ทั้งพราวเดือนและเสี่ยเวทินหลุดปากออกมาพร้อมกันราวนัดหมาย
สภาพของวาทิตไม่ได้ดูดีขึ้นเลย
“พ่อ สวัสดีครับ” วาทิตยกมือไหว้
“อืม เป็นไงบ้างล่ะ” เสี่ยเวทินถามเสียงเรียบ
“แย่ครับพ่อ”
“ถ้าแกยังทำตัวเหมือนเดิม ชีวิตของแกก็ยังคงเหมือนเดิมหรือเลวร้ายกว่าเดิม”
“งั้นเหรอครับพ่อ” น้ำเสียงของวาทิตฟังดูไม่ยี่หระอะไร แม้แต่คำสอนของผู้เป็นพ่อ “ผมมันไม่เอาไหนอยู่แล้วนี่ครับ”
พราวเดือนเวลานี้ทำได้แค่นิ่งงัน ไม่แน่ใจว่าวาทิตจะได้เห็นเหตุการณ์ระหว่างเธอกับเสี่ยเวทินข้างนอกบ้านหรือเปล่า
ถ้าเห็น เธอจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร แน่ละว่าไม่เหลือถ้อยคำอธิบายใด ๆ หรือต่อให้อธิบาย ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าใจ
นี่แหละจึงเป็นที่มาของความอึดอัด
“ผมขอกลับมาได้ไหมครับ”
คำพูดของวาทิต ทำให้เสี่ยเวทินต้องหันไปสบตากับพราวเดือน แน่ละ รู้คำตอบอยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร เพราะวาทิตคือลูก อีกอย่างต่อให้เขาไม่เอาไหนหรือเลวร้ายมากกว่านี้ เขาก็คือสายเลือดแท้ ๆ
ขณะที่พราวเดือนเป็นเพียงสะใภ้...
“แล้วเมียใหม่แกล่ะวาทิต”
“มันหนีไปแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“ผมมันไม่เอาไหนนี่ครับ”