หญิงสาวรู้สึกว่านั่งอยู่บนรถที่เคลื่อนไปตามเส้นทางไม่รู้จักช่างเป็นช่วงเวลาที่นานเหลือเกิน เธอพอจะรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ดวงตากลมโตถึงได้เบิกกว้างขึ้น และดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกมาหน้าตาเฉย
“ตอนนี้เธออยู่สเปน บ้านเกิดของฉัน”
หญิงสาวได้แต่ยิ้มเยาะตัวเอง “ความทรงจำครั้งสุดท้าย คือฉันอยู่ในเมืองไทย”
“นี่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว”
“แล้วคุณทำอะไรกับแม่ของฉัน อย่าบอกนะว่า...”
“แม่เธอยังไม่ตายหรอก ก็แค่ต้องใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าลูกกับหลานในไส้อยู่ที่ไหนเท่านั้นเอง”
บุปผาสวรรค์เอาแต่มองตาไม่วาง “คุณเป็นใครกันแน่”
เธอเห็นรัศมีอันตรายกระจายอยู่รอบๆ ตัวเขา ก่อนจะได้ยินเสียงที่ทำเอาเลือดในกายเย็นเฉียบ “ชื่อของฉันคือ ไคล์ แซกเคอร์มันน์ ต่อไปนี้ฉันเป็นพ่อของเด็กคนนั้นและยังเป็น...ผัวของเธอ”
“แต่ฉันไม่ใช่แม่ของเด็กคนนี้นะ คุณจะเป็นผัวของฉันได้ยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นซะสิ”
“นี่คุณ...” หญิงสาวเอาแต่ถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ ยิ่งเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเยาะหยันของเขาก็ถึงกับพูดไม่ออก “คุณนี่มัน...”
“คงไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องโตมากำพร้าแม่หรอกนะ หรือว่าความจริงแล้ว เธออยากให้เขาเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว หรือไม่ก็ไม่อยากให้เขาได้สัมผัสกับชีวิตวัยเด็กหรือวัยรุ่นเลย ถ้าอย่างนั้นก็ได้...” เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาคนฟังหัวใจร่วงไปกองอยู่กับตาตุ่ม
“ลดกระจกลง แล้วโยนเด็กคนนี้ออกไปจากรถฉันซะ”
“คนเลว...ฉันเกลียดคุณที่สุด”
“ดี แต่อย่าห่วงเลยเพราะว่าเธอต้องเกลียดฉันยิ่งกว่านี้อีกร้อยพันเท่า” เขายักคิ้วหลิ่วตาให้เพียงเท่านั้นก็หันไปเปิดแล็ปท็อปทำงานต่อ ทิ้งให้บุปผาสวรรค์ได้แต่กลืนน้ำตาลงคอ ไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกันแน่ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเป็นนางเอกดังในจอทีวีที่แฟนคลับล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ว่าเธอจะขยับตัวทำอะไรก็ล้วนได้รับความสนใจและเป็นที่ชื่นชอบ แต่เวลานี้เธอกลับถูกพาตัวข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล แถมยังต้องยอมทำตามคำสั่งของคนใจร้ายใจดำโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเธอยังจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้จริงๆ หรือว่าเธอต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองไปพร้อมๆ กับหลานชายคนนี้
‘แก้วมุกดา บอกพี่หน่อยสิ ว่าพี่ควรทำอย่างไรต่อไปกันแน่’
เธอได้แต่ร้องถามอยู่ในใจ แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มนวลเงียบๆ
กว่าน้ำตาจะแห้งเหือด บุปผาสวรรค์ก็พบว่ารถที่ขับเคลื่อนมานานค่อยๆ ชะลอจอด ตรงหน้าคือคฤหาสน์ขนาดใหญ่สีเทาเข้ม แวดล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่อายุนับร้อยปี ที่นี่มันเหมือนคฤหาสน์ในนิยายที่เธอเคยอ่านไม่มีผิดเพี้ยน เหมือนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ายืนยันได้ว่าเธอกำลังจะมีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งแล้ว
พออุ้มหลานรักลงจากรถ ดวงตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆ เธอพบว่าที่แห่งนี้มันค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวและแปลกแยก อยู่ไกลจากบ้านเรือนของคนอื่นๆ ดูเหมือนว่าสถานที่นี้มันกินอาณาเขตกว้างขวางเสียจนไม่สามารถคำนวณได้
“ที่นี่มีคนคุ้มกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” ไคล์บอกเล่า
“เหมือนที่คุมขังใช่ไหม”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ สิ่งที่เธอควรรู้ก็คืออย่าก่อเรื่องอะไรให้ตัวเองต้องเดือดร้อน เพราะฉันอาจลดตำแหน่งของเธอจากเมียไปเป็นแค่นางบำเรอที่ไม่สามารถแตะต้องลูกของฉันก็เป็นได้”
บุปผาสวรรค์กะพริบตาถี่ๆ ขับไล่น้ำตาที่มันเห่อร้อน “ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณก็จะได้เห็นเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจของฉัน”
“ไม่เลว”
ไคล์พึมพำ และดูเหมือนใครบางคนจะเห็นประกายแปลกๆ จากดวงตาของเขา ถึงได้หยุดมองแล้วกดมุมปากเป็นรอยยิ้มอะไรสักอย่างที่ทำเอาขัดลูกตา
“เอาของเข้าไปเก็บ”
“แล้วจะให้ยกกระเป๋าของคุณบุปผาสวรรค์ไปไว้ที่ไหนครับ”
“ห้องฉัน”
ดูเหมือนวอนโดจะไม่สามารถปิดรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าได้ ตอนนี้จึงรีบปฏิบัติตามคำสั่ง พอเรียบร้อยก็ไปรายงานใครบางคนที่อยู่ในห้องโถงทันที
“ห้องพักของคุณคือชั้นบนฝั่งตะวันตกนะครับ ส่วนของคุณหนูตัวน้อยจะอยู่ฝั่งตะวันออก”
“ทำไมฉันถึงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับหลานชายของฉันล่ะ”
“เพราะว่าเธอคือเมียฉัน” ใครบางคนโพล่งแทรก ก่อนจะได้เห็นผู้หญิงอ้วนท้วมอีกคนเดินตามหลังเข้ามา “ซาฟาร์จะคอยเลี้ยงดูลูกของเรา รู้จักกันไว้ซะสิ”
“ดิฉันจะดูแลคุณหนูน้อยเป็นอย่างดีค่ะ”
บุปผาสวรรค์ไม่ยอมพูดอะไร นอกเสียจากเดินมาตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา “ฉันดูแลเด็กคนนี้เองได้”
ไคล์ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น พริบตาเดียวฝ่ามือแข็งแรงก็กระชับลำแขนเล็กของคนตรงหน้า กระชากเบาๆ อีกฝ่ายก็ถลาเข้ามาใกล้ และคงจะใกล้กว่านี้ถ้าไม่มีเจ้าตัวเล็กกั้นกลาง
“หน้าที่ของเธอก็คือ...เป็นเมียฉัน ฉะนั้นเรื่องลูกก็ยกให้คนอื่นจัดการไปเถอะ”
“แต่เด็กคนนั้นคือหลานของฉันนะ ฉันจะปล่อยให้คนอื่นดูแลได้ยังไง”
“ก็แค่หลาน ไม่ใช่ลูกแท้ๆ สักหน่อย เอาไว้ให้มีลูกเป็นของตัวเองก่อนแล้วฉันจะให้เธอเป็นคนจัดการทั้งหมดด้วยตัวเอง”
คราวนี้บุปผาสวรรค์ค่อยๆ กดมุมปากเป็นรอยยิ้มร้ายใส่เขาบ้าง “อย่าฝันไปเลย เพราะชาตินี้ฉันจะไม่มีวันมีลูกกับผู้ชายเลวๆ อย่างคุณ อ้อ! และคุณคงไม่ลืมใช่ไหมว่าคุณเป็นสามีของน้องสาวฉัน เป็นพ่อของหลานชายฉันด้วย ฉะนั้น! ต่อให้ต้องตายฉันก็จะไม่มีวันใช้ผู้ชายร่วมกับน้องสาวเด็ดขาด ฉันไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้น”
“น่าเสียดายนะ ฉันกะว่าจะเคลมทั้งพี่ทั้งน้องอยู่เชียว”
“นี่คุณ!”
“อย่าห่วงเลย ฉันจะไม่ทำให้เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้หรอก อย่างน้อยๆ ก็สักยี่สิบสี่ชั่วโมง”
บุปผาสวรรค์ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะพูดอะไรกับผู้ชายหน้าด้านหน้ามึนและมีความคิดเลวร้ายเช่นไรดี ดูเหมือนคำพูดแต่ละคำที่หลุดออกมามันเหม็นยิ่งกว่าสิ่งปฏิกูลแสนน่ารังเกียจเสียอีก เธอไม่เข้าใจเลยว่า แก้วมุกดารักผู้ชายอย่างเขาจนเผลอตัวตั้งท้องด้วยได้อย่างไร เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็ไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ผุดขึ้นมาจากคลองตมเน่าๆ เท่านั้น