึ่งยื่นให้กับเพื่อนสาว “ทานเสียสิยัยหมู ทานให้อิ่มเลยนะจ๊ะ” เวลาผ่านไป ครอบครัวสินทราปณาวุธยังคงนั่งสนทนากันอย่างมีความสุข ทั้งสองพี่น้องต่างคุยโวแลกเปลี่ยนไม่ขาดปากในเรื่องการทำงานของเหมันต์และชีวิตในต่างประเทศของคิมหันต์ ขณะที่ผู้เป็นบิดาและมารดาต่างมีใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวบุตรชายทั้งสอง ภาพของครอบครัวที่มีความสุขและอยู่กันจนพร้อมหน้าเช่นนี้ยากนักที่จะได้เห็น และนี่ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่น่าประทับใจที่ครอบครัวนี้ได้สร้างมันออกมา ผู้ที่เป็นบิดาและมารดาต่างยิ้มแย้มอย่างมีสุขใจ เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะเมื่อมันถูกจุดประกายมาจากคนภายในครอบครัว “คุณพ่อว่าอีกสองเดือนต่อจากนี้ใช่ไหมครับที่จะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวพี่คิมหันต์ในฐานะประธานบริษัทอย่างเป็นทางการ” เหมันต์เปิดประเด็นถามบิดา “ใช่ ลูกว่าดีไหมละ คราวนี้พ่อกะว่าจะเชิญแขกมาเยอะๆ เลยนะ” คุณรังสรรค์ขอความคิดเห็นจากสมาชิกในครอบครัวทุกคน “ไม่ดีมั้งครับคุณพ่อ เชิญแขกมาเยอะมันจะสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ นะครับ จัดแค่พอเป็นพิธีก็พอแล้วครับ” ทางด้านคิมหันต์กลับไม่เห็นด้วยเพราะมันจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ “ไม่ได้ครับพี่คิม” เหมันต์เอ่ยแทรกขึ้นในทันที “พี่จบจากเมืองนอกกลับมาทั้งทีจะไม่ให้จัดให้ใหญ่โตได้ยังไง เอาคนที่บริษัทมาเลยครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจะไปบอกทางคุณน้าพิมายให้จัดสถานที่ให้ ระดับผมแล้วไม่มีปัญหาครับ” เหมันต์ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับพี่ชาย “ใช่ พ่อกะว่าจะปรึกษาลูกอยู่พอดี จัดที่โรงแรมยายพิมายนั่นแหละดี” คุณรังสรรค์พยักหน้าเห็นด้วย ในใจของเขาก็คิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน “แล้วคุณแม่ละครับ” เหมันต์หันมาทางมารดาที่นั่งเงียบอยู่ “ตามใจทุกคนเถอะจ้ะ พ่อกับลูกๆ ว่ายังไงแม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ” คุณกันทิมาเห็นด้วยกับความเห็นของทุกคนจึงนั่งเงียบเป็นฝ่ายฟังจะดีกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เลือกที่โรงแรมของคุณน้าพิมายเลยนะครับ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง” บุตรชายคนเล็กของตระกูลสินทราปณาวุธจัดการสรุปในที่สุด “จัดที่บ้านเราดีกว่ามั้งเจ้าเหม บ้านเราออกจะกว้างขวาง อีกอย่างพี่ก็เกรงใจคุณน้าเขา” คิมหันต์เอ่ยอย่างเกรงใจ “ไม่หรอกครับพี่คิม พี่อย่าลืมสิว่าผมเป็นถึงรองผู้จัดการของที่นั่นเลยนะครับ” เหมันต์ยืดอกพูดโอ้อวด “แกก็พูดได้สิ แต่คุณน้าพิมายพี่ยังไม่รู้เลยว่าท่านจะอนุญาตหรือไม่” “ก็บอกแล้วไงครับพี่ว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะครับ อีกสองเดือนจัดงานเปิดตัวพี่คิมที่โรงแรมของคุณน้าพิมายเลยนะครับ” เหมันต์เอ่ยรวบรัดในที่สุดเพราะกลัวว่าคิมหันต์จะเปลี่ยนแปลงกำหนดการอะไรให้วุ่นวายอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม