วาทิตเอ่ยกับพราวเดือน ไม่เหลือเยื่อใยใด ๆ ทั้งสิ้น
พราวเดือนเหลือบมองไปทางผู้หญิงของเขา เห็นกำลังตั้งท้องอ่อน ๆ เธอคงไม่รู้เรื่องหรืออาจจะรู้เรื่อง แต่พราวเดือนไม่คิดจะระราน ถึงอย่างไรก็มีความเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน
เธอเจ็บปวดหัวใจ บอบช้ำกับความรู้สึก ไม่เคยคาดคิดเลยว่าวาทิตจะเปลี่ยนแปลงไปเหมือนเป็นคนละคน
แท้จริง เธอเองนั่นแหละที่เพิ่งจะรับรู้ว่าวาทิตมีอีกคน ซึ่งเขามีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมี เพราะเหตุนี้เอง หลาย ๆ เรื่องจึงห่างเหินกันไปโดยปริยาย ไม่มีการร่วมรัก ไม่มีคำปลอบโยน ในช่วงเวลาที่เขาทำตัวแย่ ๆ แท้จริงเขาต้องการออกจากบ้านสิทธิรังสรรค์ต่างหากล่ะ
พราวเดือนตบหน้าวาทิต แล้วหมุนร่างก้าวจากมา
ในเมื่อไม่เหลือเยื่อใยกับเธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเหลือเยื่อใยใด ๆ กับเขาเหมือนกัน ชีวิตของเธอผ่านอะไรมามาก ยังจะต้องกลัวอะไรอีก
พราวเดือนกลับมาถึงบ้านสิทธิรังสรรค์ พยายามยิ้มกลบเกลื่อน แต่...
“เกิดอะไรขึ้น” เสี่ยเวทินถาม นี่ก็แสดงว่า เธอไม่สามารถปกปิดความผิดปกติบนสีหน้าได้เลย
แค่คำถามเดียว พราวเดือนต้องโผเข้าสู่อ้อมกอดของเสี่ยเวทิน ซึ่งเธอรู้ดีว่าฐานะของเธอเป็นแค่สะใภ้เท่านั้น
“บอกพ่อมา เกิดอะไรขึ้น”
“คุณวาทิต...” เสียงของหญิงสาวสะอื้นแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
แม้หญิงสาวจะไม่ได้อธิบายทั้งหมด แต่เสี่ยเวทินก็สามารถลำดับเรื่องราวได้ไม่ยาก
“ช่างมันเถอะ ปล่อยมันไป”
“คุณพ่อคะ”
“พ่อเข้าใจหนูนะ เข้าใจดีด้วย พ่อให้สัญญาว่าจะช่วยหนูทุกอย่าง เราจะฟื้นทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับคืนมาอีกครั้งให้ได้ แม้ว่าสภาพร่างกายของพ่อจะไม่เต็มร้อยก็ตาม”
อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ดังกล่าว เหมือนกับกลายเป็นแรงผลักดันอีกอย่างหนึ่งให้กับทั้งพราวเดือนและเสี่ยเวทิน
ร่างกายของเสี่ยเวทินดูจะกลับมาดีวันดีคืน จนเกือบจะเป็นปกติ ซึ่งอันที่จริง ร่างกายเพิ่งจะห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เสี่ยเวทินก็เริ่มทำงานแล้ว
เวลานี้ เสี่ยเวทินกับลูกสะใภ้สาวเหมือนตัวติดกัน เพราะที่ไหนมีเสี่ยเวทิน ที่นั่นต้องมีพราวเดือน
ด้วยว่าฐานะทางการเงินยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก หนี้มหาศาลจำเป็นต้องได้รับการชำระ ธนาคารหลายแห่งยังไม่สามารถผ่อนผันใด ๆ ได้ มีอย่างเดียวต้องพยายามชำระให้ตรงตามเวลา คนงานในโรงงานที่เหลือแห่งเดียวไม่มีใครปริปากบ่น พยายามรัดเข็ดขัดทุกวิถีทาง