เราเลิกกันเถอะ

2375 คำ
ปรานต์ยังหาจังหวะคุยกับแฟนสาวไม่ได้สักที ในใจลึกๆ ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ต้องจบความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัวแบบนี้แต่เขาคิดว่ามันเป็นผลดีสำหรับระรินที่สุดแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาอยู่กับเขา อยู่กับผู้ชายที่หมดรักเธอไปแล้ว "เป้กินข้าวยังอะ" โมนาเดินมาชวนเขาไปทานข้าวกลางวันเหมือนทุกวันและมันก็ได้กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ก่อนจะเดินตามเธอไปยังโรงอาหารของบริษัท โมนาเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอเรียนวิศวกรรมในขณะที่เขาเรียนสถาปัตยกรรม พอเรียนจบเธอก็มาสมัครงานที่บริษัทของครอบครัวเขาซึ่งตอนนี้ปรานต์เป็นคนรับช่วงต่อ โมนายิ้มบางๆ ให้คนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายก่อนจะหาข้ออ้างมาโน้มน้าวเขาเหมือนทุกครา “เรามีเรื่องอยากปรึกษาน่ะ ซินแสเล่นเราอีกละ” หล่อนว่ายิ้มๆ แต่ปรานต์พอจะเข้าใจเพราะวิศวกรกับซินแสนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้ว “โอเค งั้นไปกินข้าวก่อนก็ได้แล้วค่อยมาคุยกัน” เขายิ้มตอบก่อนจะปิดแล็ปท็อปลงแล้วค่อยเดินตามหลังร่างงามสะโอดสะองของโมนาไป เจ้าหล่อนสูงเพรียวและมีทรวดทรง ทุกการก้าวเดินก็ดูสง่าผ่าเผยและหยิ่งทะนง ให้ความรู้สึกอยากเอาชนะและหล่อนยังทำเขาตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้าใกล้อีกต่างหาก “กินไรดีอะ ร้านเดิมมั้ย” “อือ เราแล้วแต่โมเลย” เมื่อได้ยินแบบนั้นโมนาจึงเดินไปสั่งข้าวที่ร้านประจำแล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะ มีหลายครั้งหลายคราวที่หล่อนเดินมาเฉียดเนื้อเฉียดตัวของร่างสูงซึ่งเป้ก็รู้ดีว่าเธอ…ตั้งใจ เมื่อแม่ค้านำอาหารมาเสิร์ฟทั้งสองคนก็เริ่มทานข้าวกันเงียบๆ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยความเสน่หา โมนารวบผมยาวขึ้นเป็นมวยสูงเปิดเผยให้เห็นลำคอขาวผ่องน่าซุกไซ้ ปรานต์มองแล้วก็ได้แต่เผลอกลืนน้ำลายอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ “อันนี้ของชอบเป้” มือเรียวสวยตักอาหารให้ชายหนุ่มไม่หยุดและเขาก็เต็มใจทานอย่างไม่มีอิดออด หญิงสาวเห็นว่ามีแจ้งเตือนเข้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะถอนหายใจพร้อมกับแสดงสีหน้ากลัดกลุ้ม “มีอะไรรึเปล่าโม” “เปล่าหรอก” เธอยิ้มบางๆ “ก็คนที่เคยคุยนั่นแหละ ช่วงนี้ทะเลาะกันบ่อยน่ะ” ความจริงแล้วเธอไม่ได้คุยกับใครสักคนแต่อยากกระตุ้นให้ปรานต์รู้ว่าเธอก็ไม่ได้รอเขาแค่คนเดียว เพราะฉะนั้นชายหนุ่มต้องรีบจัดการเคลียร์ตัวเองให้เด็ดขาดได้แล้ว ซึ่งปรานต์ก็ตกหลุมพรางได้โดยง่าย เพราะความหลงกลิ่นใหม่ทั้งที่ยังได้ดอมดมจริงจังเลยด้วยซ้ำ กลับทำให้เขาลืมความรอบคอบไปจนหมดสิ้น “มีอะไรก็ปรึกษาเราได้ตลอดนะ” “ขอบใจนะ” เจ้าหล่อนส่งยิ้มสดใสมาให้จนใจแกร่งกระตุก จึงต้องเบนสายตาลงมองจานข้าวตัวเองแทน “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปหาพี่ตามเลยเนอะ” เธอชวนเขาคุยไปเรื่อยพร้อมกับเท้าคางมองสบตาคมลึกด้วยดวงตาหวานหยด “มีโปรเจกต์ใหม่เยอะเลย โมก็น่าจะรู้นี่” ปกติแล้วพวกเขาจะไปสังสรรค์กันที่ร้านพี่ตามซึ่งเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่หลังๆ มานี้ปรานต์ต้องเทรนงานเด็กใหม่ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปดื่มอย่างเคย “งั้นไว้ว่างๆ เราไปกันเนอะ” เขาตะลึงกับรอยยิ้มหวานของโมนาไปพักหนึ่งก่อนจะถูกสะกิดให้หลุดจากภวังค์โดยฝีมือมาวิน “สั่งไรมากินมั่งอะ” มาวินแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้น แล้วยังไง ใครสนกัน คนหนึ่งก็มีแฟนที่กำลังจะแต่งงาน อีกคนก็รู้ว่าเขากำลังจะมีเมียแต่ก็ยังทอดสะพานไม่เลิกรา มันสมควรมั้ย! เอ๊ะ หรือเขาควรจะปล่อยให้ผีเน่ากับโลงผุได้ลงเอยกัน “มึงยังไม่ได้แดกอีกรึไง” “ถ้าแดกแล้วจะหิวเรอะ” มาวินตวัดเสียงสูงใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะกระแทกก้นนั่งลงข้างๆ ปรานต์ “แล้วมอสอยากกินไรเดี๋ยวเราไปสั่งให้” โมนาอาสาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มาวินเห็นแล้วก็ยิ่งนึกหมั่นไส้ หันมองไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งโง่เหมือนคนโดนของแล้วก็ยิ่งฉุน “กินเท่านี้ก็ได้โม ไม่ต้องลำบากหรอก” ปรานต์รู้ว่ามาวินไม่ชอบใจโมนา ยิ่งรู้ว่าเขาหวั่นไหวไปกับเจ้าหล่อนเพื่อนก็คงจะยิ่งรู้สึกติดลบหนักเข้าไปอีก เขาจึงต้องคอยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ไม่ให้มันแย่ไปยิ่งกว่านี้ ฝั่งสาวเจ้าเองก็รู้ว่ามอสไม่ชอบตนแต่หล่อนก็ไม่คิดจะสนใจเพราะความตั้งใจจริงก็คืออยากป่าวประกาศให้คนรู้กันทั่วอยู่แล้วว่าปรานต์คิดยังไงกับหล่อน “มอสดูอารมณ์ไม่ดี ลูกค้าสั่งแก้งานเหรอ” “เปล่าหรอก อย่าสนใจเลย” ปรานต์เห็นเพื่อนมึนตึงใส่เธอ เขาก็ยิ่งนึกสงสารได้แต่ส่งยิ้มขอโทษขอโพยเพื่อไม่ให้โมนารู้สึกไม่ดี ไอ้เหี้ยมอสก็เหลือเกิน เขาก็อยู่ของเขาเฉยๆ มึงก็ยังจะไปแขวะเขาอีก! หลังจากทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับมาทำงานแต่โมนายังอุตส่าห์มีน้ำใจหอบหิ้วกาแฟร้านประจำมาให้ชายหนุ่มอีก “ขอบใจนะโม” ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกันสองหนุ่มสาวก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เขาจดจ้องอยู่เพียงดวงหน้าสวยสดอย่างหลงใหลแต่ก็ต้องรีบดึงตัวเองให้กลับมาอยู่ในโลกความเป็นจริงว่าเขามีแฟนแล้วและกำลังจะแต่งงานกันอีกด้วย! Rararin Spa ระรินเปิดร้านสปาสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะทั้งสปามือ สปาผิวและสปาผม เรียกได้ว่าด้านความสวยความงามของผิวพรรณนั้นเธอดูแลได้ครอบคลุมหมด แต่ร้านของเธอไม่ได้ใหญ่มากนัก พนักงานของที่นี่ก็มีเพียงสิบคน บางครั้งหากลูกค้าติดพันเธอก็ต้องไปช่วยพนักงานดูแลลูกค้าเองเหมือนกัน “น้องรินจ๊ะ ขนมอยู่ตรงนี้น้า” พี่ฝนชูถุงขนมที่เธอฝากซื้อ หญิงสาวจึงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปดูรายการสปาที่จะจัดโพรโมชันของเดือนนี้ Rararin Spa ตั้งอยู่ใน The YOLO ซึ่งเป็นคอมมูนิเคชันที่ติดกับรถไฟฟ้า ผู้คนเดินทางสะดวก นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มีลูกค้าโทรมาจองคิวที่ร้านทุกวัน The YOLO เป็นแหล่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมาก เพราะในโครงการนี้มีร้านต่างๆ มากมายเข้ามาเปิดกันหลากหลาย ทั้งวัยรุ่นวัยทำงานจึงชอบที่จะมาเดินเล่นและจับจ่ายใช้สอยกัน ดังนั้นค่าเช่าที่จึงแพงมากแต่มันก็ไม่เป็นปัญหากับระรินเลยแม้แต่น้อยเพราะเจ้าของโครงการนี้ก็คือ ปรานต์ ชิณณรงค์ แฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง PrannChin : วันนี้พี่จะไปรับนะ หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างฉงนใจแต่ก็ส่งสติกเกอร์ตอบกลับเป็นเชิงบอกว่ารับรู้แล้ว ที่เมื่อวานเขาพาลใส่อาจจะเป็นเพราะงานยุ่งแล้วเธอดันไปถามเซ้าซี้เขาพอดี Rarin : จะกินข้าวข้างนอกหรือจะกลับไปกินที่บ้านคะ ถ้าจะกลับไปทานที่บ้านเธอก็จะได้แวะซื้อของสดด้วยเลย กว่าเขาจะเลิกงานก็คงจะซื้อของเสร็จพอดี PrannChin : ซื้อที่ร้านแถวนั้นมาก็ได้ รินจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำกับข้าว ระรินย่นจมูกน้อยๆ เมื่ออ่านข้อความของเขาจบ ปกติเธอก็ทำให้เขาทานทุกวันอยู่แล้ว Rarin : งั้นเอาพะโล้หมูร้านประจำเนอะ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากขัดใจเขา ชายหนุ่มว่าไงเธอก็ว่าตาม ไม่เคยดื้อ ไม่เคยเอะอะ ไม่เคยงอแงเลยสักนิด PrannChin : อืม ระรินหน้าม่อยลงทันทีที่เห็นเขาตอบมาสั้นๆ แบบนั้น นับวันเรายิ่งจะคุยกันน้อยลง ข้อความที่ส่งทิ้งไว้บางวันก็ไม่เปิดอ่าน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเราก็ไม่ค่อยได้โทรคุยกันแล้วเพราะต้องเจอหน้ากันทุกวันแต่ทำไมความสัมพันธ์มันยิ่งห่างเหินนะ “น้องรินจ๊ะ คุณมิ้นต์มาน่ะค่ะ” พี่ฝนผู้ช่วยคนเก่งเยี่ยมหน้าผ่านประตูเข้ามาบอกเธอ หญิงสาวจึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามออกไป มิ้นต์หรือมารีเป็นเพื่อนของแฟนเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนและหญิงสาวก็ได้แต่งงานกับมาวินซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน สองสาวจึงสนิทสนมกันไปโดยปริยาย มารีจึงมักจะแวะเข้ามาเยี่ยมเธออยู่บ่อยๆ “พี่มาชวนน้องรินไปตัดชุดน่ะ” “ชุดอะไรเหรอคะ” “อ้าว นี่เป้ไม่ได้บอกเหรอว่าจะมีงานเลี้ยงรุ่นน่ะ ใครๆ เขาก็พาแฟนไปทั้งนั้น” ระรินหน้าเจื่อนทันทีเพราะแฟนหนุ่มไม่ได้บอกอะไรเธอเลยจริงๆ “ช่วงนี้พี่เป้ดูยุ่งๆ น่ะค่ะ น่าจะลืมบอก” “เออ พี่ก็ว่างั้นแล้วนี่รินว่างรึเปล่า จะได้ออกไปพร้อมกันเลย” “รินมีชุดออกงานเยอะพอควรเลยค่ะ พี่มิ้นต์ยื้มของรินไปก็ได้นะจะได้ไม่เปลืองตังค์” มารีเอ็นดูยัยเด็กหวานคนนี้ไม่ไหวแล้ว หญิงสาวมักจะแบ่งปันโน่นนั่นนี่ให้คนอื่นเสมอ แต่จะรู้มั้ยว่ากำลังจะได้แชร์ผัวกับคนอื่นเนี่ย! ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะได้หาเวลาคุยเรื่องนี้กับหญิงสาวเนี่ยแหละ นี่ถ้าเธอไม่บังเอิญไปได้ยินสามีกับเพื่อนคุยกันก็คงไม่ร้อนใจแทนสาวรุ่นน้องแบบนี้หรอก “ตัดใหม่ดีกว่าจะได้เริ่ดๆ” ระรินอมยิ้มให้กับสาวรุ่นพี่แต่เธอก็ต้องปฏิเสธไปเพราะมีนัดกับแฟนหนุ่มแล้ว มารีย่นหัวคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจ หรือจะเป็นการทำดีส่งท้ายของไอ้เป้!? ระรินไม่ได้อยู่จนถึงร้านปิดเพราะจะมีพนักงานคอยจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว เธอจึงออกไปซื้อกับข้าวระหว่างรอแฟนหนุ่มมารับ หญิงสาวซื้อแต่เมนูที่เป็นของโปรดของเขาทั้งนั้นแม้แต่เมนูของหวานล้างปากก็ยังเป็นขนมไทยที่ปรานต์ชอบทาน Rrrr "ค่ะ" 'พี่ถึงแล้ว' "เดี๋ยวรินเดินออกไปค่ะ ซื้อมะม่วงแป๊บ" 'โอเค' เธอรับถุงมะม่วงจากร้านค้าข้างทางก่อนจะรีบวิ่งมายังรถเบนซ์คันหรูของเขา ร่างบอบบางแต่มีส่วนเว้าส่วนโค้งวิ่งมาอย่างสดใส เธอหอบของพะรุงพะรังแต่ยังดูคล่องแคล่วไม่เงอะงะ "เปิดหลังรถให้หน่อยค่ะ" เธอก้มหน้าบอกเขาหลังจากที่ชายหนุ่มเลื่อนกระจกลง ก่อนจะวิ่งไปเก็บของไว้หลังรถ "เหนื่อยมั้ยคะ" เธอชวนคุยหลังจากที่เรานั่งเงียบอยู่นานและเขาก็ทำเพียงพยักหน้ารับเบาๆ หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบคลุมระหว่างสองเราอีกครั้ง “พี่อยากยกเลิกงานแต่งของเรา” ปรานต์เอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบกันอยู่นาน ระรินหันไปมองหน้าเขาเพื่อหวังว่าจะได้พบกับแววตาที่บ่งบอกว่าเขาล้อเล่นหรือหากว่ามันเป็นเรื่องจริงก็อยากให้ช่วยอธิบายสักหน่อย “พี่พยายามรักรินให้เท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่พี่ทำไม่ได้” แต่คำอธิบายของเขามันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้เธอยิ่งกว่าเดิม “มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่เป้” “พี่แค่อยากถอยมาอยู่กับตัวเอง” “เราคบกันมาตั้งสี่ปี ทำไมถึงเพิ่งอยากถอยเอาตอนนี้คะ” เธอมองเขาด้วยแววตาเจ็บช้ำน้ำใจ “พี่…หมดรักรินแล้ว พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีพี่ก็ไม่รู้สึกอะไรกับเธอแล้ว” “พี่ก็เลยจะยกเลิกงานแต่งของเรา” ทั้งที่จะจัดเดือนหน้านี้อยู่แล้ว เขาไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าถอนหายใจอย่างอึดอัด ปรานต์คลึงแหวนที่เรามอบให้กันสมัยที่คบกันแรกๆ มันเย็นเฉียบแถมยังบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ “พี่ก็รู้ว่าแม่ของรินคาดหวังกับเรื่องนี้มาก แม่อยากให้รินเป็นฝั่งเป็นฝา” “พี่ขอโทษที่เป็นผู้ชายคนนั้นให้รินไม่ได้อีกแล้ว” ระรินน้ำตาหยดแหมะลงบนหลังมือ ปรานต์ปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใยเหมือนคนไม่เคยรักกันยังไงอย่างนั้น “รินขอให้เรายังจัดงานแต่งเหมือนเดิมแต่ไม่ต้องจดทะเบียนได้มั้ยคะ” “ริน” ชายหนุ่มก็หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่เธอยังเลือกที่จะดึงดันต่อ “รินขอเวลาแค่หกเดือน ให้รินค่อยๆ บอกแม่เพราะรินกลัวว่าแม่จะเสียใจ แล้วหลังจากนั้นเราก็จะแยกย้ายกัน…” “มันต้องใช้เวลาถึงหกเดือนเลยเหรอ” “ถ้าหากแม่เข้าใจ…ก็อาจจะเร็วกว่านั้นค่ะ” ระรินปาดน้ำตาออกอย่างขมขื่น คนหมดใจอะไรมันก็ดูฝืนไปหมดสินะ ปรานต์เงยหน้าถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม แต่เห็นแก่ที่คบกันมานาน งั้นเขาจะช่วยอดทนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน แล้วระรินจะได้เลิกหลอกตัวเองสักทีว่าต่อให้ใช้เวลากี่เดือนกี่ปีเขาก็กลับไปรักเธอเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ****************************** อื้อหือออ แกเอางี้เลยเหรอเป้ จะคอยดูน้ำหน้าคนหมดรักค่าาาา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม