ตอนที่ 2

1289 คำ
เจ้าชายอัฟฟาน บิน ฮัมเดน อัล-ฟาริส องค์รัชทายาทแห่งมหานครคาร์มาลย์ เดินกลับไปกลับมาภายในห้องทรงพระอักษร ใบหน้าหล่อเข้มสะดุดตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ทำไมเสด็จพ่อจะต้องให้เราแต่งงานกับผู้หญิงไทยคนนั้นด้วย” “ทรงเคยมีพันธสัญญาต่อกันพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย” องครักษ์คนสนิทกราบทูลไปตามความที่ได้ล่วงรู้มา และนั่นก็ทำให้เจ้าชายอัฟฟานถึงกับขบฟันแน่น สองมือที่ทิ้งข้างลำตัวก็กำแน่นเช่นกัน “เราไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้” เจ้าชายอัฟฟานตวัดตามององค์รักเขม็ง “ซึ่งเจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร มาฮัด” องครักษ์หนุ่มหน้าตาถอดสีเลยทีเดียว ก่อนจะรีบกราบทูลปากคอสั่น “กระหม่อม... กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า เราเข้าใจดี” ดวงเนตรขององค์ชายอัฟฟานเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม และก็อดนึกถึงวันวานในอดีตไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่บิดาทรงคัดเลือกให้ ทำให้เขาเลือกที่จะส่งมาฮัดให้เดินทางไปกับขบวนสินสอดทองหมั้นแทน โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ มาฮัดได้รับคำสั่งจากเขาให้พยายามสืบหาความโสมมของแม่ว่าที่เจ้าสาวชาวไทยคนนั้นมาให้มากที่สุด แต่เรื่องมันกลับเลยเถิด เมื่อแม่ผู้หญิงคนนั้นรวบหัวรวบหางมาฮัดจนได้เป็นสามี โดยไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้ว่ามาฮัดไม่ใช่เจ้าบ่าวของตัวเอง กรามแกร่งขบกันแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นแทบจะทะลักออกมาจากช่องปาก “แล้ว... แล้วองค์ชายจะจัดการยังไงดีพ่ะย่ะค่ะ หรือจะให้กระหม่อมไปกราบทูลองค์เหนือหัวดีว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไง” “ไม่ต้อง ถ้าเจ้าไปกราบทูลเสด็จพ่อ เจ้าก็จะหัวขาด หรือว่าอยากตายกันล่ะ” “กระหม่อม... ไม่อยากตายพ่ะย่ะค่ะ” “งั้นก็หยุดคิดเรื่องนี้ซะ” “แล้วองค์ชายล่ะพ่ะย่ะค่ะ จะทรงทำยังไงดี ผู้หญิงไทยคนนั้นไม่ได้มีดีพอจะเป็นพระชายาแม้แต่นิดเดียว แถมกระหม่อมก็ยังไม่ใช่คนแรกของนางด้วย” “เรากำลังคิดหาทางออกอยู่” “หรือองค์ชายจะเสด็จหนีดีพ่ะย่ะค่ะ” “การวิ่งหนีปัญหาไม่ใช่วิธีที่เราชอบ” เจ้าชายอัฟฟานยังคงเดินกลับไปกลับมา คิ้วเข้มที่ยาวขนานไปกับดวงตารียาวราวกับดวงตาของนกเหยี่ยวขมวดมุ่นตลอดเวลา “กระหม่อมว่า... ส่งคนไปสังหารนางเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายสูงศักดิ์หรี่ตาแคบมององครักษ์คนสนิทของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้า “ถึงนางจะสำส่อนแค่ไหน แต่นางก็ไม่สมควรได้รับโทษตายจากเรา” “แล้วองค์ชายจะ...” “เราจะเดินทางไปพบนางที่เมืองไทย เจรจาขอให้นางยกเลิกการแต่งงานกับเรา” “นางคงไม่ยอมหรอกพ่ะย่ะค่ะ เท่าที่กระหม่อมได้สัมผัสนาง นางดีใจมากที่จะได้เป็นพระชายา” “เราจะมอบเงินให้นางสักจำนวนหนึ่ง อาจจะมากจนใช้ได้ทั้งชีวิตของนางเลย บางทีนางอาจจะมองเห็นเงินสำคัญกว่าตำแหน่งพระชายาก็ได้นะ” “เอ่อ แล้วนางจะ... จะตกใจไหมพ่ะย่ะค่ะ ถ้ารู้ว่าคนที่นางนอนด้วยเมื่อหลายเดือนก่อนไม่ใช่องค์ชาย” “นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้นางละอาย” เจ้าชายอัฟฟานเต็มไปด้วยความหวัง “แต่กระหม่อมว่าผู้หญิงอย่างนางไม่น่าจะมีความละอายติดอยู่ในตัวนะพ่ะย่ะค่ะ” “เจ้าอย่าพูดให้เราไม่สบายใจสิ” เจ้าชายอัฟฟานพูดแผ่วเบา “เจ้าไปเตรียมตัวได้แล้ว เราจะออกเดินทางไปเมืองไทยในคืนนี้” “เอ่อ แล้วองค์ชายจะไม่กราบทูลเรื่องจะเดินทางออกนอกคาร์มาลย์ให้กับองค์เหนือหัวทรงทราบหรือพ่ะย่ะค่ะ” “เราจะไปกราบทูลเสด็จพ่อก่อนจะออกเดินทางแน่นอน เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ไปเตรียมตัวได้แล้ว เราจะต้องถึงเมืองไทยในวันพรุ่งนี้” เขาต้องรีบทำให้เรื่องนี้จบเร็วที่สุด เพราะกำหนดการแต่งงานเข้าใกล้มาทุกขณะแล้ว “พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย” มาฮัดมองเจ้าชายอัฟฟานที่เดินออกไปจากห้องทรงพระอักษรด้วยสายตาชื่นชมเป็นที่สุด จะมีเจ้าชายจากชาติอาหรับไหนบ้างนะ ที่ทรงพระงดงามที่พระพักตร์ และวรกายดั่งเช่นที่เจ้าชายอัฟฟานทรงมี “ทรงพระโฉมงดงามเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายของกระหม่อม” “เจ้าว่าอะไรนะ อัฟฟาน” ฮัมเดน อัล-ฟาริส คือกษัตริย์องค์ปัจจุบันของประเทศคาร์มาลย์ ดินแดนทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล และก็เป็นเพียงไม่กี่ประเทศในแถบตะวันออกกลางเท่านั้น ที่นับถือศาสนาคริส “กระหม่อมจะเดินทางไปเมืองไทยในคืนนี้พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” “ไปทำไม่กัน อีกแค่สองอาทิตย์ก็จะถึงพิธีอภิเษกของเจ้าแล้วนี่ อัฟฟาน” “กระหม่อมคิดถึงว่าที่เจ้าสาวของตัวเองน่ะพ่ะย่ะค่ะ เลยต้องไปเยี่ยมเยียนหาเสียหน่อย เสด็จพ่อทรงอนุญาตกระหม่อมด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องมาขออนุญาตบิดาเลยก็ได้ แต่เพราะไม่อยากทำให้ท่านไม่พอใจ เนื่องจากท่านอายุเกือบเจ็ดสิบปีแล้ว “ความรักของหนุ่มสาวที่มันรุนแรงจริงๆ เลยนะอัฟฟาน” คนฟังแทบจะอาเจียนออกมาเสียให้ได้ แต่ก็จำต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้ “จะว่าอย่างนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” กษัตริย์ฮัมเดนหัวเราะเบาๆ อย่างชอบอกชอบใจ ก่อนจะเอ่ยอนุญาต “ตามใจเถอะ อยากไปก็ไป” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” เขากราบขอบคุณบิดา ก่อนจะพูดต่อ “งั้นกระหม่อมขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ” “อืม ตามสบายเถอะ” “พ่ะย่ะค่ะ” เขากำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้องทรงอักษรของบิดา แต่เสียงแหบแห้งของท่านเรียกขึ้นเสียก่อน เขาจำต้องชะงัก และหันไปมอง “เสด็จพ่อมีอะไรกับกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ” กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ระบายยิ้มน้อยๆ มองบุตรชายผู้เลอโฉมของตนเองอย่างรู้ทัน “เจ้าก็รู้ธรรมเนียมของคาร์มาลย์ใช่ไหม อัฟฟาน” “ข้อไหนพ่ะย่ะค่ะ” “ในคืนเข้าหอ เลือดพรหมจรรย์จากเจ้าสาวจะต้องถูกนำมาแขวนไว้ที่หน้าพระราชวัง” กรามแกร่งของเจ้าชายอัฟฟานขบกันแน่น เขาพยายามกล้ำกลืนความเกลียดชังที่มีต่อเจ้าสาวลงไปในลำคออย่างยากลำบาก “กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ” “ดีมาก เจ้าจะได้ไม่แตะต้องเจ้าสาวก่อนถึงวันเข้าหอยังไงล่ะ” แม้ประเทศคาร์มาลย์จะเป็นประเทศเอกราชที่ปกครองด้วยกษัตริย์หัวสมัยใหม่ แต่กระนั้นบางเรื่องก็ยังยึดถือเอาไว้ไม่เสื่อมคลาย อาทิเช่น... เลือดพรหมจรรย์ของเจ้าสาว เลือดพรหมจรรย์หรือ แม่นั่นเสียมันไปตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสองหลักด้วยซ้ำล่ะมั้ง เจ้าชายรูปงามค่อนแคระอย่างเกลียดชัง แต่ริมฝีปากก็พยายามที่จะระบายออกมาเป็นรอยยิ้ม “กระหม่อมจะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของคาร์มาลย์เอาไว้ยิ่งชีพพ่ะย่ะค่ะ” องค์กษัตริย์สูงวัยระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะโบกมือให้ลูกชายออกไป เจ้าชายอัฟฟานก้าวออกมาพ้นห้องทรงพระอักษรของบิดาแล้วก็ยืนนิ่ง ดวงตามืดดำ สองมือข้างลำตัวกำยำกำแน่นเป็นหมัด “เราจะไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงสำส่อนแบบเธอแน่นอน มาริสา กอบกุล!” “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ” มาฮัดเดินมาหยุดคุกเข่าอยู่ตรงหน้าองค์ชายผู้สูงศักดิ์ และมีรูปโฉมราวกับเทพบุตร “อืม งั้นเราออกเดินทางกันได้แล้ว” “พ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายอัฟฟานก้าวเท้าไปเบื้องหน้าด้วยท่าทางสง่างามโดยไม่ต้องปั้นแต่ง มุ่งหน้าตรงไปยังลานจอดเครื่องบินส่วนพระองค์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองไทย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม