ตอนที่ 9

1007 คำ
วรกายสูงใหญ่ในชุดสีทองยาวกรอมข้อเท้าของผู้ชายคนหนึ่งเล็ดลอดทะลุผ่านชั้นของผ้าปิดหน้าสีทองเข้ามาในดวงตาลางเลือน ‘นั่นคงเป็นแผ่นหลังของเจ้าบ่าวของหล่อนสินะ’ รูปร่างสูงใหญ่ยืนหันหลังให้หล่อน รอบๆ ตัวของผู้ชายคนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่แสดงท่าทางนอบน้อมและสอพลอออกมา เจ้าบ่าวของหล่อนคงจะชื่นชอบที่จะฟังคำลวงเสแสร้ง เกินกว่าจะรับฟังความเป็นจริง แต่อย่าหวังเลยว่าหล่อนจะพูดจาชมเชยเขา เหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากคนอื่น หล่อนจะต่อต้าน และต่อสู้ จนกว่าเขาจะยอมคืนอิสรภาพให้กับหล่อนนั่นแหละ มือเล็กกำลังจะยกขึ้นตลบผ้าคลุมหน้าขึ้น เพื่อจะเพ่งมองให้ชัดเจน แต่เสียงเตือนแผ่วเบาของฟาร่าที่ประคองร่างของหล่อนอยู่ขัดขึ้นเสียก่อน “อย่าทรงเปิดพระพักตร์นะเพคะ” “แต่ฉันมองอะไรไม่ชัดเลยนี่ เหมือนคนตาบอดไม่มีผิดเลย” “มันเป็นธรรมเนียมของคาร์มาลย์ พระชายาจะต้องทรงปฏิบัติตามเพคะ” “สรุปฉันอยู่ที่นี่ในฐานะเชลยสินะ” “ไม่ใช่เพคะ อยู่ในฐานะพระชายาขององค์รัชทายาทแห่งมหานครคาร์มาลย์ต่างห่างล่ะเพคะ” หล่อนทำหน้าย่นอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็นหล่อนคงไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้าอย่างนี้หรอก แล้วพลันสมองก็อดที่จะคิดถึงใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ผู้ชายที่น้าของหล่อนบอกว่าเป็นคนบ้า ถ้าเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดเป็นความจริงก็คงจะดีสินะ อย่างน้อยๆ การฝืนใจแต่งงานของหล่อนก็คงจะไม่เลวร้ายสักเท่าไหร่ แต่นี่... เจ้าบ่าวคงแก่หงอมเลยทีเดียว “พระชายาเพคะ เชิญเสด็จไปยังตำหนักเพคะ” “เรายังไม่ได้แตะต้องอาหารเลยนะฟาร่า” “พระชายาจะทรงเสวยพร้อมกับองค์รัชทายาทเมื่อทรงเข้าห้องบรรทมเพคะ” “ว่าไงนะ นี่จะให้เราหิ้วท้องรอจนดึกดื่นอย่างนั้นเหรอ” “ไม่ดึกหรอกเพคะ อีกแค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเพคะ” คนฟังชะงัก และก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ “อีกแค่หนึ่งชั่วยามเองเหรอ ฟาร่า” “ใช่เพคะ อีกหนึ่งชั่วยาม ก็จะได้ฤกษ์ส่งเสด็จขึ้นพระแท่นแล้วเพคะ” แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ายังไงก็ต้องเข้าหอกับผู้ชายแปลกหน้าผู้สูงศักดิ์ แต่พอใกล้ถึงเวลาเข้าจริงๆ หล่อนก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ “เราอยากพบน้าของเราก่อนจะได้ไหม” ตอนนี้ดาริกากับสมศักดิ์ถูกแยกไปอยู่ในอีกห้องหนึ่งซึ่งหล่อนก็ไม่รู้ว่าห้องนั้นมันอยู่ตรงไหนของพระราชวังกว้างใหญ่แห่งนี้ “ได้เพคะ แต่คงได้ไม่นานนัก” “แค่สักห้านาที เราก็ดีใจแล้วล่ะ ฟาร่า” สีหน้าของสาวใช้ไม่สู้ดีนัก แต่กระนั้นก็ยังอุตส่าห์พาหล่อนออกมาจากงานเลี้ยง ตรงไปยังทางเดินที่ถูกปูไว้ด้วยพรมหนานุ่มสีทอง ลัดเลี้ยวไม่กี่ครั้งก็มาหยุดที่ห้องหนึ่ง “น้าของเราอยู่ที่นี่เหรอ” “ใช่ เพคะ” “งั้นเจ้ารอเราอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวเราจะเข้าไปคุยกับน้าของเราสักพัก” “แต่อย่าทรงใช้เวลานานนักนะเพคะ เดี๋ยวจะกลับไปไม่ทันฤกษ์ขึ้นพระแท่น” หล่อนถอนใจแผ่วเบา และพยักหน้ารับน้อยๆ “เราไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนแน่นอน ฟาร่า” “ขอบพระทัยเพคะ” หล่อนระบายยิ้มน้อยๆ ให้กับฟาร่า ก่อนจะเดินผ่านบานประตูที่ทหารเฝ้าหน้าห้องเปิดให้ “น้าศักดิ์ น้าดา...” ภายในห้องพักที่ดูภายนอกแล้วไม่น่าจะหรูหราสักเท่าไหร่ แต่พอก้าวเข้ามาเท่านั้นแหละ หล่อนก็อดที่จะยืนนิ่งตะลึง ทึ่งกับสิ่งรอบๆ ตัวไม่ได้ “อึ้งไปเลยสิท่า ริต้า ข้าวของเครื่องใช้ของที่นี่ ล้วนทำขึ้นจากทองคำแท้ๆ ล้วนๆ” ดาริกาละล่ำละลักพูดขึ้น นี่ขนาดนั่งลูบคลำมาตั้งหลายวันแล้ว ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ “อวดรวยสิไม่ว่า” แม้จะเห็นจริงอย่างที่ดาริกาว่า แต่ก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ “อวดก็ยังดีกว่าไม่มีดีให้อวดนะ อ้อ แล้วเห็นไหมล่ะว่าฉันกับน้าศักดิ์ของแกมีความดีความชอบแค่ไหน แกได้ผัวร่ำรวย ชาตินี้ก็กินใช้ไม่หมดแล้ว” “แต่ริต้าต้องปลอมตัวเป็นพี่แมรี่นะคะ ซึ่งริต้าคงทนอยู่ในคราบของคนอื่นได้ไม่นานหรอก” “ก็ไม่ต้องอยู่นานสิ แต่งไปสักพักก็ขอหย่าเลย ยังไงซะสินสมสมรสที่แกจะได้ก็คงมากมายพอเลี้ยงฉันกับน้าศักดิ์ของแกไปทั้งชาติอยู่แล้ว” หล่อนไม่ชอบคำพูดของดาริกาเลย แต่ก็ไม่อยากทำให้สมศักดิ์ไม่สบายใจ “ถ้าหย่ากัน ริต้าจะไม่เอาสินสมรส” “อย่ามาโง่หน่อยเลย ริต้า ถ้าไม่เอาสินสมรส แกก็จะเสียตัวฟรีๆ เข้าใจไหม” “แต่ริต้าไม่ได้แต่งงานกับองค์รัชทายาทเพื่อสินสมรสนะคะน้าดา ที่ริต้ายอมแต่งด้วยก็เพราะไม่อยากให้น้าดากับน้าศักดิ์ถูกข้อหาฉ้อโกงต่างหาก” ดาริกาทำหน้ายุ่งไม่พอใจ “แกอย่ามาลำเลิกบุญคุณหน่อยเลย” “ริต้าไม่ได้ลำเลิกบุญคุณนะคะน้าดา แต่ริต้าพูดความจริงต่างหาก” “พอแล้วล่ะทั้งสองคนนั้นแหละ” สมศักดิ์ที่กำลังแอบหยิบเครื่องใช้ชิ้นเล็กๆ ภายในห้องใส่กระเป๋าเดินทางหันมาปราม “เถียงกันอยู่ได้น่ารำคาญ” “แกก็ดูหลานสาวของแกสิ ไอ้ศักดิ์ เถียงคำไม่ตกฟากเลย” ดาริกาหันไปฟ้อง แต่อาริตาไม่ยอมถูกกล่าวหาฝ่ายเดียว หล่อนเถียง “ริต้าแค่พูดไปตามความจริงเท่านั้นเองค่ะน้าศักดิ์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม