บทนำ
ชายหนุ่มผู้มีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซ็นติเมตรกำลังสาวเท้าเดินเข้ามาในร้านเหล้าที่เป็นเหมือนห้องมีตติงของบรรดาเพื่อนฝูงตั้งแต่สมัยมัธยม แต่วันนี้เขากลับนัดเพื่อนมาเพียงคนเดียวเพื่อที่จะระบายความอึดอัดภายในใจที่มันแน่นจนอยากควักออกมาทุ่มลงพื้นเสียเดียวนี้
“มึงเป็นไรไอ้เป้” มาวินขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่ามันเอาแต่นั่งเงียบแถมยังแดกเหล้าไม่หยุดอีกต่างหาก
“กูอยากเลิกกับรินว่ะ”
“เดี๋ยวนะๆ พวกมึงทะเลาะอะไรกัน” มาวินยิ่งงงหนักมากกว่าเดิม
จะแต่งงานกันเดือนหน้านี้แล้วแต่เสือกอยากเลิก! กูงง!
“บอกตรงๆ ว่ากูหมดรักรินแล้วว่ะ”
“หมดรักหรือหมดความตื่นเต้น” มาวินดักคออย่างรู้ทันและมันก็พ่นลมหายใจออกมาแทนคำตอบ
“รินทำอะไรก็ดูจะขวางหูขวางตากูไปหมดเลย”
“เพราะตอนนี้มีใครทำอะไรเข้าตามึงมากกว่ารึเปล่า” มาวินรู้ทันอีกแล้ว
เขาเคยได้ยินเพื่อนในทีมแซวมันเรื่อง ‘ผู้หญิงคนใหม่’ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงเพราะไอ้เป้มันรักแฟนจะตายห่า
“กูคิดว่า…กูรู้สึกดีกับโม”
“โป๊ะเช๊ะ!” มาวินตบมือเสียงดัง
โมนาคือเพื่อนในทีมวิศวกร พวกเรามักจะได้ทำงานร่วมกันอยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่เจ้าหล่อนมักจะให้คำปรึกษาปัญหาหัวใจกับไอ้เป้แต่ตอนนี้กลับกำลังจะได้เข้าไปอยู่ในใจของมัน
เอ๊ะ หรือเข้าไปแล้ววะ
พวกมึงไปถึงขั้นไหนแล้ว”
“มึงก็ถามเหี้ยเกินไอ้มอส”
“โถๆๆ มันเหี้ยตั้งแต่ที่มึงไปหวั่นไหวกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนแล้วครับเพื่อน”
“ยังไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำแต่กูแค่คิดว่ากูน่าจะชอบเขา” ปรานต์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไงกับโมนา แต่ตอนนี้เธอคือคนที่เข้าใจเขาที่สุด ทั้งเรื่องงานและอะไรต่างๆ
“มึงมั่นใจจนถึงขนาดจะเลิกกับรินเลยเหรอ”
“กูก็ไม่รู้ แต่กูคงแต่งกับเขาไม่ได้แล้วว่ะ”
“มึงคุยกับตัวเองให้มันชัวร์ๆ ก่อนเถอะว่ะ ระยะเวลาสี่ปีนะเว้ยไม่ใช่แค่สี่วัน”
“กูคิดดีแล้ว”
“สรุปคือจะเลิกให้ได้?”
“…”
“แล้วงานแต่งมึงจะเอาไง เตรียมอะไรไว้หมดแล้วด้วย แขกเหรื่อคงตัดชุดเตรียมมางานมึงหมดละมั้ง”
“กูว่าจะลองคุยกับรินก่อน” เขาเองก็ห่วงน้อง เพราะเรื่องนี้ผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย
การ์ดก็แจกไปหมดแล้ว ของชำร่วยก็เตรียมไว้แล้ว ออแกไนซ์จัดงานก็จ้างไว้หมดครบทุกอย่างแล้ว มีแค่เขานี่แหละที่ไม่พร้อม
“มึงหาคำพูดดีๆ ก็แล้วกันไอ้เป้ พูดตรงๆ นะว่าเรื่องนี้มึงแม่งเหี้ยจริง”
“กูมาปรึกษานะ ไม่ได้ให้มาด่าไอ้ห่านี่”
“มึงมั่นใจว่าอยากได้คำปรึกษา? ไม่ใช่ว่าตัดสินใจไปแล้วหรอกเหรอ”
“เกลียดมึงว่ะ”
ปรานต์หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่เพื่อนมารู้ทันความคิดเขาทุกอย่างแบบนี้แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
ชายหนุ่มตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกหนักหัว เมื่อคืนนี้เขาถึงบ้านยังไงก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าดื่มไปเยอะมาก น็อกตอนไหนยังไม่รู้เลย
“พี่เป้ดื่มกาแฟหน่อยมั้ย” ระรินแง้มประตูห้องนอนออกน้อยๆ พร้อมกับเยี่ยมหน้าเข้ามาถามว่าที่สามีแต่เขากลับทำเพียงมองหน้าเธอนิ่งๆ
“ว่าไงคะ เดี๋ยวรินลงไปชงให้” เธออยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนลายหมีถือลูกสตรอเบอร์รีดูน่ารัก ซึ่งมันเป็นภาพที่เขาชินตาแล้วที่จะเห็นเธอลุกมาทำกับข้าวแบบนี้ทุกเช้า
เราสองคนย้ายเข้ามาอยู่เรือนหอได้หลายเดือนแล้ว ระรินก็ทำหน้าที่ดูแลบ้านและเทกแคร์เขาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด
“พี่เป้ไม่สบายรึเปล่าคะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยววันนี้รินเลื่อนนัดแม่ให้”
ใช่สิ วันนี้เรามีนัดทานข้าวกับครอบครัวของระริน อาจจะคุยเรื่องงานแต่งหรือไม่ก็คงเป็นเรื่องจดทะเบียนสมรส
ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ยิ่งเครียด!
“ว่าไงคะ ไหวรึ…”
“รินอยู่เงียบๆ บ้างได้มั้ยพี่ปวดหัว!” เขาเผลอตะคอกใส่จนหญิงสาวหยุดชะงัก เท้าเรียวที่กำลังก้าวเข้าไปหาเขาด้วยความเป็นห่วงก็หยุดนิ่งเช่นกัน
“งั้นพี่เป้นอนพัก…”
“ออกไปเถอะ พี่ปวดหัว”
“เดี๋ยวรินไปเอายา…”
“พี่บอกให้ออกไปก่อนริน”
หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึก เธอคิดว่าเขาอาจจะกำลังเครียดกับงานหรือไม่ก็อาจจะหงุดหงิดเพราะตัวเองไม่สบายแต่เขาไม่เคยพาลใส่เธอแบบนี้
ไม่สิ เดือนสองเดือนมานี้ปรานต์ก็ทำเหมือนกับรำคาญเธอเสียเต็มประดา ไม่บอกก็รับรู้ได้เองว่ามันมีบางอย่างเปลี่ยนไป
***********************************
ฝากเอ็นดูลูกสาวคนใหม่กับลูกเขยโบ้ด้วยนะคะ