ปรานต์ยังหาจังหวะคุยกับแฟนสาวไม่ได้สักที ในใจลึกๆ ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ต้องจบความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัวแบบนี้แต่เขาคิดว่ามันเป็นผลดีสำหรับระรินที่สุดแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาอยู่กับเขา อยู่กับผู้ชายที่หมดรักเธอไปแล้ว
"เป้กินข้าวยังอะ" โมนาเดินมาชวนเขาไปทานข้าวกลางวันเหมือนทุกวันและมันก็ได้กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ก่อนจะเดินตามเธอไปยังโรงอาหารของบริษัท
โมนาเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอเรียนวิศวกรรมในขณะที่เขาเรียนสถาปัตยกรรม พอเรียนจบเธอก็มาสมัครงานที่บริษัทของครอบครัวเขาซึ่งตอนนี้ปรานต์เป็นคนรับช่วงต่อ
โมนายิ้มบางๆ ให้คนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายก่อนจะหาข้ออ้างมาโน้มน้าวเขาเหมือนทุกครา
“เรามีเรื่องอยากปรึกษาน่ะ ซินแสเล่นเราอีกละ” หล่อนว่ายิ้มๆ แต่ปรานต์พอจะเข้าใจเพราะวิศวกรกับซินแสนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้ว
“โอเค งั้นไปกินข้าวก่อนก็ได้แล้วค่อยมาคุยกัน” เขายิ้มตอบก่อนจะปิดแล็ปท็อปลงแล้วค่อยเดินตามหลังร่างงามสะโอดสะองของโมนาไป
เจ้าหล่อนสูงเพรียวและมีทรวดทรง ทุกการก้าวเดินก็ดูสง่าผ่าเผยและหยิ่งทะนง ให้ความรู้สึกอยากเอาชนะและหล่อนยังทำเขาตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้าใกล้อีกต่างหาก
“กินไรดีอะ ร้านเดิมมั้ย”
“อือ เราแล้วแต่โมเลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นโมนาจึงเดินไปสั่งข้าวที่ร้านประจำแล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะ มีหลายครั้งหลายคราวที่หล่อนเดินมาเฉียดเนื้อเฉียดตัวของร่างสูงซึ่งเป้ก็รู้ดีว่าเธอ…ตั้งใจ
เมื่อแม่ค้านำอาหารมาเสิร์ฟทั้งสองคนก็เริ่มทานข้าวกันเงียบๆ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยความเสน่หา
โมนารวบผมยาวขึ้นเป็นมวยสูงเปิดเผยให้เห็นลำคอขาวผ่องน่าซุกไซ้ ปรานต์มองแล้วก็ได้แต่เผลอกลืนน้ำลายอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์
“อันนี้ของชอบเป้” มือเรียวสวยตักอาหารให้ชายหนุ่มไม่หยุดและเขาก็เต็มใจทานอย่างไม่มีอิดออด
หญิงสาวเห็นว่ามีแจ้งเตือนเข้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะถอนหายใจพร้อมกับแสดงสีหน้ากลัดกลุ้ม
“มีอะไรรึเปล่าโม”
“เปล่าหรอก” เธอยิ้มบางๆ “ก็คนที่เคยคุยนั่นแหละ ช่วงนี้ทะเลาะกันบ่อยน่ะ”
ความจริงแล้วเธอไม่ได้คุยกับใครสักคนแต่อยากกระตุ้นให้ปรานต์รู้ว่าเธอก็ไม่ได้รอเขาแค่คนเดียว เพราะฉะนั้นชายหนุ่มต้องรีบจัดการเคลียร์ตัวเองให้เด็ดขาดได้แล้ว
ซึ่งปรานต์ก็ตกหลุมพรางได้โดยง่าย เพราะความหลงกลิ่นใหม่ทั้งที่ยังได้ดอมดมจริงจังเลยด้วยซ้ำ กลับทำให้เขาลืมความรอบคอบไปจนหมดสิ้น
“มีอะไรก็ปรึกษาเราได้ตลอดนะ”
“ขอบใจนะ” เจ้าหล่อนส่งยิ้มสดใสมาให้จนใจแกร่งกระตุก จึงต้องเบนสายตาลงมองจานข้าวตัวเองแทน
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปหาพี่ตามเลยเนอะ” เธอชวนเขาคุยไปเรื่อยพร้อมกับเท้าคางมองสบตาคมลึกด้วยดวงตาหวานหยด
“มีโปรเจกต์ใหม่เยอะเลย โมก็น่าจะรู้นี่”
ปกติแล้วพวกเขาจะไปสังสรรค์กันที่ร้านพี่ตามซึ่งเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่หลังๆ มานี้ปรานต์ต้องเทรนงานเด็กใหม่ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปดื่มอย่างเคย
“งั้นไว้ว่างๆ เราไปกันเนอะ”
เขาตะลึงกับรอยยิ้มหวานของโมนาไปพักหนึ่งก่อนจะถูกสะกิดให้หลุดจากภวังค์โดยฝีมือมาวิน
“สั่งไรมากินมั่งอะ” มาวินแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้น
แล้วยังไง ใครสนกัน
คนหนึ่งก็มีแฟนที่กำลังจะแต่งงาน อีกคนก็รู้ว่าเขากำลังจะมีเมียแต่ก็ยังทอดสะพานไม่เลิกรา มันสมควรมั้ย!
เอ๊ะ หรือเขาควรจะปล่อยให้ผีเน่ากับโลงผุได้ลงเอยกัน
“มึงยังไม่ได้แดกอีกรึไง”
“ถ้าแดกแล้วจะหิวเรอะ” มาวินตวัดเสียงสูงใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะกระแทกก้นนั่งลงข้างๆ ปรานต์
“แล้วมอสอยากกินไรเดี๋ยวเราไปสั่งให้” โมนาอาสาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มาวินเห็นแล้วก็ยิ่งนึกหมั่นไส้ หันมองไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งโง่เหมือนคนโดนของแล้วก็ยิ่งฉุน
“กินเท่านี้ก็ได้โม ไม่ต้องลำบากหรอก”
ปรานต์รู้ว่ามาวินไม่ชอบใจโมนา ยิ่งรู้ว่าเขาหวั่นไหวไปกับเจ้าหล่อนเพื่อนก็คงจะยิ่งรู้สึกติดลบหนักเข้าไปอีก เขาจึงต้องคอยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ไม่ให้มันแย่ไปยิ่งกว่านี้
ฝั่งสาวเจ้าเองก็รู้ว่ามอสไม่ชอบตนแต่หล่อนก็ไม่คิดจะสนใจเพราะความตั้งใจจริงก็คืออยากป่าวประกาศให้คนรู้กันทั่วอยู่แล้วว่าปรานต์คิดยังไงกับหล่อน
“มอสดูอารมณ์ไม่ดี ลูกค้าสั่งแก้งานเหรอ”
“เปล่าหรอก อย่าสนใจเลย”
ปรานต์เห็นเพื่อนมึนตึงใส่เธอ เขาก็ยิ่งนึกสงสารได้แต่ส่งยิ้มขอโทษขอโพยเพื่อไม่ให้โมนารู้สึกไม่ดี
ไอ้เหี้ยมอสก็เหลือเกิน เขาก็อยู่ของเขาเฉยๆ มึงก็ยังจะไปแขวะเขาอีก!
หลังจากทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับมาทำงานแต่โมนายังอุตส่าห์มีน้ำใจหอบหิ้วกาแฟร้านประจำมาให้ชายหนุ่มอีก
“ขอบใจนะโม”
ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกันสองหนุ่มสาวก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เขาจดจ้องอยู่เพียงดวงหน้าสวยสดอย่างหลงใหลแต่ก็ต้องรีบดึงตัวเองให้กลับมาอยู่ในโลกความเป็นจริงว่าเขามีแฟนแล้วและกำลังจะแต่งงานกันอีกด้วย!
Rararin Spa
ระรินเปิดร้านสปาสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะทั้งสปามือ สปาผิวและสปาผม เรียกได้ว่าด้านความสวยความงามของผิวพรรณนั้นเธอดูแลได้ครอบคลุมหมด แต่ร้านของเธอไม่ได้ใหญ่มากนัก พนักงานของที่นี่ก็มีเพียงสิบคน บางครั้งหากลูกค้าติดพันเธอก็ต้องไปช่วยพนักงานดูแลลูกค้าเองเหมือนกัน
“น้องรินจ๊ะ ขนมอยู่ตรงนี้น้า” พี่ฝนชูถุงขนมที่เธอฝากซื้อ หญิงสาวจึงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปดูรายการสปาที่จะจัดโพรโมชันของเดือนนี้
Rararin Spa ตั้งอยู่ใน The YOLO ซึ่งเป็นคอมมูนิเคชันที่ติดกับรถไฟฟ้า ผู้คนเดินทางสะดวก นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มีลูกค้าโทรมาจองคิวที่ร้านทุกวัน
The YOLO เป็นแหล่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมาก เพราะในโครงการนี้มีร้านต่างๆ มากมายเข้ามาเปิดกันหลากหลาย ทั้งวัยรุ่นวัยทำงานจึงชอบที่จะมาเดินเล่นและจับจ่ายใช้สอยกัน ดังนั้นค่าเช่าที่จึงแพงมากแต่มันก็ไม่เป็นปัญหากับระรินเลยแม้แต่น้อยเพราะเจ้าของโครงการนี้ก็คือ
ปรานต์ ชิณณรงค์ แฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง
PrannChin : วันนี้พี่จะไปรับนะ
หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างฉงนใจแต่ก็ส่งสติกเกอร์ตอบกลับเป็นเชิงบอกว่ารับรู้แล้ว
ที่เมื่อวานเขาพาลใส่อาจจะเป็นเพราะงานยุ่งแล้วเธอดันไปถามเซ้าซี้เขาพอดี
Rarin : จะกินข้าวข้างนอกหรือจะกลับไปกินที่บ้านคะ
ถ้าจะกลับไปทานที่บ้านเธอก็จะได้แวะซื้อของสดด้วยเลย กว่าเขาจะเลิกงานก็คงจะซื้อของเสร็จพอดี
PrannChin : ซื้อที่ร้านแถวนั้นมาก็ได้ รินจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำกับข้าว
ระรินย่นจมูกน้อยๆ เมื่ออ่านข้อความของเขาจบ ปกติเธอก็ทำให้เขาทานทุกวันอยู่แล้ว
Rarin : งั้นเอาพะโล้หมูร้านประจำเนอะ
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากขัดใจเขา ชายหนุ่มว่าไงเธอก็ว่าตาม ไม่เคยดื้อ ไม่เคยเอะอะ ไม่เคยงอแงเลยสักนิด
PrannChin : อืม
ระรินหน้าม่อยลงทันทีที่เห็นเขาตอบมาสั้นๆ แบบนั้น นับวันเรายิ่งจะคุยกันน้อยลง ข้อความที่ส่งทิ้งไว้บางวันก็ไม่เปิดอ่าน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเราก็ไม่ค่อยได้โทรคุยกันแล้วเพราะต้องเจอหน้ากันทุกวันแต่ทำไมความสัมพันธ์มันยิ่งห่างเหินนะ
“น้องรินจ๊ะ คุณมิ้นต์มาน่ะค่ะ” พี่ฝนผู้ช่วยคนเก่งเยี่ยมหน้าผ่านประตูเข้ามาบอกเธอ หญิงสาวจึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามออกไป
มิ้นต์หรือมารีเป็นเพื่อนของแฟนเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนและหญิงสาวก็ได้แต่งงานกับมาวินซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน สองสาวจึงสนิทสนมกันไปโดยปริยาย มารีจึงมักจะแวะเข้ามาเยี่ยมเธออยู่บ่อยๆ
“พี่มาชวนน้องรินไปตัดชุดน่ะ”
“ชุดอะไรเหรอคะ”
“อ้าว นี่เป้ไม่ได้บอกเหรอว่าจะมีงานเลี้ยงรุ่นน่ะ ใครๆ เขาก็พาแฟนไปทั้งนั้น”
ระรินหน้าเจื่อนทันทีเพราะแฟนหนุ่มไม่ได้บอกอะไรเธอเลยจริงๆ
“ช่วงนี้พี่เป้ดูยุ่งๆ น่ะค่ะ น่าจะลืมบอก”
“เออ พี่ก็ว่างั้นแล้วนี่รินว่างรึเปล่า จะได้ออกไปพร้อมกันเลย”
“รินมีชุดออกงานเยอะพอควรเลยค่ะ พี่มิ้นต์ยื้มของรินไปก็ได้นะจะได้ไม่เปลืองตังค์”
มารีเอ็นดูยัยเด็กหวานคนนี้ไม่ไหวแล้ว หญิงสาวมักจะแบ่งปันโน่นนั่นนี่ให้คนอื่นเสมอ แต่จะรู้มั้ยว่ากำลังจะได้แชร์ผัวกับคนอื่นเนี่ย!
ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะได้หาเวลาคุยเรื่องนี้กับหญิงสาวเนี่ยแหละ นี่ถ้าเธอไม่บังเอิญไปได้ยินสามีกับเพื่อนคุยกันก็คงไม่ร้อนใจแทนสาวรุ่นน้องแบบนี้หรอก
“ตัดใหม่ดีกว่าจะได้เริ่ดๆ”
ระรินอมยิ้มให้กับสาวรุ่นพี่แต่เธอก็ต้องปฏิเสธไปเพราะมีนัดกับแฟนหนุ่มแล้ว มารีย่นหัวคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจ
หรือจะเป็นการทำดีส่งท้ายของไอ้เป้!?
ระรินไม่ได้อยู่จนถึงร้านปิดเพราะจะมีพนักงานคอยจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว เธอจึงออกไปซื้อกับข้าวระหว่างรอแฟนหนุ่มมารับ
หญิงสาวซื้อแต่เมนูที่เป็นของโปรดของเขาทั้งนั้นแม้แต่เมนูของหวานล้างปากก็ยังเป็นขนมไทยที่ปรานต์ชอบทาน
Rrrr
"ค่ะ"
'พี่ถึงแล้ว'
"เดี๋ยวรินเดินออกไปค่ะ ซื้อมะม่วงแป๊บ"
'โอเค'
เธอรับถุงมะม่วงจากร้านค้าข้างทางก่อนจะรีบวิ่งมายังรถเบนซ์คันหรูของเขา
ร่างบอบบางแต่มีส่วนเว้าส่วนโค้งวิ่งมาอย่างสดใส เธอหอบของพะรุงพะรังแต่ยังดูคล่องแคล่วไม่เงอะงะ
"เปิดหลังรถให้หน่อยค่ะ" เธอก้มหน้าบอกเขาหลังจากที่ชายหนุ่มเลื่อนกระจกลง ก่อนจะวิ่งไปเก็บของไว้หลังรถ
"เหนื่อยมั้ยคะ" เธอชวนคุยหลังจากที่เรานั่งเงียบอยู่นานและเขาก็ทำเพียงพยักหน้ารับเบาๆ หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบคลุมระหว่างสองเราอีกครั้ง
“พี่อยากยกเลิกงานแต่งของเรา” ปรานต์เอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบกันอยู่นาน
ระรินหันไปมองหน้าเขาเพื่อหวังว่าจะได้พบกับแววตาที่บ่งบอกว่าเขาล้อเล่นหรือหากว่ามันเป็นเรื่องจริงก็อยากให้ช่วยอธิบายสักหน่อย
“พี่พยายามรักรินให้เท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่พี่ทำไม่ได้”
แต่คำอธิบายของเขามันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้เธอยิ่งกว่าเดิม
“มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่เป้”
“พี่แค่อยากถอยมาอยู่กับตัวเอง”
“เราคบกันมาตั้งสี่ปี ทำไมถึงเพิ่งอยากถอยเอาตอนนี้คะ” เธอมองเขาด้วยแววตาเจ็บช้ำน้ำใจ
“พี่…หมดรักรินแล้ว พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีพี่ก็ไม่รู้สึกอะไรกับเธอแล้ว”
“พี่ก็เลยจะยกเลิกงานแต่งของเรา” ทั้งที่จะจัดเดือนหน้านี้อยู่แล้ว
เขาไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าถอนหายใจอย่างอึดอัด ปรานต์คลึงแหวนที่เรามอบให้กันสมัยที่คบกันแรกๆ มันเย็นเฉียบแถมยังบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ
“พี่ก็รู้ว่าแม่ของรินคาดหวังกับเรื่องนี้มาก แม่อยากให้รินเป็นฝั่งเป็นฝา”
“พี่ขอโทษที่เป็นผู้ชายคนนั้นให้รินไม่ได้อีกแล้ว”
ระรินน้ำตาหยดแหมะลงบนหลังมือ ปรานต์ปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใยเหมือนคนไม่เคยรักกันยังไงอย่างนั้น
“รินขอให้เรายังจัดงานแต่งเหมือนเดิมแต่ไม่ต้องจดทะเบียนได้มั้ยคะ”
“ริน” ชายหนุ่มก็หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่เธอยังเลือกที่จะดึงดันต่อ
“รินขอเวลาแค่หกเดือน ให้รินค่อยๆ บอกแม่เพราะรินกลัวว่าแม่จะเสียใจ แล้วหลังจากนั้นเราก็จะแยกย้ายกัน…”
“มันต้องใช้เวลาถึงหกเดือนเลยเหรอ”
“ถ้าหากแม่เข้าใจ…ก็อาจจะเร็วกว่านั้นค่ะ” ระรินปาดน้ำตาออกอย่างขมขื่น
คนหมดใจอะไรมันก็ดูฝืนไปหมดสินะ
ปรานต์เงยหน้าถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม แต่เห็นแก่ที่คบกันมานาน งั้นเขาจะช่วยอดทนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน
แล้วระรินจะได้เลิกหลอกตัวเองสักทีว่าต่อให้ใช้เวลากี่เดือนกี่ปีเขาก็กลับไปรักเธอเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
******************************
อื้อหือออ แกเอางี้เลยเหรอเป้ จะคอยดูน้ำหน้าคนหมดรักค่าาาา