ตอนที่ 8

1146 คำ
“พี่ชายของหัสคงจะหลงนังเด็กนั่นมาก มันคงจะออดอ้อนเก่ง อีเด็กคนนี้มันเลวที่สุด” จริยาเค้นเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด “คำว่าเลวยังน้อยไปครับ กับผู้หญิงที่ประพฤติตัวแบบนี้” จริยาที่น้ำตานองหน้า มองหน้าน้องเขยของตัวเองอย่างขอความเห็นใจ “หัสต้องช่วยพี่นะ ต้องช่วยพี่นะหัส” “ผมก็พยายามอยู่ครับ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี” “หัสก็ลากอีเด็กใจแตกนั่นไปให้ไกลๆ จากพี่ชายของหัสไง เอาเงินฟาดหัวมันไป มันจะได้ไม่มายุ่งกับครอบครัวของพี่อีก” เมื่อเห็นหัสวีร์นิ่งไป จริยาจึงรบเร้าต่อทั้งน้ำตา “หัสไม่สงสารพี่ ก็สงสารน้องกิ่งเถอะนะ พี่ไม่อยากให้ลูกไม่มีพ่อ...” หัสวีร์ถอนใจออกมา กำมือแน่น และมองหน้าจริยา “ผมจะจัดการกับแม่นั่นเองครับ” “ขอบใจมากนะหัส... หัสคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพี่ได้” จริยาพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง ก่อนจะหันไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลมาจะยื่นให้กับหัสวีร์ แต่ชายหนุ่มยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน “รายละเอียดของผู้หญิงคนนั้นผมรู้หมดแล้วครับ” “นี่หัสให้คนไปสืบมาเหมือนกันเหรอ” “ใช่ครับ และผมก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงสารเลวคนนั้นหมดแล้ว” จริยาวางซองเอกสารสีน้ำตาลลงกับโต๊ะกระจกตรงหน้าเหมือนเดิม “อีนี่มันชื่อดวง...” จริยายังพูดไม่ทันจบ หัสวีร์ก็ยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน และพูดแทรก “พี่ยาอย่าเอ่ยชื่อของผู้หญิงแพศยาคนนั้นออกมาให้เป็นเสนียดปากเลยครับ ผมสัญญาว่าผมจะจัดการ ทำให้แม่นั่นออกไปจากชีวิตของพี่ยาให้เร็วที่สุด” “ขอบใจมากนะหัส” “ผมสงสารพี่ยา สงสารน้องกิ่ง และก็เกลียดผู้หญิงคนนั้นเข้าไส้” หัสวีร์พยายามพูดว่าเกลียด แต่ทำไมความรู้สึกแท้จริงกับตรงกันข้ามนัก ทำไมเขาจะต้องรู้สึกอ่อนไหวไปกับผู้หญิงคนนั้นด้วย ทั้งๆ ที่หล่อนสารเลว และเป็นเมียน้อยของพี่ชายตัวเอง เขากัดฟันแน่น ขบกรามแกร่งจนมันขึ้นเป็นสันนูนเป่ง “ผมขอตัวก่อนนะครับ” “ไปพักผ่อนเถอะหัส พี่ขอบใจหัสมากนะ” หัสวีร์ระบายยิ้มบางๆ ออกมา เขาลุกขึ้นยืน และเดินออกไปจากห้องรับแขก ในหัวกำลังผุดแผนการที่จะจัดการกับผู้หญิงเป้าหมายขึ้นมามากมาย จริยามองตามร่างสูงใหญ่ของน้องเขยที่เดินออกไปจากห้องรับแขกด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะหยิบรูปของมือที่สามออกมาจากซองสีน้ำตาล “อีดวงฤดี อีผู้หญิงสารเลว!” แล้วรูปถ่ายของดวงฤดีกับทศวัฒน์ที่นักสืบตามถ่ายมาได้ก็ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกลื่อนพื้นห้อง ก่อนที่จริยาจะยกมือขึ้นปิดหน้าของตัวเอง และร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทรมาน ณ ห้องพักฟื้นของยาย ลลิตารีบยกมือขึ้นไหว้ทศวัฒน์ที่เข้ามาตรวจอาการของยายให้อีกครั้งในช่วงตอนเย็น “คุณยายดีขึ้นมาแล้วนะครับ อีกสองวันก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว” “ขอบคุณค่ะคุณหมอ” หล่อนรีบยกมือขึ้นไหว้คุณหมอหนุ่มหล่อ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับดวงฤดี “ขอบใจเธอด้วยนะฤดี” “ก็บอกแล้วไงไม่ต้องขอบใจเราหรอก เราเป็นเพื่อนกัน” ดวงฤดียิ้มหวาน ก่อนจะพูดขึ้นอีก “งั้นเราขอตัวกลับก่อนนะ” “กลับบ้านดีๆ นะฤดี นี่มืดแล้ว” หล่อนพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงเพื่อน “ไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อนหรอกครับ ผมจะดูแลฤดีให้เป็นอย่างดี” ดวงฤดีหน้าแดงก่ำ ก่อนจะหัวเราะออกมา “แหม พูดแบบนี้ฤดีก็เขินแย่สิคะ” ลลิตาเห็นเพื่อนมีความสุขก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะทั้งสองคนเหมาะสมกันเหลือเกิน “ฝากฤดีด้วยนะคะคุณหมอ” “ด้วยความยินดีครับ” “ไปนะ หมิว” ลลิตาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะยกมือขึ้นโบกลาให้กับเพื่อนสนิทของตัวเองที่กำลังเดินหายออกไปจากห้องพักฟื้นของยาย “น่าอิจฉาจัง” หล่อนอมยิ้มหวาน เดินไปหยุดที่ข้างเตียงมองดูยายที่กำลังหลับครู่ใหญ่ ก็ตัดสินใจเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่นางพยาบาลสองคนเปิดประตูเข้ามาพอดี คนหนึ่งมาวัดไข้ อีกคนหนึ่งมาดูขวดน้ำเกลือ และแน่นอนว่าสองคนนี้ต้องคุยกัน ลลิตาที่กำลังจะออกมาจากห้องน้ำชะงัก เมื่อได้ยินเสียงสนทนาของสองนางพยาบาล แม้จะเป็นเสียงกระซิบกระซาบ แต่หล่อนก็ได้ยินชัดเลยทีเดียว “ฉันเพิ่งรู้นะว่ากิ๊กของคุณหมอคือเด็กมหา’ลัยคนนั้นน่ะ ตอนแรกนึกว่าหลานคุณยายเสียอีก” “น่าสงสารคุณจริยาเนอะ อยู่บ้านเลี้ยงลูก ส่วนผัวก็มามีกิ๊กแบบเปิดเผยไม่อายสายตาของใครเลยแบบนี้” “เด็กคนนี้ก็ช่างกะไร ไม่เห็นใจผู้หญิงด้วยกันบ้างเลย คุณหมอมีเมียมีลูกแล้ว ก็ยังจะมายุ่งเกี่ยวด้วยอีก บาปกรรมตายเลย เธอว่าไหม” “เด็กสาวๆ สมัยนี้ไม่สนใจหรอกว่าลูกใครผัวใคร กูอยากได้ กูก็จะเอา เห็นหน้าสวยๆ แบบนั้นแล้ว ไม่น่าจะทำตัวเลวเลย นี่ฉันก็หวังว่าหลานสาวคุณยายจะไม่ได้เป็นเมียน้อยใครเหมือนเพื่อนของตัวเองหรอกนะ” “มันก็ไม่แน่หรอก ถึงน่าจะหวานๆ ซื่อๆ แบบนั้น แต่ข้างใน ใครจะไปรู้ล่ะ” “นั่นสิ... เฮ้อออ เห็นแบบนี้แล้วอยู่เป็นโสดไปจนแก่ตายเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าเหมือนคุณจริยา” “เนอะ” นางพยาบาลสองคนคุยกันเสร็จแล้วก็พากันออกไปจากห้องพักฟื้นของยาย ในขณะที่หล่อนยืนตัวแข็งชันราวกับถูกสาป นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย...? “ฤดี...” หล่อนครางชื่อเพื่อนออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ แต่สิ่งที่ได้ยินไม่มีทางไม่ใช่เรื่องจริง น้ำตาของลลิตาไหลรินออกมา นี่หล่อนจะเตือนเพื่อนยังไงดี ลลิตาเดินออกมาจากห้องน้ำ มาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาริมห้อง สมองเต็มไปด้วยความสับสน มึนงง และก็มองเห็นความจริงกระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆ เพราะแบบนี้ใช่ไหม ดวงฤดีถึงไม่เคยเล่าเรื่องแฟนให้กับหล่อนฟัง และพอพูดถึงก็ทำท่าเหมือนอึดอัดแปลกประหลาด “ฤดี... เธอไม่น่าทำแบบนี้เลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม