ศศิมาเดินไปเดินมาไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินทำไมทั้งๆ ที่ก็คิดอะไรไม่ออก ภาพของอักษรากับพราวฟ้ายังคงติดตาไม่ยอมไปไหน และรบกวนความคิดของเธอตลอดเวลาทั้งๆ ที่เธอก็พยายามแล้วที่จะสลัดออกไปจากความรู้สึกของตัวเอง
“เป็นบ้าอะไรนะศศิ จะคิดอะไรนักหนา” ศศิมายังคงเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง แต่ก็ถูกดึงความสนใจไปได้ชั่วครู่ เมื่อเห็นเงาของใครบางคน เดินผ่านไป ศศิมาเปิดหน้าต่างแง้มดูก็พอดีกับที่อักษราเดินผ่านมา
“ยังไม่นอนอีกหรือคะ เห็นเงาแว๊บๆ เดินไปเดินมาอยู่” อักษราถามแก้เก้อเพราะรู้ดีว่าอีกสักครู่คงมีคำถามที่เธอไม่อยากตอบและไม่อยากโกหกถามขึ้นแน่
“มาทำอะไรค่ำๆ มืดแบบนี้คะ” ศศิมาถาม
“ถามเหมือนจับขโมยได้เลยนะคะ” อักษราหาทางเลี่ยงที่จะตอบคำถามของศศิมาเพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“เหมือนแมวขโมย” ศศิมาพูดเหน็บอักษรา แล้วก็รู้สึกผิดเพราะตัวเธอเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
“จับได้หรือเปล่าคะ ว่ามาขโมยอะไร” อักษราพูดแหย่ศศิมาแล้วก็ยิ้มสวยๆ ให้คนที่ยังคงยืนจ้องเธอเขม็ง
“ถ้าเป็นขโมยจริงจะยอมบอกไหมล่ะว่ามาขโมยอะไร” ศศิมายังคงถามคำถามรุกคืบต่อ เผื่อบางทีอาจจะได้รู้เรื่องราวระหว่างสอง
คนที่ยังคงทำให้สับสน
“ขโมยที่ไหนจะยอมบอกล่ะคะ” อักษราพูดยิ้มๆ แต่หน้านิ่งๆ ของศศิมาทำให้อักษราเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะคนที่ยืนคุยอยู่กับเธอที่หน้าต่างในตอนนี้ดูท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ความน่ารักร่าเริงสดใสหายไปหรืออาจจะเพราะเหนื่อยจากงาน อักษราแอบคิด
“นั่นสินะ ขโมยอย่างไรเสียก็คงไม่ยอมรับสารภาพแน่ๆ ปิดปังมาตลอด” ประโยคท้ายกับน้ำเสียงแปลกๆ ทำให้อักษราเริ่มคิดว่าตัวเธอเองหรือเปล่าที่ทำให้เจ้าของรีสอร์ทที่ยืนคุยอยู่ด้วยอารมณ์ไม่ดี
“โกรธบุ๊คหรือคะ” อักษราถามตรงๆ เพราะเธอพูดตรงกับศศิมามาโดยตลอดตั้งแต่รู้จักกันมา นอกเสียจากบางเรื่องเท่านั้นที่ไม่ได้พูด
“พี่จะมีสิทธิ์อะไรไปโกรธบุ๊คล่ะ” ศศิมาพูดจบก็เดินออกห่างจากบานหน้า ต่างบริเวณที่อักษรายืนอยู่
“ไม่โกรธก็ออกมาคุยกันหน่อยได้ไหมคะ”
“พี่ไม่อยากคุยกับบุ๊ค กลับไปได้แล้วค่ะ” ศศิมาพูดแล้วกลับมานั่งลงที่เตียงนอนของตัวเอง อักษราเงียบไปได้สักครู่จนศศิมาคิด
ว่าคงจะกลับไปแล้ว แต่เสียง เคาะประตูหน้าห้องพักก็ดังขึ้น
“ถ้าไม่เปิดไม่ยอมออกมาคุย บุ๊คจะยืนรอตรงนี้ให้ยุงกัดตายไปเลยนะคะ” อักษรายืนยิ้มอยู่หน้าประตูและเคาะเบาๆ อีกสองสามค
รั้ง
“ตื้อจริงๆ เลย พี่ต้องทำอย่างไรถึงจะได้หัวใจบุ๊คมา” ศศิมายืนคิดอยู่สักครู่ ก็เดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มทะเล้นๆ ของอักษราที่ทำให้ศศิมาใจอ่อนเสมอเมื่อได้เห็น
“บุ๊คไปทำอะไรให้เคืองพระทัยคะ ดีกันนะ” อักษรายิ้มทะเล้นยกนิ้วก้อยยื่นให้ศศิมาที่ถอนใจ เมื่อได้เห็นความน่ารักของคนที่ยังคงยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“เลิกทำน่ารักแบบนี้ใส่พี่ได้แล้วค่ะ” ศศิมาพยายามบอกกับตัวเองให้หยุดหวั่นไหวไปกับเจ้าของรอยยิ้มสวยๆ นั้น
“ท่าทางจะโกรธจริงๆ เสียด้วย เรื่องอะไรกันคะ บอกบุ๊คให้รู้ตัวหน่อยได้ไหมจะได้ปรับปรุงตัว บุ๊คขอโทษค่ะที่ทำให้พี่ศศิไม่สบาย
ใจ” อักษรารู้สึกผิดทั้งๆ ที่ยังไม่รู้สาเหตุ แต่ศศิมาก็ไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับเธอเลยตั้งแต่รู้จักกันมาห้าหรือหกปีสาวสวยรุ่นพี่คนนี้มี
ความจริงใจและรอยยิ้มที่สดใสให้กับเธอเสมอ นั่นเป็นกำลังใจที่ดีที่ทำให้ผ่านเรื่องราวหนักหนาของชีวิตมาได้ แต่ตอนนี้เธอกำลังทำให้คนที่ดีที่สุดคนหนึ่งในชีวิตไม่สบายใจ
“ไม่เคยโกรธได้เลยสักครั้ง” ศศิมารำพึงเบาๆ แต่ก็สร้างรอยยิ้มให้กับอักษราที่พอจะได้ยินสิ่งที่ศศิมาพูดออกมา
“ต้องทำอย่างไรนะ ถึงจะหายโกรธ” อักษราพูดแล้วทำท่าคิด ศศิมาเห็นท่าทางของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็พยายามที่จะกลั้นรอย
ยิ้มเอาไว้ กลัวคนที่กำลังหาทางทำให้เธอหายโกรธจะได้ใจ
“มาให้กอดก็หายแล้วค่ะ” ศศิมาพูดขึ้น พอดีกับที่เหลือบไปเห็นพราวฟ้าเดินมา มองเห็นไม่ชัดนัก แต่น่าจะใช่ เพราะเดินมาจาก
ทางด้านบ้านพักของ พราวฟ้า ศศิมาจึงถือโอกาสอ้อนอักษรา อยากรู้เหมือนกันว่า คนที่กำลังเดินมาถ้าเห็นอักษรากำลังกอดเธออยู่จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“โอ้โหอ้อนตั้งนาน หายโกรธจริงนะคะ” อักษรายิ้มทะเล้นมองสบตากับศศิมาที่กำลังเข้าสวมกอดอักษรา หลังจากที่มองเห็นพราว
ฟ้าเดินเข้ามาใกล้ แต่ก็ใช่เพียงแค่กอด แต่ริมฝีปากอุ่นๆ กลับทาบทับแผ่วๆ ไปที่ปากเรียวสวยของอักษราซึ่งไม่ทันตั้งตัว เพราะไม่คิดว่าจะโดนรุกเร้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้
“ยังไม่หายโกรธนะคะ ถ้าดื้อล่ะก็ พี่จะไม่ยอมพูดด้วยเลยนะคอยดู” ศศิมาอมยิ้ม มองไปทางพราวฟ้าที่หยุดยืนและจ้องมองมาทางเธอกับอักษรา ซึ่งหันหลังอยู่และไม่มีโอกาสได้เห็นว่า มีใครอีกคนกำลังจ้องมองอยู่
“พี่ศศิชอบแกล้งบุ๊ค รู้หรือเปล่าคะว่าตัวเองจะเสียหายมากกว่า”
“ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนก็แค่กอด” ศศิมายิ้มทะเล้น
“จูบด้วยต่างหาก” อักษราบ่นงึมงำ
“แค่นี้มาทำบ่น ถ้าอย่างนั้นแค่หอมแก้มก็ได้ สัญญาว่าหอมแก้มแล้วจะปล่อยตัวกลับไป” ยังไม่ทันจะได้รับการอนุญาตแต่อย่างไร
ศศิมาก็ถือโอกาสที่อักษรากำลังเผลอหอมแก้มทั้งซ้ายขวาและกอดกระชับเอาไว้แนบแน่น
“ลวนลามน้องตลอดนะคะ คนอื่นจะเข้าใจผิดนะคะ พี่ศศิ” อักษราพูดขึ้นลอยๆ แต่ในใจก็แอบคิดถึงใครบางคน
“ก็ช่างคนอื่นสิ เราน่ะเมื่อไรจะเปิดใจเสียที รู้อยู่เต็มอกว่าพี่รู้สึกอย่างไร กับเรา ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่เคยอยู่ในสายตา พี่ต้องทำอย่าง
ไรคะ บุ๊คถึงจะมองพี่บ้าง”
“คนดีๆ ที่จะดูแลพี่ศศิได้ดีกว่าบุ๊คมีตั้งเยอะแยะ ไม่ลองเปิดใจให้พวกเค้าบ้างล่ะคะ” อักษราถามกลับ
“บุ๊ครู้ไหม พูดเรื่องนี้กับบุ๊คทีไรพี่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเอาเสียเลย”
“ไม่เอาค่ะ อย่าคิดมาก บุ๊คกอดแล้วนะ เข้านอนได้แล้วค่ะ” อักษราพูดสรุปและพูดแกมบังคับให้ศศิมาเข้านอน
“เสียใจ อย่ามาหลอกล่อเสียให้ยาก หอมแก้มคืนด้วย ไม่อย่างนั้นนะ จะยืนกอดอยู่ตรงนี้ไม่ให้ไปไหนจริงๆ นะคะ” ศศิมาพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม แต่ก็แอบอมยิ้มกับหน้าตาบึ้งตึงของอักษรา
“ก็ได้ หอมแก้มแล้วไปนอนจริงๆ นะคะ” อักษรารอให้ศศิมาพยักหน้าเป็นการตอบตกลง ศศิมาอมยิ้มมองสบตากับอักษรา
“แก้มพี่มันไม่หอมหรืออย่างไร ต้องทำหน้าพะอืดพะอมเสียขนาดนั้น”
“เปล่าสักหน่อยค่ะ หลับตาก่อน” อักษราพูดต่อรอง หลังจากหอมแก้มซ้ายและขวาของศศิมา แล้วก็รีบวิ่งหายไปในความมืดทันที
“ร้ายนักนะ แม่สาวชาวไร่” ศศิมาอมยิ้มมองตามอักษราจนลับตาก่อนที่จะหันกลับไปมองพราวฟ้า ซึ่งเดินกลับห้องพักไปแล้ว
พราวฟ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของเธอ หัวใจเหมือนหล่นวูบไม่รู้ไปตกอยู่ที่ไหน หลังจากที่เห็นศศิมาจูบอักษราและคนที่เพิ่งทำให้เธอรู้สึกดีกลับไปหอมแก้มศศิมาด้วยความเต็มใจ การโอบกอด เสียงพูดคุยกะหนุงกะหนิงถึงได้ยินแค่แว่วๆ ถ้าใครได้ยินอย่างเธอ ก็คงคิดเหมือนกับที่เธอคิดว่า เป็นอาการหยอกล้อ ของคนที่เป็นคู่รักกัน แต่เสียงเรียกเข้าจากเครื่องโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของพราวฟ้าเสียก่อน
“กลับถึงไร่แล้วค่ะ ฝันดีนะพราว” อักษราอมยิ้มเมื่อได้บอกฝันดีกับพราวฟ้า
“ค่ะ” พราวฟ้าไม่รู้จะพูดอะไรเพราะยังคงสับสนกับสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่เพิ่งได้เห็นไปไม่นานนักกลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า
ตอนที่ตัดสินใจที่จะไปจากชีวิตของอักษราเสียอีก หัวใจของเธอไม่เคยที่จะหลุดพ้นจากผู้หญิงคนนี้ได้เลยแม้ แต่วินาทีเดียว ถ้าไม่รักก็คงไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่ได้เห็นศศิมาจูบอักษราและภาพที่อักษราหอมแก้มศศิมาโดยไม่ได้มีท่าทางอิดออดแต่อย่างใด เหมือนดังว่าสองคนนั้นแสดงความรักต่อกันเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่เธอไม่เคยได้เห็นและไม่รู้มาก่อน
“ทำไมเงียบไปคะ พูดแค่ค่ะ คำเดียว ไม่คิดจะบอกให้บุ๊คฝันดีบ้างหรืออย่างไรกันคะ” อักษราพูดอ้อนคนที่อยู่ปลายสาย
“พี่ศศิคงพูดไปก่อนพราวแล้วหรือเปล่าคะ” พราวฟ้าพูดจบก็วางสายไปในทันทีทำเอาอักษรานิ่งไปสักครู่และพยายามโทรกลับไป
อีกหลายครั้ง แต่พราวฟ้าก็ไม่ยอมรับสาย
“หรือว่า พราว” อักษราคิดว่าพราวฟ้าคงจะเห็นเธอตอนที่อยู่กับศศิมา
พราวฟ้าตื่นแต่เช้าตรู่แจ้งกับพนักงานว่าเธอกำลังจะออกเดินทางต่อและขอจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพัก แต่พนักงานกลับบอกกับเธอว่าศศิมาแจ้งไว้ว่าพราวฟ้าเป็นแขกพิเศษไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างไร
“รับอาหารเช้าก่อนออกเดินทางดีกว่าไหมคะ” พนักงานของรีสอร์ทบอก กับพราวฟ้าที่นึกขอบคุณอยู่ในใจ
“ฝากขอบคุณพี่ศศิด้วยนะคะ เอาไว้ขากลับเข้ากรุงเทพฯ พราวจะแวะมาขอบคุณพี่ศศิอีกครั้ง ถ้าอย่างไรเสียฝากเรียนแจ้งด้วยนะ
คะ” พราวฟ้าเลือกที่จะไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างกับครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ เพราะครั้งนั้นไปด้วยความสับสน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ความสับสนที่มีอยู่ในหัวใจของเธอ ณ เวลานี้
“ได้ค่ะ โอกาสหน้าทางรีสอร์ทคงได้รับใช้คุณพราวฟ้าอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พราวฟ้าตรงมาที่รถและกำลังตรวจเช็คว่าตัวเองลืมอะไรไว้หรือไม่ระหว่าง ที่กำลังก้มๆ เงยๆ ดูของในกระเป๋าก็ต้องตกใจเมื่อถูก
โอบกอดเอาไว้จากทางด้าน หลัง คางที่เชยอยู่ที่ไหล่กับแก้มนิ่มๆ ทำให้รู้ว่าคนที่สวมกอดเธอนั้นเป็นใคร พราวฟ้าพยายามขยับตัวเล็กน้อย แต่ร่างกายดูจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับความคิดและหัวใจของเธอนัก
“จะหนีอีกแล้วนะคะ” อักษรากระซิบถามแล้วแนบแก้มตัวเองให้แนบชิดกับพราวฟ้ามากขึ้น
“ปล่อยได้แล้ว พราวอึดอัดนะบุ๊ค” พราวฟ้าพูดเสียงเข้ม หวังว่าอักษราจะยอมปล่อยเธอแต่โดยดี ไม่อยากให้ใครมาเห็นโดย
เฉพาะศศิมา
“ไม่มีทาง บุ๊คไม่ยอมให้พราวไปไหน” อักษราพูดเสียงเข้มเช่นกัน และกอดกระชับตัวพราวฟ้าเอาไว้แน่น
“บอกให้ปล่อย”
“ปล่อยก็ได้แต่ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ อ้อเอากุญแจมาด้วยค่ะ” อักษราปล่อยอย่างที่ได้บอกออกไป แล้วยื่นมือมาตรงหน้ามองสบตากับพราวฟ้า
“ไม่ค่ะ พราวจะไปแล้ว”
“บุ๊คไม่อยากบังคับพราวนะ ขอกุญแจคะ” อักษราจ้องเขม็ง พราวฟ้าไม่เคยเห็นอักษราแสดงออกอย่างนี้มาก่อน สายตาเด็ดเดี่ยว
ที่จ้องมองมาดูน่าเกรงขาม ไม่ได้อ่อนแอหรือหลบสายตาของเธอเวลาจ้องมองกันเหมือนอย่างแต่ก่อน
“แต่บุ๊คกำลังบังคับพราวอยู่นะ” พราวฟ้าขึ้นเสียงไม่ยอมที่จะส่งกุญแจให้
“ขอร้องอย่าเพิ่งไปไหน อยู่กับบุ๊คก่อน ไปคุยกันก่อนนะ” สายตาของอักษราเปลี่ยนไป สายตาอ้อนคู่นี้กำลังจ้องมองพราวฟ้า รอย
ยิ้มจางๆ กับสายตาอ่อนโยนกำลังทำให้พราวฟ้าใจอ่อน
“ก็ได้ค่ะ แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ” พราวฟ้าอยากพาตัวเองออกมาจากสิ่งที่เข้าจู่โจมเธอ ความบังเอิญที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้เธอ
คิดไปว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเธออยู่แน่ๆ หรือเพราะเธอเคยทำให้อักษราเสียใจ เธอจึงสมควรที่จะได้รับความเสียใจนั้นด้วยเช่นกัน และสิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นกับเธอ หัวใจที่เจ็บปวดกับภาพที่เห็นระหว่างอักษรากับศศิมาเมื่อคืนนี้ ทำให้ไม่ได้นอนมาตลอดคืน บางทีอักษราอาจกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ เรื่องราวอาจจะจบลงอีกครั้งและอาจจะจบจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อวาน คำพูดหวานๆ สัมผัสอันอ่อนโยนมันคงจะเป็นเพียงแค่ความฝันสำหรับเธอ แต่มันคือความจริงสำหรับผู้หญิงที่ชื่อ ศศิมา