“เออๆ เลิกเถียงกันเถอะ นังดา มานี่ มาช่วยกันเอาเครื่องใช้ทองคำพวกนี้ใส่กระเป๋า เรากำลังจะรวยกันแล้ว”
เพราะมัวแต่ยืนเถียงกับดาริกาทำให้อาริตาไม่ทันได้สังเกตว่าสมศักดิ์หยิบข้าวของภายในห้องรับรองใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย
“นั่น... น้าศักดิ์จะเอาของพวกนี้ไปไหนคะ”
อาริตารีบก้าวเข้าไปหา และมองในกระเป๋าของสมศักดิ์ทันที
เครื่องใช้ทองคำหลายชิ้นอยู่ในนั้น
หล่อนตกใจ และมองสมศักดิ์อย่างผิดหวัง
“ริต้าก็ยอมแต่งงานให้แล้ว น้าศักดิ์ยังจะละโมบอีกทำไมคะ”
“แกอย่ามาทำเป็นคนดีไปหน่อยเลยริต้า ในระหว่างที่แกสุขสบายอยู่ในพระราชวังใหญ่โต แต่ฉันกับนังดาต้องไปลำบากอยู่เมืองไทย กัดก้อนเกลือกินต่างข้าวสารน่ะ แกมีปัญญาช่วยเหลือพวกฉันไหม”
“ก็ถ้าน้าศักดิ์ไม่เอาเงินสินสอดของพี่แมรี่ไปถลุงในบ่อนจนหมด...”
หล่อนยังพูดไม่ทันจบ สมศักดิ์ผู้เป็นน้าก็สวนกลับอย่างโมโหเสียก่อน
“เรื่องนั้นมันจบไปแล้ว เลิกพูดถึงมันเถอะ แต่สิ่งที่ข้าต้องการในตอนนี้ก็คือทอง ของใช้ที่ทำจากทองคำพวกนี้ต่างหาก มันจะทำให้ข้าร่ำรวยโดยที่ไม่ต้องรอพึ่งใบบุญของเอ็ง ริต้า”
“ไม่นะน้าศักดิ์ ริต้าจะส่งเงินให้เป็นรายเดือน แต่ขอร้องล่ะ อย่าเป็นพวกหัวขโมยเลย แค่นี้คนในวังก็มองเราด้วยสายตาแปลกๆ แล้ว” หล่อนพยายามวิงวอน และก็หวังว่าสมศักดิ์จะให้ความร่วมมือ
“นะน้าศักดิ์ ฉันสัญญาว่าจะส่งเงินทั้งหมดที่ได้จากองค์รัชทายาทให้ ขอเพียง... อย่าทำตัวเป็นหัวขโมยเลยนะคะ”
สมศักดิ์หันไปสบตากับดาริกา ก่อนจะพยักหน้าตอบรับน้อยๆ
“ก็ได้ ข้าจะไม่เอาของพวกนี้”
“สัญญานะน้าศักดิ์”
“เออ! นี่เอ็งเห็นข้าเป็นคนไม่รักษาคำพูดหรือไง ไปๆ ไปเข้าหอได้แล้ว”
เมื่อเห็นอาริตายังคงไม่ยอมขยับเท้าไปไหน สมศักดิ์จึงต้องตัดใจหยิบข้าวทองเครื่องใช้ทองคำทั้งหลายออกจากกระเป๋าเดินทางของตัวเอง และให้ดาริกานำไปวางไว้ที่เดิม จากนั้นก็หันมามองหล่อน
“พอใจหรือยังล่ะ ริต้า”
“ค่ะ ริต้าขอบคุณมากค่ะ งั้นริต้าไปก่อนนะคะ แล้วจะติดต่อไปในทันทีที่สามารถทำได้”
“เออๆ จะไปไหนก็รีบไปเถอะ แล้วอย่าทำอะไรให้องค์รัชทายาททรงขัดเคืองพระทัยล่ะ เดี๋ยวเอ็งจะชวดเงินจากพระองค์”
อาริตาหมุนตัวเดินจากมาด้วยความเศร้าหมอง ตอนนี้หล่อนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ความรักความเมตตาที่สมศักดิ์มอบให้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัยมันคือความรู้สึกจริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่รอคอยวันทวงคืนกันแน่
ในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากห้องรับรองนั้น ทหารที่เฝ้าหน้าห้องโค้งคำนับให้อย่างสุภาพ ฟาร่าที่ยืนรออยู่รีบเข้ามาหา
“เชิญเสด็จเพคะ พระชายา”
หล่อนทำได้แค่เพียงยิ้มบางๆ เท่านั้น ขณะก้าวเดินออกไปข้างหน้า มุ่งสู่อนาคตที่เวิ้งว้างมองไม่เห็นทางออกด้วยความหมองเศร้า
หล่อนถูกประคองเข้ามาในห้องหนึ่งที่ทั้งเย็นฉ่ำและกว้างใหญ่ ฟาร่ากระซิบบอกหล่อนเบาๆ ให้นั่งลงบนเตียงซึ่งฟาร่าเรียกมันว่าพระแท่น แล้วให้นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างๆ นั้นรอจนกว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จเข้ามาหา และเป็นฝ่ายเปิดผ้าคลุมหน้าให้
หล่อนเอ่ยรับปากเพราะไม่เห็นทางใดที่พอจะขัดขืนได้ เฝ้ารอจนกว่าฟาร่าและนางกำนัลคนอื่นๆ จะเดินออกไป หล่อนจึงฉวยโอกาสตวัดผ้าคลุมหน้าขึ้น แล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ห้องหอสุดกว้างใหญ่ มองสำรวจตรวจตราอย่างละเอียดลออ ความอัศจรรย์ใจเข้ามาแทรกภายในความรู้สึก เมื่อได้เห็นการตกแต่งแสนประณีตชัดเต็มๆ สองตา กลีบปากอิ่มเผยอค้าง พลางพึมพำแผ่วเบา
“โอ้โห ทำไมสวยแบบนี้นะคะ เหมือนในเทพนิยายท่านชีคไม่มีผิด”
หล่อนลุกขึ้นจากเตียงนุ่มขนาดใหญ่ ก้าวเดินไปมองรอบๆ ห้อง แตะนิ้วเรียวยาวลงบนเครื่องประดับที่ทำจากทองคำแท้สีเหลืองอร่ามอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ห้องที่น้าศักดิ์อยู่ว่าแต่งสวยแล้ว แต่พอมาเห็นห้องนี้ สวยกว่าเยอะมาก” หล่อนเดินไปรอบๆ มองไปทั่วๆ สัมผัสเครื่องประดับทุกชิ้น
“องค์รัชทายาททรงเสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงทหารที่เฝ้าอยู่หน้าห้องหอตะโกนขึ้นเสียงดัง และนั่นก็ทำให้หล่อนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับความงดงามของห้องหอต้องรีบกระโจนกลับไปนั่งบนเตียง และตวัดผ้าคลุมหน้าลงมาด้วยความรีบร้อน
พอหล่อนนั่งลงบนเตียงได้เพียงแค่เสี้ยววินาที เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น แน่นอนว่าองค์รัชทายาททรงเสด็จเข้ามาเรียบร้อยแล้ว
ทั้งๆ ที่ตระเตรียมใจมาเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาร่วมหอเข้าจริงๆ กับรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้ หล่อนควร... ควรจะตกลงกับผู้ชายคนนี้
“หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลเพคะ”
หล่อนกัดฟันพูดราชาศัพท์กับผู้ชายที่ตอนนี้มั่นใจว่ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว
หล่อนได้ยินเสียงหัวเราะหยันๆ ในลำคอดังมาเข้าหู และนั่นก็ทำให้หล่อนรู้สึกไม่ดีเลย
“หากพระองค์จะอนุญาต หม่อมฉันขอดูพระพักตร์ของพระองค์หน่อยนะเพคะ”
“ทำไมเจ้าถึงอยากเห็นหน้าเราล่ะ”
เอ้... เสียงไม่แก่นี่น่า แถมยังรู้สึกคุ้นหูเสียงทุ้มๆ ทรงอำนาจนี้อีกด้วย หล่อนเคยได้ยินเสียงแบบนี้ที่ไหนกันนะ
“ก็หม่อมฉันต้องการเห็นหน้าผู้ชายที่จะต้องนอนด้วยนี่เพคะ”