เรียนจบแล้วเข้ากรุง

1180 คำ
ตอนที่ 5 รุ่งเช้าของวันใหม่ ช่วงเวลาบ่ายสอง เมื่อสาวน้อยหน้าหวานชื่อคิ้วนางพอได้รับตั๋วเดินทางจากพนักงานขาย ที่ยื่นส่งให้ อย่างเรียบร้อยแล้วเธอก็ได้เดินมาหยุดอยู่ที่ข้างรถทัวร์ปรับอากาศคันนั้นคือคันเดียวกับที่ระบุเอาไว้ในตั๋วเดินทางและอีกประมาณสิบนาทีรถถึงจะออกเดินทางและเส้นทางที่ไม่ยาวไกลนักระหว่าง นครราชสีมา-กรุงเทพ หล่อนหลับไปนานทีเดียวและอยากจะไปให้ถึงกรุงเทพฯ โดยเร็วที่สุด หล่อนไปเพื่อหางานทำ พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จากดความอ่อนเพลีย ก็พบว่า รถปรับอากาศจากสถานีขนส่งแล่นเข้ามาสู่เขตกรุงเทพมหานครแล้วในช่วงเวลาห้าโมงเย็นรวดเร็วทันใจหล่อนดีเหลือเกิน หลังจากนั้นคิ้วนางก็ทยอยลงจากรถพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆที่เหลือไม่ถึงสิบคนพร้อมสัมภาระที่มีเพียงกระเป๋าใบเดียว ครั้นเมื่อก้าวลงสู่พื้นข้างล่างที่เป็นฟุตบาธ เดินมาอีกหน่อย เพื่อที่สายตาจะกวาดเหลียวมองหา คนที่จะมารับเธอถึงสถานีหมอชิตแห่งนี้ เพื่อกลับไปบ้านพักด้วยกัน เขาคือ พี่ชายของหล่อนนั่นเองจากนั้นไม่นาน ทำให้คิ้วนางรีบเปิดยิ้มกว้างๆ และเมื่อเห็น ใบหน้าเข้มของพี่ชาย ร่างสูงที่ กำลังขยับฝีเท้า จากบริเวณที่จอดรถยนต์ไม่ไกลนัก “พี่ยุห์ สวัสดีค่ะ แหม มาตรงเวลาเป๊ะเลย ทำให้นาง ไม่ต้องคอยนาน” และคิ้วนางยกมือไหว้พี่ชายแล้วบิดขี้เกียจนิดหน่อย จากการเดินทางที่เหนื่อยล้าพอสมควร “ไป๊ ขึ้นรถเถอะ ไปด้วยกันกับพี่” พี่ชายเอ่ยพร้อมกับพาหล่อนไปที่รถซึ่งจอดในระหว่างทางที่เขาขับรถต้องพบเจอกับสภาพจราจรที่ติดขัด อย่างในเวลาเลิกงานเหมือนทุกครั้ง จนกลายเป็นความเคยชิน พี่ชายเริ่มถามบ้าง “แล้วพ่อกับแม่ เป็นยังไงบ้าง” “ท่าน ก็สบายดีค่ะ แม่น่ะยังบ่นถึงพี่ยุห์อยู่เลย เมื่อไหร่จะรีบมีหลานให้ท่านอุ้มซักที” คิ้วนางเย้าแหย่พี่ชาย ที่ไม่พบเจอนาน พลพยุห์เขินน้องสาว ที่ถาม “อือมส์ พี่กับแฟนอยากจะมีเหมือนกัน แต่คงแล้วแต่บุญ” แล้วสักครู่ คิ้วนางเปลี่ยนเรื่องพูด “พี่สะใภ้ เป็นไงบ้างคะ” “สบายดี กลับบ้าน ถึงได้เจอกัน” หากแต่บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร แบบทาวเฮ้าส์สองชั้นดูเหมือนทาด้วยสีขาวทั้งหลังมีมุกยาวที่ยื่นออกในบริเวณชั้นสองและหน้าบ้านปรากฏเป็นภาพรูปปั้นลวดลายสลักของเทพเจ้าในตำนานชาวตะวันตก เฉกเช่นเทพเจ้าจูปิตัส กับเทพนาซีซัส และสนามหญ้าก็ยังอยู่ใกล้ๆกันกับบริเวณซุ้มดอกไม้ พร้อมด้วยโต๊ะม้านั่งหินอ่อนตั้งวางอยู่ใต้ร่มเงาหูกวางพอมองเห็น ที่นี่บรรยากาศจึงดูร่มรื่นพอสมควร “โอ้โฮ สวยจังเลยค่ะ พี่ยุห์ เห็นแล้วน่าพักผ่อนน่าอยู่อาศัย” คิ้วนางเอ่ยเมื่อรู้สึกชอบสถานที่แห่งนี้ “งั้น รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ” ตามพี่ชายเข้าไป และเห็นว่าข้าวของถูกจัดเป็นระเบียบ ถือว่าพี่สะใภ้ เธอคงเอาใจใส่กับงานบ้าน เป็นอย่างดี หลังจากนั้นแล้ว เขาก็พาน้องสาวไปที่ห้องพัก ที่เตรียมไว้ให้ และพลพยุห์เดินออกมา ซึ่งคิ้วนางกวาดตามองดูห้องพักอย่างพึงพอใจ แล้วรีบจัดการเอากระเป๋าไปเก็บ ห้องนี้รู้สึกว่ามันกว้าง เหมาะสม ที่เธอพอจะอยู่คนเดียวได้ ไม่แคบ อีกทั้งในเวลานี้ ที่ต้องนึกถึงก่อนสิ่งอื่น คือ คิ้วนาง เธอจะต้องรีบหางานทำให้ได้ในเร็ววันที่สุด จะได้แบ่งเบาภาระของครอบครัวให้ได้ และช่างเป็นเรื่องที่แสนจะโชคดีอีกอย่างหนึ่ง คือพี่สะใภ้จะช่วยหางานให้ด้วยเพราะเธอจบจากสถาบันราชฏัก และคิ้วนางก็อยากเป็นครูสอนเด็ก ตามสาขาที่ร่ำเรียนจนจบออกมา **************************** ในวันนี้ประมาณสี่โมงเย็นครั้นเมื่อถึงเวลาที่รับหลานสาวจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้านเพราะเขาปล่อยให้หลานสาวคอยนานไปหน่อย กลัวหลานสาวจะน้อยใจ เป็นเพราะเขาติดธุระ วาทิตจึงทัก “รออานานแล้วเหรอ” “ก็ไม่นานหรอกค่ะ อาแลมพ์ขา” เด็กหญิงยิ้มประจบผู้เป็นอาเจื้อยแจ้วบอกกับอาหนุ่มให้ดูผลงานส่งครูของแม่หนู “ดูนี่สิคะอุ้มวาดเองนะสวยมั๊ยคะ” เด็กหญิงที่แสนช่างฉอเลาะก้กำนัลปากและอวดผู้เป็นอาชายคนรอง ดังนั้นเขาจึงตอบหลานสาวหลังจากที่อาหนุ่มพิจารณาแล้ว “ อือมส์ ถ้าอาเป็นครู นี่ก็จะให้ อุ้มเจ็ดคะแนนจ้ะ” หากแต่สีหน้าของเด็กหญิงผิดหวัง “ว้า ทำไมอย่างนี้คะ เพราะเรื่องคะแนนอุ้มอยากได้เต็ม” เพราะเห็นรอยเศร้าที่มุมปากของหลานสาว อดเวทนาไม่ได้ หลานสาวของเขานั้น มีพ่อก็เหมือนกับไม่มี ครั้นได้สังเกตชัด เพราะว่าฝ่ายเด็กหญิงอิสลิณ ก็ไม่เคยเอ่ยถึงบิดาคือชาติดล ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของเขา “เอ้อ แล้วนี่ อาแลมพ์ไปไหนมา ถึงได้กลับมารับอุ้มป่านนี้” วาทิตยิ้มให้อย่างนึกเอ็นดู “อ้าว หนูอุ้ม อาก็ต้องทำงานสิจ้ะ” หากเขาต้องปดหลานสาวเอาไว้เพราะคิดว่าเด็กไม่ควรรู้เรื่องที่มันสะทกสะเทือนหรือขมขื่นใจเพราะยังอ่อนเยาว์วัยไม่รู้เรื่องราวเท่าผู้ใหญ่ หลังจากนั้นวาทิต ก็ขอตัวจากหลานสาว เพื่อจะให้คนใช้นั้นได้พาหลานสาวไปอาบน้ำให้เรียบร้อย เพื่อลงมาทานอาหารเย็นร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตาคนในครอบครัว แล้วต่อมาก็จะได้พาเข้าไปหลับนอนเสียที เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเพื่อไปโรงเรียนแต่เช้า และในเวลาช่วงสามทุ่มของคืนนี้ก็ได้มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุประมาณสามสิบต้นๆที่ยังดูสวย หล่อนก้าวเข้ามาและเธอชื่อรำสิหร่าเพราะว่าหายหน้าหายตาไปจากบ้านหลังนี้มานานและในอดีตเคยเป็นสะใภ้ของบ้านหลังนี้ ทางรักไม่ได้สวยสดงดงามเพราะเธอกับสามีนั้นแยกกันอยู่เลยต้องทิ้งลูกสาวสุดที่รักให้อยู่ที่บ้านหลังนี้แทน นั่นเป็นเพราะแม่สามีของเธอได้สบประมาทคาดหน้าเอาไว้ ว่าเธอไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกสาวตามลำพังได้ในอดีตนั้นรำสิหร่าจากลูกน้อยไปด้วยความรักและห่วงหาอาลัย สัญญาว่า จะหาทางกลับมาเยี่ยมลูก จนถึงในวันนี้ ที่พร้อม เพราะว่าเธอก็ไม่ได้พบเจอหน้าลูกสาวมานานร่วมจะปีกว่าแล้ว ก็เพราะด้วยความคิดถึง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม