ไคล์กดมุมปากเป็นรอยยิ้มร้ายแล้วเทวิสกี้อีกครึ่งลงคอ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงน่ากลัว”
“น่ารักนะครับ สวย และนิสัยดีด้วย ตั้งแต่อายุย่างเข้าสิบห้าสิบหกเธอก็เป็นคนหาเงินจุนเจือครอบครัว ยิ่งก้าวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง รายได้มากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนถูกส่งไปให้ที่บ้าน แทบจะไม่ใช้เงินซื้อความสุขเพื่อตัวเองเลยแม้แต่นิด สำหรับเธอแล้วเงินมีค่าน้อยกว่าครอบครัวมาก ดังนั้นทันทีที่สูญเสียน้องสาวก็เลยต้องทำตัวให้เข้มแข็งมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่ตอนนี้แทบจะยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำ และก็คงยากสำหรับเธอมากขึ้น เพราะต้องมาอยู่ในอุ้งมือของคนแปลกหน้า” วอนโดเล่าตามรายละเอียดที่สืบค้นมา
“นายก็รู้ว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้”
“แต่เธอก็ไม่เข้าใจนี่ครับ”
“นั่นก็ช่วยไม่ได้” เหยียดริมฝีปากดูแคลนเพียงเท่านั้นก็รับเครื่องดื่มอีกแก้วจากคนสนิท “ดื่มหมดนี่ฉันคงนอนได้แล้วล่ะ”
“แน่ใจหรือครับ”
วอนโดเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเทเหล้าลงคอไปอีกแก้วเช่นกัน และหลังจากนั้นเขาก็ได้เห็นผู้เป็นนายดื่มไปอีกสามแก้วใหญ่ ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป โดยที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่ได้ทำลายสติสัมปชัญญะเลยแม้แต่น้อยนิด เจ้านายของเขายังคงเดินได้ตรงและสามารถก้าวผ่านประตูไปได้อย่างราบรื่น พอเห็นแบบนั้นบอดี้การ์ดหนุ่มค่อยๆ คลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ
ผิดกับคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง เพราะเพียงแค่เห็นเจ้าของเรือนร่างอรชรนอนซุกอยู่ในผ้าห่ม แถมยังเบียดเนื้อตัวเข้าชิดกับหมอนข้างก็ทำให้เขาถึงกับก้าวขาไม่ออก ได้แต่ยืนมองภาพ นั้นเนิ่นนาน ริมฝีปากหยักได้รูปค่อยๆ แย้มยิ้มออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ จนกระทั่งเห็นผ้าห่มร่วงหล่นออกจากเรือนร่างบอบบางนั่นแหละถึงได้ก้าวเร็วๆ ขึ้นเตียงแล้วดึงรั้งมาคลุมให้ตัวเองและคนนอนข้างๆ
นานหลายนาทีที่ไคล์เอาแต่จ้องมองบุปผาสวรรค์ ในช่วงที่หายไปนั้น เขาใช้เวลาทั้งหมดเพื่อกลบทุกร่องรอยไม่ให้ระแคะระคายถึงหูของคนเป็นพ่อ ถึงแม้พ่อนอนเป็นผักอยู่บนเตียงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสายตาของท่านจะถูกปิดกั้นไว้ คนอย่างเคิร์ก แซกเคอร์มันน์ สามารถรู้ทุกเรื่องที่อยากรู้ ดังนั้นการนำตัวเธอมาไว้ที่นี่ หนึ่งในคฤหาสน์ของตระกูลแซกเคอร์มันน์ ใต้จมูกของคนเป็นพ่อมันคือสถานที่อันตรายแต่ปลอดภัยสุดๆ แล้วเขาก็หวังว่า จะสามารถปกป้องเด็กตาดำๆ ให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะโตเพิ่มขึ้นอีกสักปีสองปี
แต่ดูเหมือนความคิดต้องหยุดชะงัก เพราะตอนนี้คนที่นอนกอดหมอนข้างให้คลายหนาวกำลังเบียดเนื้อตัวเข้าหา แถมยังซุกหน้าเข้ากับแผงอก เรียวแขนสลักเสลาก่ายกอดเอวสอบไว้แน่น การที่จู่ๆ หญิงสาวแนบสนิทชิดเนื้อแบบนี้ทำให้เลือดลมในกายของไคล์ไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มรู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่วิ่งเร็วๆ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ถ้าเป็นเวลาปกติ เมื่อถูกผู้หญิงคนอื่นกอด ปฏิกิริยาแรกคงผลักไสด้วยความรังเกียจ แต่กับผู้หญิงคนนี้แค่ขยับตัวออกห่างยังไม่สามารถทำได้เลย สิ่งที่ทำได้มีเพียงกอดกระชับหญิงสาวให้แน่นขึ้น อย่างน้อยก็ให้อุณหภูมิบนร่างกายของเขาปัดเป่าความหนาวเหน็บและความทุกข์ร้อนภายในใจของเธอให้จางหาย และบอกตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงการชดใช้ในสิ่งที่พ่อทำไว้กับครอบครัวเธอเท่านั้น ในเมื่อพ่อของเขาเป็นคนสั่งฆ่าน้องสาวของเธอ เขาก็จะใช้ชีวิตและลมหายใจของตัวเองปกป้องเธอกับหลานชายตัวน้อยๆ ให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้สุดท้ายแล้ว อำนาจของเขาจะไม่สามารถต้านทานความเผด็จการของพ่อได้ก็ตาม
การตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่แล้วพบว่าตัวเองนอนก่ายกอดใครบางคนจนไร้ช่องว่าง ทำให้บุปผาสวรรค์รู้สึกตัวร้อนๆ รุมๆ ราวกับคนจับไข้ก็ไม่ปาน แต่แทนที่จะกรีดร้องเหมือนผู้หญิงคนอื่นกลับทำเพียงกัดริมฝีปากสั่นๆ ไว้แน่น แล้วกระถดถอยเนื้อตัวออกห่างจากเจ้าของความแข็งแรงด้วยท่าทีระมัดระวังตัว
เธอไม่ได้โง่ และก็รู้ด้วยว่าเวลานี้ตัวเองอยู่ในสถานะไหน ในเมืองไทยเธออาจเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ที่ผู้คนนับหมื่นนับแสนให้ความสนใจ แต่สำหรับที่นี่กลับเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ พลัดถิ่นฐานบ้านเกิดมาอยู่ในกรงขังของอสูรร้าย ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเขานัก ทว่าสิ่งที่ทำได้มีเพียงยอมรับในโชคชะตาที่เกิดขึ้น
ถึงแม้จะบอกตัวเองแบบนั้นแต่พอนึกถึงใบหน้าของคนเป็นแม่ น้ำตาอุ่นร้อนรินไหลจนต้องเงยหน้าขึ้นพร้อมสูดหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำจัดการกับร่างกายตัวเอง พอเห็นตาแดงๆ ผ่านกระจกแล้วบุปผาสวรรค์กลับไม่สามารถทำตัวเข้มแข็งได้อีก เธอปล่อยโฮออกมาดังลั่น ทำเอาคนเพิ่งขยับตัวตื่นต้องเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ
เสียงสะอื้นไห้ที่ดังเข้ามาในหูทำให้ไคล์ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน กระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังถึงได้ขยับตัวออกห่าง
“มีอะไร”
“มีข่าวการหายตัวไปของคุณบุปผาสวรรค์ครับ” วอนโดรายงานเข้ามา
“ปิดข่าวนั่นซะ”
“ได้ครับ”
“จำไว้ว่าอย่าให้ข่าวนี้แพร่งพรายเข้าหูพ่อของฉันเด็ดขาด รวมถึงนายคริสด้วย” พอวางสายแล้วไคล์ก็ต้องยืนนิ่งเป็นหุ่น เพราะตอนนี้ใครบางคนก้าวออกจากห้องน้ำด้วยเนื้อตัวเปียกปอน บนเรือนร่างของเธอมีเพียงผ้าขนหนูผืนหนานุ่มห่มคลุมความเย้ายวนเอาไว้ พอเห็นสีหน้าของเขาเธอก็เดินเร็วๆ ไปรื้อค้นกระเป๋าเดินทางแล้วผลุบหายไปในห้องแต่งตัว
ไคล์ยืนรอกระทั่งเห็นว่าหญิงสาวเข้าไปนานมากแล้วถึงได้ก้าวขายาวๆ ตามเข้าไป เห็นเธอสวมเสื้อเรียบร้อยจึงพูดขึ้น
“มีข่าวการหายตัวไปของเธอ”
บุปผาสวรรค์ทำเพียงเหลือบตามอง คาดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีข่าวเกี่ยวกับตัวเอง ในเมื่อจู่ๆ เธอหายตัวไป เบี้ยวงานแล้วก็ทิ้งผู้จัดการสาวกับแม่ไว้บนรถที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ถ้าไม่มีข่าวอะไรนั่นสิถึงเป็นเรื่องแปลก
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันให้คนปิดข่าวพวกนั้นแล้ว”
“ไม่จำเป็นหรอก ถึงแม้จะปิดข่าวได้แต่แม่ของฉันท่านก็รู้อยู่แล้วว่าฉันหายตัวไป ตอนนี้แม่คงร้อนใจแย่แล้ว เงินที่คุณใช้ปิดข่าวมันเยียวยารักษาบาดแผลในใจของแม่ฉันไม่ได้หรอก”
“นั่นก็จริง” เขาว่า สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านกับความผิดที่ตัวเองก่อเลยสักนิด “ถ้าฉันปล่อยข่าวว่าเธอตายไปแล้ว ผลกระทบมันก็คงไม่ต่างไปจากเดิมหรอกใช่ไหม”
บุปผาสวรรค์หันมาถลึงตามองอย่างไม่ชอบใจ “ก็แล้วแต่คุณเถอะ อยากทำอะไรก็เชิญ ฉันจะอยู่ที่นี่เงียบๆ ไม่ดิ้นรนหนีให้เหนื่อยหรอก ขอแค่คุณอนุญาตให้ฉันพบกับหลานชายบ้างเท่านั้นพอ”
“เธอจะยอมอยู่อย่างเงียบๆ จริงๆ หรือ”
“ค่ะ”
“ในฐานะเมียเก็บของฉัน”
“ในฐานะคนอาศัยที่ชิงชังเจ้าของบ้านต่างหาก”
“นั่นมันผิดจากข้อตกลงของเรานะ”
“ฉันไม่เคยตกลงอะไรกับคุณทั้งนั้น”