หล่อนเกลียดตัวเองที่มองเขาราวกับคนบ้า เกลียดที่รู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งตัวเพียงแค่สบตากับเขาเท่านั้น ทำไมหล่อนรู้สึกรุนแรงกับผู้ชายคนนี้นักนะ ทั้งๆ ที่ไม่เคยได้สนทนากันเลยแม้แต่คำเดียว
“หมิว... ยายหมิว...”
เสียงของดวงฤดีดังข้างๆ หู และก็ทำให้สติของหล่อนกลับคืนมา
“เอ่อ... มีอะไรเหรอฤดี”
“ยังจะมาถามอีก เธอมองเขาราวกับจะกลืนจะกินเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้วนะ”
คำพูดของดวงฤดีทำให้ใบหน้าของลลิตายิ่งแดงจัด ความอับอายแผ่ซ่านไปทุกอณูเนื้อ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
นี่คือคำแรกที่ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้น และมันก็ทำให้หล่อนอ่อนระทดระทวยจนน่าตกใจ หล่อนต้องรวบรวมสติอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะตอบเขาออกไปสั้นๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ก็ดี คราวหน้าคราวหลังก็มีสติหน่อยนะเวลาเดินข้ามถนนน่ะ อย่ามัวแต่ใจลอยคิดถึงผัวชาวบ้าน”
หล่อนช็อกตาค้างกับคำพูดของผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่หล่อนคิดว่าเป็นเทพบุตรจากชั้นฟ้าเสมอมา แต่คำพูดของเขาที่เปล่งออกมา มันคือความคิดของจอมมารชัดๆ
“คุณ... หมายถึงอะไรคะ”
เขาไม่ตอบหล่อน แต่ยิ้มหยันมอบให้ จากนั้นก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขายาว และไม่ช้าธนบัตรสีเทาสามใบก็ถูกโปรยใส่หน้าของหล่อนอย่างหยาบคาย
จากที่เคยชื่นชมและลุ่มหลง ตอนนี้รู้สึกราวกับถูกเขาลากไปตบหน้ากลางสี่แยกไฟแดงเลยทีเดียว หล่อนอับอายจนแทบมุดดินหนี
“คุณทำอะไรคะ”
“นั่นสิคะ เอาเงินมาฟาดหัวเพื่อนฉันทำไม”
ดวงฤดีเจ็บแค้นแทนหล่อน
แต่เขาที่มีนามว่าหัสวีร์กลับไม่สนใจกับความไม่พอใจของหล่อนเลย เขายิ้มหยันอีกครั้ง มองหล่อนทั้งตัวอย่างดูแคลน
“ฉันลืมไปว่าเธอรวย แต่ก็อย่าลืมนะว่าเงินที่มีใช้อยู่มันเงินของผัวคนอื่น”
แม้ว่าริมฝีปากหยักสวยของเขาจะคลี่ยิ้ม แต่ดวงตาคมกริบคู่นั้นไม่ได้ยิ้มแย้มเลย มันกลับเต็มไปด้วยความเดือดดาล เกรี้ยวกราด จนคนถูกมองอย่างหล่อนตัวสั่นสะท้าน
นี่เขาต้องเข้าใจอะไรผิดๆ อย่างแน่นอน แต่มันคืออะไรล่ะ
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไร”
“ผู้หญิงที่สมองอยู่ที่อวัยวะเพศอย่างเธอ ไม่มีทางเข้าใจคำพูดของฉันหรอก”
เขาด่าทอหล่อนอย่างเจ็บแสบ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งให้หล่อนหน้าร้อนจัดด้วยความอับอายเป็นที่สุด
“ฤดี... เขาเป็นบ้าอะไรของเขาน่ะ ทำไมถึงมาด่าว่าฉันแบบนี้ล่ะ”
หล่อนน้ำตาไหลรินออกมาด้วยความเสียใจและอับอาย
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก ผู้ชายปากร้ายแบบนี้น่ะ”
ดวงฤดีช่วยพยุงหล่อนให้ลุกขึ้น และพาไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
“แต่เขาพูดเหมือนฉันไปแย่งผัวใครมาเลยนะ แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ได้ทำอะไร แฟนสักคนฉันก็ยังไม่มีเลย”
“ฉันเข้าใจ ฉันว่าเขาน่าจะจำคนผิดมากกว่า หรือไม่ก็น่าจะหงุดหงิดน่ะ ก็เลยเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาโยนใส่หน้าเธอ”
“แต่ฉันกับเขา เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเลยนะ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ล่ะ”
ลลิตายังคงสับสนงงงวยกับสิ่งที่หัสวีร์ต่อว่าตัวเองยิ่งนัก แม้เขาจะเคยช่วยเหลือหล่อนเอาไว้ในค่ำคืนนั้น แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นจะมาด่าทอหรือพูดจาแบบนี้ใส่หน้ากันได้
“ก็คงเพราะเธอไปขวางหน้ารถของเขาพอดีล่ะมั้งหมิว เขาที่หงุดหงิดอยู่แล้ว ก็เลยเอาระเบิดมาลงที่เธอซะเลยน่ะ”
คำพูดของดวงฤดีทำให้ลลิตาถอนใจออกมา แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเช่นเดิม เพราะหล่อนยังจดจำสายตาดุดัน เกรี้ยวกราดของเขาได้เป็นอย่างดี เขามองมาราวกับหล่อนคือคนที่เขาเคียดแค้น
“อย่าคิดมากเลยนะหมิว เราไปเยี่ยมยายกันเถอะ”
เมื่อดวงฤดีเอ่ยถึงผู้มีพระคุณที่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้ลลิตาระบายยิ้มออกมา และก็ลืมเรื่องของหัสวีร์ไปชั่วขณะ
“จ้ะ”
แล้วหล่อนกับดวงฤดีก็เดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ยายนอนรักษาตัวอยู่ทันที
“ยังมีหน้ามาทำตาใสซื่ออีก กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ผู้หญิงแพศยา!”
หัสวีร์สบถมาตลอดทางด้วยความเกรี้ยวกราด เขาทั้งผิดหวังทั้งขยะแขยงเจ้าหล่อน ไม่น่าเลย เขาไม่น่าสนใจผู้หญิงแพศยาอย่างหล่อนเลย
ชายหนุ่มจอดรถที่หน้าตึกใหญ่ ก้าวลงจากรถ และยื่นกุญแจให้กับคนรับใช้
“พี่ทศกลับมาหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ”
“แล้วพี่ยากับน้องกิ่งล่ะ”
“เอ่อ...” ท่าทางอึกอักของสาวใช้ ทำให้หัสวีร์ยิ่งไม่สบายใจ
“มีอะไรหรือ”
“คือว่า... คุณยาเธอกำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในห้องรับแขกน่ะค่ะ ส่วนคุณหนูกิ่งพี่เลี้ยงพาขึ้นห้องไปอาบน้ำค่ะ”
กรามแกร่งของหัสวีร์ขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้วๆ ความโกรธพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างกายอย่างรุนแรง
“เธอมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ค่ะคุณหัส”
เขาโบกมือไล่สาวใช้ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางเคร่งเครียด
และก็เป็นจริงอย่างที่สาวใช้บอก เมื่อเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของจริยาดังมาเข้าหู ตั้งแต่ตอนที่เขาเพิ่งก้าวพ้นประตูหน้าบ้านเข้ามาเลยทีเดียว
นี่เขาจะทำยังไงดีนะ ถึงจะสามารถกอบกู้ครอบครัวที่เคยสงบสุขของพี่ชายให้กลับคืนมาเหมือนเดิมได้
เขาถอนใจออกมาแรงๆ ใบหน้าหวานและใสซื่อของผู้หญิงมือที่สามทำให้เขาเต็มไปด้วยความโมโห เขาก้าวเดินไปยังห้องรับแขก สภาพที่เห็นก็คือจริยากำลังร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด
“พี่ยาครับ เกิดอะไรขึ้นครับ”
จริยาที่กำลังร้องไห้อยู่หันมาเห็นเขาก็ยิ่งฟูมฟายหนักขึ้น
“ก็พี่ชายตัวดีของหัสนั่นแหละ”
“พี่ทศทำอะไรหรือครับ”
จริยายกมือขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวด
“วันนี้นักสืบเอาชื่อและรูปของนังเด็กนั่นมาให้พี่ พี่ก็เลยโทรไปหาคุณทศ แล้วเขาบอกว่ายังไงรู้ไหม เขาบอกว่าเขารักนังเด็กนั่น และจะไม่มีทางเลิกกับนังเด็กนั่นเด็ดขาด”
หัสวีร์กำลังมือแน่น สงสารพี่สะใภ้จับใจ แต่คนที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นกานจิรา หลานสาวของเขานั่นเอง
ผู้หญิงแพศยา!
“พี่ทศไม่น่าทำแบบนี้เลย ผมเตือนแล้ว พี่ทศก็ไม่ยอมฟังเลย”