บทที่ ๒ เขตกักกันตัว(๓)

1284 คำ
บอกจบก็เบี่ยงกายหนีออกจากห้องแต่งตัว ทว่าเดินผ่านเขาไปเพียงก้าวเดียวเรียวแขนพลันถูกดึงรั้งให้หันกลับมาเผชิญหน้า ตอนนี้ดวงตาดำขลับจึงเอาแต่จับจ้องเจ้าของฝ่ามือแข็งแรงตาไม่วาง “ปล่อยฉัน” “ตอนนี้เธอเป็นคนอื่น ฉันคงต้องบอกว่าไม่ แต่ถ้าเมื่อไรที่เธอเป็นเมียฉันละก็ ฉันอาจจะยอมทำตามคำสั่งของเธออย่างว่าง่าย” “อาจจะ...นั่นหมายความว่า ต่อให้ฉันเป็นเมียคุณไปแล้ว คุณก็ไม่มีทางฟังฉันหรอก” บุปผาสวรรค์เอ่ยอย่างรู้ทัน พลางพยายามงัดแงะอุ้งมือแข็งแรงออกจากเรียวแขน พอเดินห่างไปหลายก้าวจึงเอ่ยปากโดยไม่สนใจคำอนุญาตจากเขาเลยสักนิด “ฉันจะไปหาหลานนะ ต่อให้คุณยินยอมหรือไม่ก็ตาม” “เจ้าหนูคิงส์นั่น มีอะไรน่าสนใจกว่าฉันหรือไง” “ไม่ว่าจะมองมุมไหน หลานฉันก็ดีกว่าคุณหลายร้อยเท่า” “ก็ดี ถ้าเธอพูดแบบนี้ ฉันคงต้องย้ายตัวเด็กนั่นไปไว้ที่อื่น” “ถ้าคุณทำแบบนั้น ฉันจะตายให้คุณดู” หันมาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เขาเพียงเท่านั้นก็มุ่งฝีเท้าตรงไปยังฝั่งตะวันออกด้วยความรีบเร่ง พอก้าวเข้ามาในห้องแล้วได้เห็นเด็กน้อยวัยแบเบาะนอนครางอ้อแอ้อยู่บนเตียงโดยมีคนดูแลคอยหยอกเย้าอยู่ข้างๆ ทำให้บุปผาสวรรค์ถึงกับน้ำตาซึม เธอรู้สึกเสียใจจริงๆ กับการที่น้องสาวด่วนจากไปเร็วขนาดนี้ ถ้าหากว่าแก้วมุกดายังมีชีวิตอยู่คงจะได้เห็นภาพอบอุ่นอบจนอิ่มเอมใจ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็ได้แต่ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลทิ้งลวกๆ “คิงส์เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะน้า” บุปผาสวรรค์ก้าวเร็วๆ เข้าใกล้ ยื่นมือให้เด็กน้อยสัมผัส เพียงมือเล็กๆ แตะโดนผิว ก็รู้สึกเหมือนมีกระแสความรักจู่โจมเข้ามาในหัวใจ “หลานรักของป้า” “คุณหนูเลี้ยงง่ายมากเลยนะคะ” พี่เลี้ยงบอกเล่าด้วยรอยยิ้มจริงใจ “ตอนกลางวันร่าเริงแจ่มใส พอกลางคืนก็ไม่เคยร้องไห้งอแงเลยสักครั้ง” “ฉันขออุ้มเขาหน่อยนะ” “เชิญเลยค่ะ นี่ถ้าหากนายหญิงสามารถให้นมคุณหนูด้วยตัวเองคงดีกว่านี้นะคะ” “นายหญิงหรือ” หญิงสาวนิ่วหน้าไม่เข้าใจ “คงไม่ได้หมายถึงฉันใช่ไหม” “นายน้อยเป็นลูกของนายท่าน นั่นก็หมายความว่าเป็นลูกของนายหญิงไม่ใช่หรือคะ” “ฉันไม่ใช่แม่ของคิงส์หรอกค่ะ ฉันเป็นแค่ป้าเท่านั้น” “จริงหรือคะ” ซาฟาร์ได้แต่มองอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก “แม่ของเด็กคนนี้ตายเพราะอุบัติเหตุเมื่อไม่นานมานี้เอง” “โธ่...น่าสงสารเหลือเกิน ตัวแค่นี้ก็ต้องกำพร้าแม่ซะแล้ว” “ฉะนั้น! ฉันจะเป็นทั้งป้าและแม่ให้เขา ในระหว่างนี้ฝาก ซาฟาร์ดูแลเขาด้วยนะ” “ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันจะดูแลคุณหนูเป็นอย่างดี” “ขอบคุณค่ะ” บุปผาสวรรค์คลี่ยิ้มบางๆ ส่งให้ จากนั้นก็อุ้มหลานตัวเล็กแนบอก ปลายจมูกเชิดรั้นแต้มแก้มซ้ายและขวาของเด็กชายวัยเดือนเศษด้วยความรักและหวงแหน ในระหว่างที่จรดริมฝีปากเธอก็เฝ้าสัญญาว่าจะดูแลหลานชายให้ดี จะไม่ปล่อยให้เขาต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเด็ดขาด ถึงแม้ว่าความเป็นจริงแล้ว จะมองไม่เห็นเลยว่าอนาคตของเธอกับหลานตัวน้อยๆ จะเป็นเช่นไร “ป้ารักคิงส์นะลูก” กระซิบด้วยเสียงสั่นเครือเพียงเท่านั้นก็ส่งหลานรักคืนให้กับซาฟาร์ แล้วเดินเร็วๆ กลับเข้าห้อง นั่งทำใจอยู่นานนั่นแหละถึงได้เปิดทีวีจอใหญ่ดู ทว่าในนั้นกลับไม่มีข่าวคราวที่ต้องการรู้เลยสักนิด ราวกับว่าคนในประเทศไทยไม่ได้สนใจกับการหายตัวไปของเธอแม้แต่น้อย ทุกอย่างเป็นแบบนี้คงเพราะอำนาจล้นเหลือของใครบางคน ดูเหมือนเขาจะรู้ดีว่าเธอคิดอะไรอยู่ ถึงได้เดินเข้ามาใกล้แล้วปล่อยให้จ้องมองด้วยความไม่พอใจ “เป็นอะไรไปอีก” “ฉันอยากคุยกับแม่” “ไม่ต้องห่วงหรอก แม่ของเธอสบายดี” “ฉันขอคุยกับแม่แค่ห้านาทีเท่านั้น” “ถ้าฉันยอม แล้วเธอมีอะไรให้ฉันเป็นการแลกเปลี่ยนล่ะ” “คุณต้องการอะไร” แทนที่จะตอบกลับเป็นฝ่ายถามเสียเอง “บอกสิ่งที่คุณต้องการมาสิ” นัยน์ตาสีสนิมจ้องมองเรือนร่างของคนไม่เกรงกลัวนิ่งนานถึงได้โพล่งออกมาหน้าตาเฉย “นอนกับฉัน” “ไม่!” “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องส่งข่าวไปถึงแม่ของเธอแล้วล่ะ” “คุณจะบอกอะไรกับท่าน” “บอกว่าหลานรักตายไปแล้ว หรือไม่ก็ บอกว่าลูกสาวถูกส่งไปขายเรือนร่างให้กับผู้ชายเป็นร้อยเป็นพัน” “สารเลว!” บุปผาสวรรค์กัดฟันกรอดๆ แล้วเดินหนีเขาไปเสียดื้อๆ ออกมาถึงลานหน้าบ้านก็ตั้งท่าจะวิ่งออกไปตามถนนซีเมนต์ลาดยาว ทว่าเพียงขยับกลับมีบอดี้การ์ดร่างยักษ์สามคนเดินเข้ามาขวาง สีหน้าและแววตาพวกนั้นดูเยือกเย็นจนทำเอาไม่กล้าเดินหน้าต่อ ทำได้เพียงก้าวไปนั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้สนามบริเวณหน้าคฤหาสน์เท่านั้น พออยู่คนเดียวก็ต้องยกมือปิดหน้าปิดตา สะกดกลั้นอารมณ์ให้นิ่งสงบ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาบอกแม่อย่างที่บอกกับเธอผลจะเป็นอย่างไร แม่คงรู้สึกเจ็บปวดจนถึงขั้นตรอมใจแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งต้องซบหน้าลงร้องไห้จนตัวสั่นเทิ้ม ภาพสะอึกสะอื้นจนตัวโยนของคนด้านล่าง ทำให้เจ้าของคฤหาสน์หลังโตต้องกดโทรศัพท์สั่งการคนสนิททันที “บอกแม่ของบุปผาสวรรค์ด้วยว่าเธอกับหลานปลอดภัยดี และอย่าลืมกำชับว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ” สั่งจบรีบกดตัดสายแล้วเอาแต่เฝ้ามองคนร้องไห้อยู่เงียบๆ ในบางครั้งเขาก็อยากลงไปปลอบโยนเธอให้หายจากความเศร้าโศก ทว่าสิ่งที่ทำในตอนนี้มีเพียงเฝ้ามองดูทุกความเคลื่อนไหว ราวกับหมาป่าที่เฝ้ามองเหยื่อของตัวเอง แต่ดูเหมือนเขาต้องละสายตาจากภาพน่ามองอย่างกะทันหัน เพราะตอนนี้ใครบางคนก้าวพรวดพราดเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล “คนสนิทของท่านเคิร์กกำลังมาที่นี่ครับ” “เคลียร์พื้นที่” สั่งการแล้วพลันเร่งฝีเท้าตรงไปรอตาเฒ่าอาร์ล เชลาร์ปทันที หนำซ้ำยังพยายามตีสีหน้าให้เป็นปกติ เขาไม่คิดเลยว่าหูตาของพ่อจะกล้าหาญบุกเข้ามาในคฤหาสน์ส่วนตัวแบบนี้ ทันทีที่อีกฝ่ายเดินมาหยุดตรงหน้าจึงคลี่ยิ้มบางๆ ต้อนรับ ซึ่งอีกฝ่ายคงรู้ดีว่ายิ้มของเขามันเป็นยิ้มที่เคลือบด้วยยาพิษชั้นดี “มาทำอะไรที่นี่ครับ” “นายใหญ่ติดต่อคุณคริสไม่ได้ ก็เลยส่งผมมาดู ไม่ทราบว่าคุณไคล์เห็นคุณคริสบ้างหรือเปล่า” แม้สีหน้าและแววตาของอาร์ลจะเรียบเฉย แต่ไคล์รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงมองสำรวจรอบบ้านจนถ้วนทั่วแล้ว “ที่นี่ไม่มีอะไรที่คุณอาต้องการหรอกครับ” “ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะครับ” “หวังว่าผมคงไม่ต้องเห็นหน้าอาในบ้านหลังนี้อีก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม