ยิ่งผมเย็นชามากเท่าไหร่ เฉยเมยมากแค่ไหน แรงกดตรงจุดนั้นยิ่งทรงพลัง จนกระทั่งเห็นว่ามือของตัวเองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำ
แล้วคำถามเมื่อกี้คืออะไร
มีคนคอยหนุนหลังงั้นเหรอ?
หมายถึงนักเรียนใหม่ที่มันปลื้มนักปลื้มหนาใช่ไหม?
สองตาผมจับจ้องเพียงโทรศัพท์มือถือและหูฟัง ไม่ปริปากออกมาแม้สักครึ่งคำ ปล่อยให้มันอวดเบ่งแบบนั้นจนกว่าจะพอใจ
“แม่งไม่ตอบอะไรเลยว่ะ”
หนึ่งในลูกกระจ๊อกพึมพำอย่างหัวเสีย ผมจำได้...มันคือคนที่เคยบอกว่าไม่ชอบสายตาเย่อหยิ่งของผม เห็นทีไรเหมือนกำลังโดนหาเรื่องผ่านแววตาอยู่เสมอ แต่ก็ไม่กล้าลุยเดี่ยว
ถ้าไม่มีไอ้หินที่พ่อแม่ค่อนข้างใหญ่โตเป็นตัวตั้งตัวตี มันคงหลบอยู่ในซอกหลืบ หรืออาจจืดจางไร้ตัวตนไม่ต่างจากผมหรอก
“เออ” ด้านไอ้หินเมื่อเห็นผมเอาแต่ก้มหน้า เปลี่ยนมาใช้เท้าข้างเดิมเชยปลายคางของผมขึ้น
“...”
การกระทำนี้ส่งผลให้ผมเงยหน้าขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ กระทั่งพบว่าไอ้หินซึ่งนั่งวางอำนาจอยู่บนเก้าอี้กำลังพิจารณาสารรูปกันด้วยสายตาเหยียดหยามสุดขีด
“เลียรองเท้ากู” ริมฝีปากที่พ่นคำด่าทอมาตลอด ในวันนี้ก็ไม่วายออกคำสั่งให้ทำเรื่องน่าขยะแขยง โดยทุก ๆ เหตุการณ์ในเช้าวันนี้...มีการจับจ้องจากนักเรียนบางส่วนที่เพิ่งทยอยกันเข้ามาในห้อง ซึ่งก็ทำได้แค่มองเท่านั้น “เอาให้เกลี้ยง ให้เงา แล้ววันนี้กูจะปรานีมึง”
ไอ้หินเอียงคออย่างรอคอย และเร่งเร้าด้วยการขยับรองเท้ามาจ่อปากผม
“ไม่” หลุบมองสิ่งที่มันต้องการให้เลียครู่เดียวผมก็ปฏิเสธเสียงเรียบ “...กูไม่เลีย”
ตุ๊บ! ผัวะ!!
และแล้ว บทลงเอยก็หนีไม่พ้นถูกพวกมันลากมาหลังอาคาร ก่อนรวมกลุ่มกันอัดผมไม่ยั้งจนเศษดินเศษฝุ่นคลุ้งกระจาย
จากมุมนี้ ผมเห็นสีหน้าพวกมันทุกตัวชัดเจน สีหน้าที่ฉายชัดว่ากำลังสะอกสะใจและสนุกสนานเสียเต็มประดาที่ได้เห็นใครสักคนนอนยับเยินอยู่ใต้ตีน
แววตาคลุ้มคลั่งมากอำนาจของคนพวกนั้นเดาได้ไม่ยากว่าโตขึ้นไปคงเป็นได้แค่กุ๊ยริมทาง และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นขยะสังคม
...ไม่มีทางดีไปกว่านี้แน่
ผัวะ!
ตึก ๆ ๆ
ท่ามกลางเสียงกระทบกระแทกดังระงมไม่จบไม่สิ้น ผมคล้ายได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบของใครบางคนมุ่งหน้ามาทางนี้
ไม่ทันได้ตั้งข้อสงสัย ร่างบอบบางคุ้นตาของเมย์ก็ปรากฏชัดที่มุมหนึ่งท่ามกลางทัศนียภาพซึ่งพร่าเลือนลงทุกชั่วขณะ
เธอเบิกตาโพลงขณะมองผมนอนขดตัวอยู่บนพื้น ปล่อยให้ความรุนแรงรอบทิศทางกระหน่ำย้ำรอยช้ำเดิม ๆ อย่างต่อเนื่อง
เราจะยอมเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ แต่ไปซะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ
นอกจากพึมพำเสียงแหบเสียงแห้งอยู่ในใจ ยังส่งสายตาเชิงขับไล่ไปถึงเมย์ ที่ตัวผมเพิ่งค้นพบว่าชีวิตเธอเองก็ย่ำแย่ไม่ต่างกัน ทว่าคนตัวเล็กกลับเดินดุ่มเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว...
ก่อนสติจะเลือนหาย สิ่งที่ยังจดจำได้คือเสียงด่าทอของเมย์ เสียงโหวกเหวกวายของผู้คนรอบข้าง มือของผม...ที่ถูกใครบางคนกุมแน่นไปตลอดทางขณะถูกหามขึ้นเปล
รวมถึงประโยคทิ้งท้ายของเมย์ที่ยังดังก้องอยู่ในหัว “บอกให้สู้คืนไง ทำไมถึงเอาแต่ปล่อยให้คนพวกนั้นรังแกนะ ให้ตายสิการ์วิน สภาพดูไม่ได้แล้วเนี่ย...”
เพื่อไม่ให้เมย์เป็นห่วงหรือใช้น้ำเสียงสั่น ๆ แบบนั้นใส่กันอีก ผมต้องสู้เหรอ...
แล้วถ้าหากว่าได้เห็นปีศาจในตัวผมขึ้นมาจริง ๆ
เมย์จะยังอยากเป็นเพื่อนกับผมอยู่หรือเปล่า