บาดแผลสด
ตอนที่ 1
ภาพเบื้องหน้าบนเนื้อที่ดินสี่ไร่เศษมีเรือนสองหลังใหญ่โตโอ่อ่าบ้านเรือนไทยแบบโบราณบนเนื้อที่เดียวกันคุณอภิญญาเจ้าของบ้านครุ่นคิดตามลำพัง มองลูกชายคนรองเขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล เหมือนคนมีทุกข์เก็บไว้
“ยังไม่ลืมมันอีกหรือ” เขาตอบมารดา
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกแม่มันต้องใช้เวลา”
ผินหน้ามาตอบ เห็นใบหน้าที่เซียวซูบชัดเจน
“ แม่เข้าใจ ขอให้ผ่านเรื่องร้ายเร็วเถอะ”
ท่านให้กำลังใจทำให้เขามีสติและรู้ว่าควรจะทำอย่างไร อีกอย่างเรื่องข้าวปลาอาหาร เพราะเขาแทบไม่ทานข้าว และกินไม่เป็นเวล่ำเวลา นางกลัวลูกชายเป็นโรคกระเพาะ เพราะ เขาดูผ่ายผอมอย่างที่เห็นนั่น
“ลูกผอมมาก แลมพ์ควรจะหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากๆหน่อยนะ แม่ว่าสำหรับ ผู้หญิงมันก็ไม่ไร้เท่าใบพุทราหรอก หากชอบใจใคร ลูกก็หาเอาใหม่ได้” นางยังคงเอ่ยปลอบลูกชายที่ยังอยู่ในภาวะเศร้า
“เรื่องแต่งงาน” นางถามเรื่องนี้
“อยากแต่งครับแต่ไม่ใช่เวลาในช่วงนี้” และนั่นคือคำตอบนั้นชัดเจน เพราะเขาไม่ชอบ การคลุมถุงชน
“อือมส์ นี่ ก็เดือนกว่าแล้ว ที่ลูกก็แทบจะไม่ออกไปไหนเลย วาทิต ควรจะออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง”
การแนะนำ เพราะความหวังดีของคนเป็นแม่ ที่ไม่อยากเห็นภาพของลูกชายบังจมปลักกับความทุกข์ทรมาน
“ที่ชายทะเลก็ดีนะแลมพ์จะพาเพื่อนๆไปก็ได้” ซึ่งนางพยายามสรรหาความสุขให้แก่บุตรชาย ให้เขาหายจากเครียด เพราะนางเพิ่งนึกถึงเพื่อนของลูกชายได้ ที่เมื่อก่อนเคยแวะเวียนมา หากแต่พักหลัง มาเงียบหายไปสนิท
“ผมไม่ติดต่อใคร”
“งั้นก็ตามใจแลมพ์นะ ถ้าลูกตัดสินใจอย่างนั้น เอ้อ นี่ แม่จะขอเข้าไปทำธุระในครัวสักหน่อย”
พูดจบนางก็หมุนตัวเดินหายเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
“ตามสบายครับแม่ ผมอยู่คนเดียวได้”
เพราะเป็นอาณาจักรส่วนตัวของตระกูลปรมัยโชติกุล ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ6ไร่เศษ นอกจากจะกว้างขวางแล้วยังดูเป็นส่วนสัด มีเสน่ห์ความงามแบบธรรมชาติ เพราะสงบเงียบร่มรื่นด้วยแมกไม้หนาครื้มสลับกับไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งส่งกลิ่นหอมรวยรินฟุ้งกระจายไปทั่ว ผุดด้วยเรือนสองหลังใหญ่โตโอ่อ่า แบ่งช่วงกลางเป็นทางเดินทอดไปมาหาสู่กัน เป็นตึกงดงามทันสมัยสร้างเสร็จไม่ถึงห้าปี ด้วยฝีมือทางสถาปัตยกรรม
หากแต่ประมุขของคฤหาสน์มีชื่อว่าคุณสามไตร ปรมัยโชติกุลเป็นมหาเศรษฐีและนักธุรกิจคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในละแวกนี้ภรรยาเป็นแม่บ้านแม่เรือนมีชื่อเพราะพริ้งเหมาะสมกับเรือนร่างที่อ้อนแอ้นบอบบางเป็นคนตัวเล็ก แต่เสียงเด็ดขาดทรงอำนาจชื่อว่า คุณอภิญญา สมาชิกในครอบครัวประกอบด้วยบุตรชายล้วนทั้งสามพระหน่อ เติบโตไล่เลี่ยกันตั้งแต่ลูกชายคนโตไปจนถึงคนรองแล้วก็คนสุดท้อง
พร้อมด้วยมีหลานสาวชื่อยัยอุ้มชื่อจริงคือเด็กหญิงอิสลิณและก็เหมือนกับเด็กหญิงบ้านแตกสาแหรกขาด ซึ่งเรื่องนี้นั่นทำให้นางนึกโกรธเคืองพ่อของหลานสาวจะใครเสียที่ไหนก็ลูกชายตัวดี คนโตสุดของบ้านที่ พ่อตัวดีนอกจากไม่ดูดำดูดีลูกแล้วยังทิ้งขว้างให้ผู้เป็นแม่กับอาหนุ่ม รับผิดชอบ
หากณเวลานี้แดดจัดนั้นไม่สามารถแผ่ความร้อนจนลามเลียเข้ามาทางช่องหน้าต่างได้เพราะมีหลังคายื่นยาวและกันสาดหากแต่มีสายลมโชยชายและพัดผ่านบางเบาไปมาในบรรยากาศที่เงียบสงบเพราะเขาขลุกตัวเองอยู่กับอารมณ์ที่เงียบเหงาและบริเวณใต้ถุนสูงโปร่งของเรือนทรงไทย ปลูกสร้างโดยฝีมือช่างโบราณที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยเนื้อไม้สักทองสลักเสลาทั้งหลังอย่างวิจิตรในเชิงศิลป์
รวมทั้งเรื่องนี้พ่อกับแม่เองก็เสียดายเหมือนกันถ้าปล่อยทิ้งให้มีสภาพร้างคงผุพังไปตามกาลเวลา จึงพากันปรึกษา มอบหมายให้เมื่อมีบ้านหลังใหม่ปลุกขึ้นอีกหลัง ก็เลือกที่จะทิ้งบ้านหลังนี้ให้แก่ วาทิต ซึ่งสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี เพราะวาทิตผูกพันและรักบ้านหลังนี้มาก
ก็นอกจากวาทิตนั้นเขาแทบจะต้องอยู่กับบ้านทั้งวัน แต่ในเร็วๆนี้ก็จะกลับไปทำงาน สานต่อ หลังจากที่ทิ้งค้างไว้นานหลายเดือน เพราะปัญหาที่รุมเร้าใจ อกหักจะว่ายังงั้นก็ได้ ทั้งๆที่ไม่น่าจะใช่ แต่มันก็เป็นความจริงและได้สัมผัสถึงความหอมจากปลายจมูกที่กระทบฆานะสัมผัสกลิ่นกรุ่นของการเวกพุ่มใหญ่สลับกับจำปีระรินอวลอบ นั่นเอง ที่ปัจจุบันนี้ยังหลงเหลือทิ้งไว้อย่างที่เห็น อยู่ข้างล่าง เพราะวาทิตนั้นมีความตั้งใจ ที่จะอนุรักษ์สืบทอดตามเจตนารมณ์ต่อบรรพบุรุษในฐานะทายาททางสายเลือดโดยตรงเช่นเขา และต่อมาชายหนุ่มใหญ่ ผินหน้าหันกลับมา เบือนจากทางหน้าต่างอีกครั้งซึ่งใบหน้าหล่อเหลานั้น มีแววตาที่ดูคมกริบทีเดียว แต่หากถ้าจ้องลึกมองลึกลงไปภายในใจ จะพบว่าดูเรียบเฉยและชาเย็นยิ่งนักเหมือน กับว่า เขาเป็นคนที่ไร้หัวใจ
แต่เมื่อครั้น ยามบ่ายอีกครั้ง ที่ชายหนุ่มก้าวมาหยุดตรงนี้ กลิ่นดอกนางแย้มนั่นเอง ดอกไม้โบราณ ที่ละแวกนี้ มีแต่บ้านหลังนี้ เป็นดอกเดิมพวงช่อใหญ่ ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองจ้องพวงดอกสด สูดเอากลิ่นหอมเย็นบางครั้งฉุนแรง มันแตกลูกออกหลานเป็นพุ่มดอกกระจายไปตามรั้วหลังบ้านดุจว่าเป็นกำแพงกั้นแทนได้เลย ขาวพร่างดอกเป็นกลุ่มกลีบสีขาวเรียงรายซ้อนเป็นชั้นทึบ
แต่ดอกไม้ชนิดนี้ร่านภมรเหลือเกินมันชอบออดอ้อนระริกกวัดไกวไหวเอนดอกเชิญชวนให้ลิ้มลองสัมผัสความหวานของเกสร แลมพ์นึกถึงผู้หญิงที่เขาเคยผ่านเส้นทางรัก ที่เขาเปรียบเทียบในใจแบบไม่แตกต่างกันนัก จะว่าไปแล้วพวกหล่อนนั้น ก็มีดีเพียงแค่เปลือกนอกที่ฉาบทาเท่านั้น หากแต่ยังหาเปลือกใน ในหัวใจแท้ เปี่ยมรักและซื่อสัตย์ของหล่อนไม่เจอเลย ถึงทำให้เขาเจ็บปวดในเวลาที่ผ่านมา แม้ว่า เขาจะเจ้าชู้ก็ตาม
หากแต่ในเวลาต่อมาแปลกใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขาได้รับโทร.จากเขมญานั่นเอง หล่อนหายไปจากชีวิตของเขานานพอสมควร มีอะไรหรือไง ฮึ แลมพ์นึกยิ้มเยาะ อ๋อ นี่ หล่อนตั้งใจจะนัดพบเขาที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านถนนรัชดา หากแต่นัยน์ตาของเขาฉายโชนแสงขึ้น
เพราะเขาพอจะรู้เรื่องที่เกี่ยวกับตัวของหล่อนซึ่งเขมญาแต่งงานไม่นานนักก็หย่ากับสามีในเวลานี้หล่อนจะกลับมาหาเขา