ตอนที่ 12
“ผมยินดีทำตามคำขอร้องของคุณอากับคุณน้าครับ”
สิ่งที่ดังออกมาจากปากของดีเลียนทำให้อะเดลกับนับดาวต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และก็เป็นนับดาวที่เอ่ยถามย้ำออกมา
“น้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมจ๊ะพ่อดีเลียน”
“หูของคุณอากับคุณน้าไม่ได้ฝาดไปหรอกครับ สิ่งที่ได้ยินมันคือเรื่องจริง” แม้น้ำเสียงของดีเลียนจะเย็นชาไร้ความรู้สึกแต่กระนั้นอะเดลกับนับดาวก็อดระบายยิ้มพึงพอใจออกมาไม่ได้ เพราะในที่สุดเขาก็สามารถทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนรักอย่างแอรอนสำเร็จสักที
‘ถ้านายพี่มีลูกสาว นายจะต้องให้แต่งงานกับลูกชายคนหนึ่งคนใดของฉันนะอะเดล’
คำพูดของแอรอนเพื่อนรักของเขายังก้องอยู่ในหู และวันนี้เขาก็สามารถทำตามคำขอร้องของเพื่อนรักได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว
“อาขอบใจหลานมากนะ ขอบใจจริงๆ ดีเลียน”
ดีเลียนระบายยิ้มบางๆ ตอนนี้เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงรับปากง่ายดายแบบนี้ ทั้งๆ ที่เขาวิ่งหนีงานวิวาห์มาเสียตั้งนาน เป็นเพราะเจอรัลด์หรือ เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากให้เจอรัลด์ต้องมาเกลือกกลั้วกับมินรญาเหรอ ไม่ใช่... นั่นมันก็แค่เหตุผลเอาตัวรอดของเขาเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้ว แท้จริงแล้วเขาสนใจมินรญาอยู่ก่อนแล้วต่างหาก แต่ที่พยายามหนี และพยายามต่อต้านรุนแรงแบบนี้ออกไป ก็เพราะว่าเขาไม่ชอบเป็นฝ่ายถูกเลือก ไม่ชอบให้เขามาชี้นิ้วเลือก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ใส่หน้ากากแม่มดอยู่อย่างมินรญา
“มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำครับ ผมไม่อยากทำให้พ่อกับแม่เสียใจ”
“นั่นแหละ ถึงอย่างไรอาก็ต้องขอบใจหลาน ที่หลานเลิกบ่ายเบี่ยงเสียที”
ดีเลียนนั่งนิ่งไม่ตอบ นับดาวจึงพูดขึ้นแทน
“น้ารู้ว่าญะญ๋าอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติของหลานนะดีเลียน แต่ญะญ๋าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถึงแม้จะเอาแต่ใจไปบ้าง และอารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่ญะญ๋าก็ไม่เคยทำตัวไม่ดี”
“ครับ...”
ดีเลียนรับคำสั้นๆ นั่นก็ทำให้นับดาวกับอะเดลต้องหันมามองหน้ากันก่อนที่อะเดลจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“หลานต้องการให้งานแต่งถูกจัดขึ้นเมื่อไหร่ล่ะ สักอีกสามเดือนข้างหน้า หรือว่าปีหน้าดี”
ดีเลียนจ้องหน้าอะเดล ก่อนที่คำพูดที่ไม่มีใครคาดถึงจะเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของผู้ชายหล่อลากดินเบื้องหน้า
“ผมต้องการให้จัดงานแต่งโดยเร็วที่สุดครับ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
“ดีเลียน...?!”
ทั้งนับดาวและอะเดลอุทานขึ้นพร้อมเพรียงกัน
“ผมไม่ได้พูดเล่นครับ ผมต้องการอย่างนั้นจริงๆ” ดีเลียนพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“ผมคงต้องขอตัวลากลับก่อนนะครับคุณน้าคุณอา”
“เอ่อ ตามสบายเถอะดีเลียน”
จบคำอนุญาตของผู้อาวุโสทั้งสอง ดีเลียนก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนคนที่มาแอบฟังแทบหลบไม่ทัน
“นี่เราหูฝาดไปหรือเปล่า ทำไม...? ทำไมพี่ดีเลียนถึงได้ต้องการแต่งงานกับนังญะญ๋าเร็วแบบนี้ ทำไมกัน หรือว่าพี่ดีเลียนจะหลงเสน่ห์มันเข้าแล้ว...” ความคิดนี้ทำให้อินทุอรตกใจจนหน้าซีด ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความริษยา
“แต่ฝันไปเถอะว่าฉันจะยินยอมให้แกได้ครอบครองทุกอย่างนังญะญ๋า ฉันจะต้องแย่งของที่ควรจะเป็นของฉันกลับคืนมา และจะต้องทำให้ได้ด้วย...!” แล้วอินทุอรก็รีบวิ่งจากไปในทันที จุดมุ่งหมายก็คือห้องนอนของตัวเองนั่นเอง และระหว่างที่วิ่งนั้นก็คิดหาแผนการขัดขวางการแต่งงานของดีเลียนกับมินรญาไปตลอดทางเลยทีเดียว
“คุณพ่อกับคุณแม่มีอะไรกับญะญ๋าหรือคะ”
หลังจากที่ดีเลียนกลับไปได้ไม่ถึงห้านาทีหล่อนก็ถูกบิดากับมารดาใช้คนสาวใช้ไปเรียกตัวเข้ามาพบในห้องรับแขก มินรญาทรุดกายอรชรลงนั่งบนโซฟาตัวตรงข้ามกับบุพการีทั้งสอง สีหน้าของหล่อนยังเต็มไปด้วยความอ่อนล้าไม่จางหาย
“พ่อคุยกับดีเลียนเรื่องของเราแล้วนะญะญ๋า”
สีหน้าของมินรญายังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง เพราะรู้ดีว่าดีเลียนคงไม่แคล้วปฏิเสธอีกตามเคย หล่อนตามตอแยเขามาจนท้อแท้เสียแล้วล่ะ หรือบางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดทุกความพยายามลงเสียที
“ค่ะ คุณพ่อ...”
“แล้วหนูไม่อยากรู้หรือญะญ๋าว่าพ่อดีเลียนเขาพูดว่ายังไง” เสียงของมารดาดังมาเข้าหู มินรญาส่ายหน้าน้อยๆ
“ญะญ๋าไม่อยากรู้หรอกค่ะ”
อะเดลถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงออกมา เขาไม่อยากเห็นลูกเลี้ยงหน้าเศร้าสร้อยแบบนี้อีกแล้ว
“ดีเลียนรับปากกับพ่อเรื่องที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับหนูแล้วนะญะญ๋า”
คนที่นั่งก้มหน้านิ่ง เงยขึ้นทันควัน “ว่าไงนะคะคุณพ่อ...?!”
“พ่อบอกว่าดีเลียนรับปากว่าจะแต่งงานกับหนูแล้วนะญะญ๋า”
ความหมองเศร้าที่เคลือบอยู่บนใบหน้างามจางหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้ทั่วทั้งใบหน้างดงงามแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจเพียงเท่านั้น
“นี่ญะญ๋าไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ ใช่ไหมคะคุณแม่ คุณพ่อ”
นับดาวระบายยิ้ม เห็นบุตรสาวมีความสุขหล่อนก็สุขไปด้วย “หนูไม่ได้ฝันไปหรอกญะญ๋า มันคือเรื่องจริง และงานแต่งงานก็จะถูกจัดขึ้นเร็วที่สุดด้วย”
“จริง... จริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ดีเลียนเป็นคนบอกกับพ่อเอง และพ่อก็เชื่อมั่นว่าทายาทแห่งซาโกร่า กาซิยาสจะไม่มีทางผิดคำพูดอย่างแน่นอน”
คำพูดของอะเดลทำให้มินรญาหน้าบานเฉ่ง ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันเลยว่าดีเลียนจะยอมตกลงแต่งงานกับหล่อนง่ายดายแบบนี้ ทั้งๆ ที่เหมือนก่อนเขาบ่ายเบี่ยงมาตลอด หรือว่าเขารักหล่อน คนคิดยิ้มหวานอย่างสุขใจ
“ญะญ๋าต้องกราบขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากๆ เลยนะคะที่ทำเพื่อญะญ๋ามาโดยตลอด”
หญิงสาวคุกเข่าลงกับพื้น และคลานเข่าเข้าไปกราบตักบิดาเลี้ยงและมารดาแท้ๆ ของตัวเองอย่างขอบคุณเป็นที่สุด
อะเดลยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกเลี้ยงอย่างเอ็นดู เขาไม่มีลูกเป็นของตัวเองมีแต่ลูกบุญธรรมที่รับมาเลี้ยงอย่างอินทุอรและญาดามินทร์ ดังนั้นเมื่อคู่ชีวิตของเขามีลูกติดมาด้วย เขาจึงรักและเอ็นดูมินรญามากที่สุด เนื่องจากเขารักหญิงไทยแสนดีอย่างนับดาวมากนั่นเอง
“ถ้าพ่อกับแม่ไม่ทำเพื่อญะญ๋าแล้วจะให้พ่อกับแม่ไปทำเพื่อใครกันล่ะ”
“ขอบคุณคุณพ่อมากค่ะที่เอ็นดูญะญ๋า...” มินรญาเงยหน้าที่มีน้ำตาคลอขึ้นมองบิดาเลี้ยงด้วยความซาบซึ้งใจ “ญะญ๋าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องราวให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจอีกค่ะ ญะญ๋าจะเป็นเด็กดี และจะใช้สติให้มากกว่าอารมณ์...”
นับดาวอมยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “พูดแล้วทำให้ได้ล่ะญะญ๋า”
มินรญาหันไปมองมารดาของตัวเองและยิ้มบางๆ “ญะญ๋าจะพยายามทำให้ได้ค่ะ เพื่อคุณพ่อกับคุณแม่จะได้ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจอีก”
“งั้นสัญญากับพ่อได้ไหมญะญ๋า...”
“สัญญา? สัญญาอะไรหรือคะคุณพ่อ”
อะเดลหันไปสบตากับภรรยาชั่วขณะก่อนจะหันมามองหน้ามินรญา “ญะญ๋าห้ามรังแกลูกอินอีก ไม่ว่าจะต่อหน้าพ่อกับแม่หรือลับหลังพ่อกับแม่ก็ตาม ญะญ๋าสัญญาได้ไหม สัญญากับพ่อกับแม่ได้ไหม”
มินรญาหน้าเรียบสนิทลงทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน “แต่ญะญ๋าไม่เคยรังแกพี่อินเลยนะคะคุณพ่อ...” หญิงสาวมองบิดาของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองมารดา “จริงๆ นะคะคุณแม่ ญะญ๋าไม่เคยทำแบบนั้น มีแต่พี่อินนั่นแหละที่มาระรานญะญ๋าก่อน ไม่เชื่อคุณพ่อกับคุณแม่ไปถามญาดาได้เลย เพราะญาดาก็ถูกพี่อินทำร้ายเหมือนกัน”
“ญะญ๋า... พ่อไม่เคยเลี้ยงลูกสาวของตัวเองให้พูดปดนะ”
ทั้งบิดาทั้งมารดาไม่มีใครที่แสดงท่าทางว่าจะเชื่อในคำพูดของหล่อนสักคน มินรญาเม้มปากแน่น รู้สึกเจ็บปวดนักที่คนหน้าซื่อใจคดอย่างอินทุอรกลายคนเป็นดีในสายตาของทุกคน ในขณะที่หล่อนกลายเป็นนางมาร เป็นนังแม่มด
“สักวันคุณพ่อกับคุณแม่จะรู้ว่าญะญ๋าไม่ได้พูดโกหก” หญิงสาวลุกขึ้นยืน ดวงตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“ญะญ๋า... ไหนสัญญากับพ่อแล้วไงว่าจะไม่ใช่อารมณ์มากกว่าสติ”
คนที่กำลังจะเดินออกจากห้องรับแขกไปหยุดเดิน หันหน้ากลับมามองบุพการีของตัวเองซ้ำอีกครั้ง หยาดน้ำตาที่เคยแค่คลอเบ้าไหลลงมาอาบแก้ม แต่ไม่นานก็ถูกมือบางป้ายมันทิ้งไป
“ญะญ๋าก็กำลังจะใช้สติมากกว่าอารมณ์อยู่นี่ไงคะ พยายามใช้อยู่ แต่มันคงไม่ได้ผลหรอกค่ะหากคู่ต่อกรตรงหน้าคือพี่อินน่ะ”
แล้วร่างอรชรที่วิ่งหนีออกไป
อะเดลกับนับดาวถอนใจออกมาพร้อมๆ กับด้วยความหนักอกหนักใจ “เมื่อไหร่ญะญ๋าจะโตเป็นผู้ใหญ่สักทีนะคุณพี่” นับดาวพูดออกมาด้วยความเป็นกังวลในอนาคตของบุตรสาว
“การแต่งงานกับผู้ชายที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่อย่างดีเลียน คงจะช่วยให้ลูกสาวของเราโตขึ้น อย่าคิดมากเลยนะนับดาว”
อะเดลวาดลำแขนกำยำของตัวเองโอบล้อมกายภรรยาสุดที่รักเอาไว้ เขาพยายามปลอบให้ภรรยาสบายใจ แต่ตัวของเขาเองนั้นกลับไม่ได้รู้สึกสบายใจอย่างที่พยายามแสดงออกมาเลยสักนิดเดียว เพราะถึงแม้ดีเลียนจะตอบตกลงที่จะแต่งงานกับมินรญาแล้ว แต่ในอนาคตล่ะ ในอนาคตไม่มีใครสักคนที่จะตอบได้ว่าเขาทั้งคู่จะอยู่กันข้ามปีหรือเปล่า หากมินรญายังคงเป็นเด็กสาวเอาแต่ใจและใช้อารมณ์มองกว่าสมองอยู่แบบนี้