ขอเวลาหน่อย

2536 คำ
ทั้งคู่กลับถึงบ้านแล้ว และชายหนุ่มก็เลือกที่จะเดินหนีขึ้นชั้นบนโดยที่ไม่ได้พูดจาอะไรเลยแม้แต่น้อย ระรินจึงได้แต่ยืนมองกับข้าวและขนมหวานที่ตั้งใจซื้อมาทานด้วยกัน เธอกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ลมหายใจก็ผ่าวร้อนราวกับคนจับไข้ ขอบตาที่เริ่มพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอกำลังเสียใจมากแค่ไหน “พี่ไปนอนห้องเล็กนะ” เขาบอกพร้อมกับเดินสวนออกไปโดยที่ไม่มองหน้าเธอเลยสักนิดซึ่งระรินก็ไม่คิดจะรั้งไว้ เขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำ เพราะข้อตกลงของเรามันมีแค่การแต่งงานบังหน้าในระยะเวลาเพียงหกเดือนเท่านั้น ร่างบอบบางทำทุกอย่างด้วยความเหม่อลอย เธอมองไปตรงไหนของห้องนี้ก็เจ็บเสียดหัวใจไปหมด เตียงที่เรานอนกอดกัน โต๊ะเครื่องแป้งที่เรามักจะมานั่งทาครีมด้วยกัน ห้องน้ำที่เคยอาบด้วยกันและร่วมรักกันอย่างอ่อนหวาน ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันจางจนแทบสัมผัสไม่ได้แล้ว “ว่าไงโม” ร่างสูงใช้ไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้แนบใบหู ในขณะที่กำลังจดจ้องหน้าจอแล็ปท็อปด้วยแววตาเคร่งเครียด ร่างบางที่เดินเอานมอุ่นๆ มาให้เขาก็ต้องชะงักเท้าตามไปด้วย “คุยได้ ว่ามาสิ” ทั้งที่ยุ่งขนาดนี้ เครียดขนาดนี้เขาก็ยังอุตส่าห์มีเวลาคุยโทรศัพท์กับเพื่อน เพื่อนที่ชื่อโมนา ระรินพยายามจะไม่คิดมากแต่หลายสิ่งหลายอย่างมันก็เตือนเธอแล้วว่าให้เลิกหลอกตัวเองสักที “เดี๋ยวไปคุยกันที่บริษัทนะ” ชายหนุ่มเหลือบสายตาไปเห็นร่างบางจึงต้องรีบวางสายเสียก่อน “พี่โมเหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงเบา สายตาที่ทอดมองไปยังหน้าต่างได้ลากกลับมาโฟกัสที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอีกครั้ง “อืม” ปรานต์เองก็กระอักกระอ่วนไม่น้อยเพราะรู้ว่าตัวเองคิดไม่ซื่อกับเพื่อน “ที่พี่เป้อยากเลิกกับรินเป็นเพราะคนนี้รึเปล่าคะ” “ริน!” ร่างสูงลุกพรวดขึ้นทันที สายตาที่ใช้มองกันก็เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวแต่ระรินกลับไม่คิดจะหลบตาเลยแม้แต่น้อย “คนนี้จริงๆ ด้วย” “อย่าพูดถึงโมแบบนั้นเดี๋ยวเขาจะเสียหาย” “หน้าบางขนาดนั้นเลยเหรอคะ” “ริน!” เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังทนปั้นหน้ายิ้มอยู่ได้ยังไงทั้งที่หัวใจมันแสบร้อนไปหมด ยิ่งเห็นว่าเขาออกโรงปกป้องผู้หญิงอีกคนมันก็ยิ่งทำให้เธอร้าวรานเหมือนจะหาที่สิ้นสุดไม่ได้ “พี่เป้ก็น่าจะเลิกกับรินก่อนแล้วค่อยไป…” “พี่ถึงมาขอยกเลิกงานแต่งนี่ไง” เขาพูดแทรกขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดทั้งตัวเองและก็หญิงสาว “อย่างนี้นี่เอง” ระรินเงยหน้าแค่นยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเอง เธอปล่อยปละละเลยจนเขาแอบไปมีคนอื่นได้ขนาดนี้เลยเหรอ “แล้วก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับโมเขา ถ้าพี่รู้ข้อตกลงของเราเป็นอันจบ” “พี่รักเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ” ปรานต์ก็ตอบไม่ได้ว่ารักมากหรือเปล่าเพราะความสัมพันธ์มันยังไม่คืบหน้าไปไหน เขารู้แค่ว่าตัวเองชอบโมนา ชอบมาก “พี่ชอบเขามาก” ระรินรู้สึกเหมือนกำลังจะแตกสลาย ตัวตนของเธอกำลังอ่อนจางลงช้าๆ และกำลังจะไร้ตัวตนสำหรับเขา เธอวางแก้วนมอุ่นๆ ลงบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่มก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอนอย่างกล้ำกลืน เขาบอกว่าชอบผู้หญิงคนนั้นมาก เขาขอเลิกกับเธอเพราะจะไปคบกับผู้หญิงคนนั้น ระรินทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงนอน ศีรษะเล็กเอนพิงขอบเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนที่น้ำใสจะรินไหลออกจากดวงตางาม เธอไม่ได้สูญเสียแค่ความรัก แต่เธอกำลังจะเสียความฝัน ความหวัง อนาคตที่จะมีร่วมกัน ทุกอย่างมันพังลงหมดแล้วด้วยประโยคที่ว่า ‘พี่ชอบเขามาก’ ถึงแม้ว่าจะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักแต่ระรินก็ยังคงปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าหรือชุดที่เขาต้องใส่ไปทำงาน “รินทำข้าวต้มไว้รอแล้วนะคะ ส่วนเนกไทก็วางอยู่บนเตียงค่ะ” เธอบอกตอนที่เขานุ่งพาเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ “รินพอเถอะ” เขาพูดขึ้นตอนที่ร่างบางกำลังจะหมุนตัวกลับ “อย่าทำแบบนี้เลยเพราะเราไม่ได้อยู่กันด้วยความรักอีกแล้ว รินไม่ต้องทำดีกับพี่หรือดูแลพี่เหมือนเมื่อก่อนก็ได้” เขารู้ว่ายังไงเสียเรื่องระหว่างเรามันก็ต้องจบ อีกหกเดือนข้างหน้าเธอก็จะกลายมาเป็นน้องสาวคนหนึ่งของเขา ฉะนั้นระรินก็ไม่ควรมาเหนื่อยดูแลเขาอีกแล้ว “รินอยากทำให้ค่ะ” เพียงแค่ประโยคเดียวกลับทำความตั้งใจเขาสั่นคลอนแต่ก็ย้ำกับตัวเองว่าไม่ควรเห็นแก่ตัวฉุดรั้งเธอไว้ หญิงสาวรู้ว่าเขาไม่รักกันแล้วแต่ที่เธอทำให้เขาทุกอย่างก็เพราะเธอยังรัก ดังนั้นไม่ว่าทางข้างหน้าจะจบลงแบบไหน เธอจะช้ำอีกสักเท่าไหร่ ก็ขอให้เขารู้ไว้ว่าวันนี้ ณ เวลานี้ เธอเต็มที่ที่สุดแล้ว "พี่เป้อาจจะหมดรักรินแล้วแต่ที่รินยังอยู่ตรงนี้ก็เพราะยังรักพี่อยู่" เธอซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองเสมอ "แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รินไม่ไหวหรือมันครบกำหนดเวลาของเราแล้ว รินก็จะไม่ดึงดันต่อไปอีก" ปรานต์ใจหายไม่น้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็คิดว่ามันดีที่สุดแล้ว คนไม่รักกันอยู่กันไปก็รังแต่จะเจ็บปวด "พี่ไม่ได้รักรินเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่รินก็ยังเป็นน้องสาวของพี่นะ" "ไม่ได้หรอกพี่เป้" เธอส่ายหน้าปฏิเสธทันที "รินทำใจให้แฟนมาเป็นพี่ชายของตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเราจบกันแล้วรินก็อยากให้เราขาดกันไปเลย" ชายหนุ่มถึงกับดวงตาไหววูบก่อนจะถอนหายใจไล่ความรู้สึกอึดอัดเหล่านี้ทิ้งไปเสีย "พี่ไม่อยากให้รินอคติกับโม เขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย" "พี่เป้แคร์เขามากนะคะ" "พี่แค่ไม่อยากดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยว" ระรินเพียงยิ้มบางๆ มันเป็นรอยยิ้มที่ว่างเปล่าซึ่งปรานต์ก็เดาไม่ออกว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ เธอนึกหยันเขาอยู่ในใจ ตอนลุ่มหลงมันทำให้คนโง่ได้ขนาดเชียวหรือ ผู้หญิงที่เข้าหาคนที่มีเจ้าของมันไม่มีใครบริสุทธิ์ใจใดๆ ทั้งนั้นแหละ วันนี้รำไพมาหาลูกสาวถึงสปาเพราะอยากถามไถ่เรื่องการจัดงานว่าไปถึงไหนแล้ว แต่พอเห็นระรินวุ่นอยู่กับการดูแลลูกค้า นางจึงโทรหาว่าที่ลูกเขยแทน 'ครับ' "ว่างรึเปล่าเป้ แม่ว่าจะถามเรื่องซุ้มดอกไม้หน้าแบ็คดรอปน่ะ ทางออร์แกไนซ์เขาหาดอกไม้สดได้มั้ย" นางระบุเจาะจงว่าอยากได้กุหลาบขาวกับชมพูและต้องใช้เยอะมาก นางกังวลว่าจะหากันไม่ทัน 'ผมไม่ได้ตามเรื่องเลยครับ' "อ่อ เดี๋ยวแม่ถามยัยรินก็ได้ลูก ทำงานเถอะแม่ไม่กวนแล้ว" "แม่มีอะไรรึเปล่าคะ" "จะมาคุยเรื่องจัดงานเนี่ยแหละ ไปถึงไหนแล้ว" "รินให้ทางทีมออร์แกไนซ์จัดการหมดเลยค่ะ ถ้าติดขัดอะไรเดี๋ยวเขาก็จะโทรมาบอกเอง" "ยัยรินนี่ งานตัวเองแท้ๆ ก็เข้มงวดหน่อยสิ ถ้าเขาทำออกมาไม่ดีไม่ถูกใจจะได้แก้ทัน" ระรินได้แต่ยิ้มแห้งๆ ในใจก็ยิ่งวูบโหวงเมื่อเห็นว่ามารดาดูตั้งอกตั้งใจกับงานแต่งของเธอมาก "แล้วนี่แม่มายังไงคะ" "มากับพ่อเนี่ยแหละ ทะเลงอแงอยากกินไอศกรีมก็เลยพากันไปเดินดูร้านแถวๆ นี้" ทะเลคือน้องชายของเธอ เจ้านั่นเพิ่งจะอายุได้เจ็ดขวบเพราะเป็นลูกหลงของพ่อกับแม่ เมื่อก่อนนี้เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันคนก็มักจะเข้าใจผิดว่าทะเลเป็นลูกชายของเธอเสมอ "เดี๋ยวรินจะตามเรื่องเอง แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ" "ดีแล้ว นี่วดีก็นัดคุยกับแม่เรื่องสินสอดยังไม่ว่างไปเจอกันเลยเนี่ย" รำไพหยิบโทรศัพท์มาเลื่อนๆ หน้าจอหาดูแชทของวดีมารดาของปรานต์ ปากก็บ่นไปเรื่อยเปื่อยแต่มันก็ช่างมีน้ำหนักในใจของลูกสาวเหลือเกิน เธออึดอัด มันแน่นมันจุกอยู่ในอกจนอยากจะร้องไห้เสียให้ได้เลย ปรานต์เลิกงานแล้วแต่ยังไม่ยอมกลับบ้าน เขานั่งพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะหลับตาพลางคิดอะไรสะระตะเรื่อยเปื่อย แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น "ไม่กลับบ้านเหรอเป้" "อ้อ อีกสักพักน่ะ โมมีอะไรเหรอ" "โมว่าจะชวนไปดื่มที่ร้านพี่ตาม ว่างรึเปล่า...เอ่อ หรือว่าน้องรินรอ" หญิงสาวหน้าสลดลงทันทีและรีบปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของปรานต์อยู่ดี "โมอยากไปเหรอ" เขาอยากตอบรับแต่ในใจก็สั่นเตือนให้ปฏิเสธเธอไปก่อนที่ความยุ่งยากจะถาโถมเข้ามามากกว่านี้ "อื้อ ไม่ได้แวะไปนานแล้วน่ะ คิดถึงบรรยากาศ" ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบรับอะไรออกไปก็ได้ยินเสียงมาวินเอ่ยขอทางเข้ามาในห้องเขาเสียก่อน "เรานัดกันไว้ไม่ใช่เหรอ" ปรานต์เลิกคิ้วมองเป็นเชิงถามซึ่งเขารู้ดีว่ามันตั้งใจมาขัดจังหวะเฉยๆ ส่วนนัดห่าเหวอะไรนั่นไม่มีหรอก "ว้าาา งั้นโมขอไปด้วยได้มั้ยเอ่ย" "เดี๋ยวเราโทรถามมิ้นต์แป๊บ" จบคำพูดของมาวินหญิงสาวเพียงคนเดียวก็หุบยิ้มทันที โมนารู้ดีว่ามารีไม่ชอบตนตั้งแต่สมัยเรียนแล้วดังนั้นจึงคิดว่าอยู่ห่างได้เป็นดี "ไปกันได้ยังไอ้หัวหน้า" คนที่มาทวงนัดหันมาถามพร้อมกับส่งสายตากดดันชัดเจน ปรานต์จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะพยักพเยิดให้มันอย่างตัดปัญหา "ไว้วันหลังนะโม" หญิงสาวยิ้มรับบางๆ ก่อนจะหลีกทางให้หนุ่มๆ เดินออกไป เจ้าหล่อนได้แต่กัดฟันอย่างข่มอารมณ์แต่ก็ไม่ได้โวยวายหรือจิกกัดอะไรมาวินแม้แต่น้อย เธอเพียงส่งสายตามองค้อนอย่างน่ารักไปให้แต่โดนฝ่ายนั้นไล่สายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาเหยียดหยาม มันจะเกินไปแล้วนะ! "มึงบอกเลิกรินยัง" มอสถามหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถด้วยกันแล้ว เมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปแบบไม่พูดไม่จาเขาก็ได้แต่พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด "มึงจะเริ่มจีบ ไม่สิ จะคบกับโมเลยเหรอ" "ก็เหี้ยละ" "ยังดีที่รู้ว่าเหี้ย" "ไอ้มอส มึงนี่นะ" "กูก็แค่ถามดู ถ้ามึงบอกเลิกรินแล้วมาคบกับโม แล้วพรุ่งนี้งานเลี้ยงรุ่นมึงจะควงใคร" ปรานต์ขยับตัวอย่างอึดอัด เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยสักเสี้ยววินาทีเพราะเอาแต่ใจจดใจจ่อเรื่องขอเลิกกับระริน พอมาวินทักมาแบบนี้ก็เริ่มหนักใจขึ้นมาแล้ว "กูคงไม่พารินไป" "สรุปคือจะควงโม" "ไม่ใช่!" "มันใช่ยิ่งกว่าใช่" "มึงกวนตีนกูเหรอ" "กูพูดจริง ถึงมึงจะเลิกกับรินแล้วแต่ก็ยังมีข้อตกลงเรื่องหกเดือนอะไรนั่นอยู่ ถ้ามึงไม่พาเมียไปเจอเพื่อนแล้วคนอื่นเขาจะมองรินยังไง" ปรานต์ยอมรับว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยจริงๆ "กูขอนอนกับมึงได้ปะ" "กูจะนอนกับเมีย" "ไอ้มอส" "พูดจริง" ปรานต์หน้าหงิกเป็นจวักแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดเร้าหรือต่อเพราะถึงยังไงเขาก็จะปักหลักนอนที่บ้านมันอยู่ดี "มิ้นต์จัดห้องไว้ให้แล้ว" หญิงสาวบอกก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป "ไอ้มิ้นต์รู้เรื่องด้วยเหรอ" "จะเหลือเหรอ" "ไอ้เหี้ยมอส" "ทำไมอะ มิ้นต์ก็เป็นเพื่อนมึงเหมือนกัน มันก็มีสิทธิรู้ปะ" คำพูดของมาวินทำเอาเขาละอายใจ พูดตรงๆ ว่าเขายังหน้าบางกับเรื่องพวกนี้อยู่ เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดถึงตัวเองในเรื่องชู้สาวเพราะตั้งแต่ที่คบกับระรินมาก็ประวัติขาวสะอาดมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะหวั่นไหวกับโมนาแต่ก็ยังไม่ได้ไปถึงขั้นคบหาดูใจหรือนอนด้วยกัน แม้แต่กอดจูบลูบคลำก็ยังไม่เคย เพราะงั้นจะมาทำเหมือนเขาคบชู้ได้ยังไง PrannChin : พี่นอนบ้านไอ้มอสนะ รินล็อกประตูบ้านได้เลย ชายหนุ่มปิดไฟเตรียมเข้านอนแล้วแต่ยังหลับไม่ลงเพราะในหัวมันมีแต่เรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด Rrrr เขาเห็นแล้วว่าเป็นระรินโทรมาแต่ก็ไม่ยอมรับสายเพราะไม่อยากทะเลาะ จวบจนสายตัดไปเองและเธอก็โทรเข้ามาอีกหลายสาย เขาตั้งใจจะปิดเครื่องแล้วหากไม่เหลือบไปเห็นข้อความของโมนาเข้าเสียก่อน Mona : ว่างมั้ย โมมีเรื่องจะปรึกษา ปรานต์จึงโทรกลับทันทีเพราะรู้ว่าหากไม่เครียดจริงๆ โมนาคงไม่ทักมาแบบนี้ "ว่าไงโม" 'คือ...โมจะบอกไงดี' "ค่อยๆ พูด เรารอได้" 'ก็คนคุยของโมอะ เขาชวนไปเที่ยวต่างจังหวัด' "..." ปรานต์ถึงกับเผลอกลั้นหายใจระหว่างที่รอหญิงสาวพูดต่อ 'แต่โมก็เพิ่งจะคุยกับเขาได้ไม่นาน ก็เลยไม่รู้ว่าจะยังไงดี' "แล้วโมอยากไปรึเปล่า" 'ก็อยากนะ' "..." 'แต่คิดอีกทีก็ไม่อยากไปแล้ว โมก็เลยโทรมาหาเป้เนี่ยแหละ' "โทหาเราทำไมอะ" 'ก็จะให้เป้ช่วยคิดหน่อยว่าจะปฏิเสธเขายังไงดี' ปรานต์เผลอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ความรู้สึกอึดอัดเมื่อครู่สลายหายไปทันทีหลังจากที่เธอบอกว่าไม่อยากไปแล้ว ทั้งสองจึงปรึกษากันอยู่นานโดยที่ชายหนุ่มไม่คิดจะสนใจสายเรียกเข้าที่ซ้อนเข้ามาเลยแม้แต่นิดเดียว ************************** แกไม่อยากรับสายลูกสาวฉันแต่แกคุยกับผู้หญิงคนอื่นได้หน้าระรื่นเลยนะไอ้เป้!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม