เป็นขาช็อปก็ดีแบบนี้นี่เอง ธีร์อดทึ่งไม่ได้ขณะมองนิดาเปิดฝากระโปรงท้ายรถ เห็นกล่องพัสดุมากมายซึ่งเธอสั่งซื้อทางออนไลน์ให้มาส่งไว้ที่สโมสร เธอเปิดกล่องไปสี่ห้ากล่องก็ได้ชุดที่พอจะไปขี่จักรยานได้โดยไม่ต้องเสียเวลากลับไปเปลี่ยนที่บ้าน
“อ้าวคุณผู้จัดการ ทำไมมีคันเดียว” นิดาผิดหวังหน่อยๆ ที่เห็นธีร์เอาจักรยานมาจอดรอไว้คันเดียว
“คันเดียวนี่แหละ ขากลับมันมืดแล้ว กล้าขี่คนเดียวเหรอ” เขาบอกแล้วขึ้นนั่งบนเบาะด้านหน้า นิดาจึงก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย หน้าตาบูดบึ้ง
ธีร์ขี่จักรยานออกไปจากรีสอร์ต เลาะเลี้ยวไปตามซอยที่ไม่ค่อยมีรถใหญ่สัญจร มันเป็นทางลัดที่จะพาไปยังถนนใหญ่อีกเส้น บรรยากาศสองข้างทางร่มรื่น หลายบ้านเลี้ยงวัวนม กำลังต้อนวัวกลับบ้าน ธรรมชาติของชนบททำให้นิดาอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เธอจับไหล่ธีร์แล้วยันตัวลุกขึ้นยืนบนที่วางเท้า เอื้อมเก็บดอกพวงครามที่ชาวบ้านปลูกไว้เป็นระยะ เธอคว้าได้มาแต่ดอก ไม่กล้าดึงมาทั้งช่อ กลัวจะทำให้รถเสียหลักล้ม เธอนั่งลง เอาดอกไม้มาทัดไว้ที่หูหนึ่งดอก ยื่นไปเหน็บที่หูเขาหนึ่งดอก ส่วนดอกที่เหลือเธอยื่นไปตรงอกเขา ปล่อยให้สายลมพัดปลิวกลับมา จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ตัวเอง
ธีร์เหลียวมามอง “ชอบไหม”
“ชอบค่ะ ลมเย็น บรรยากาศดี”
เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ยื่นโทรศัพท์ไปข้างหน้า “จะถ่ายคลิปนะคะ” เธอบอกเขาล่วงหน้า ขยับตัวจนหน้าอยู่เกือบชิดใบหน้าเขา เมื่อได้มุมกล้องที่เก็บได้ทั้งภาพเขาและเธอ รวมถึงบรรยากาศขณะขี่จักรยาน เธอก็เริ่มถ่ายวิดีโอ เธอยิ้มให้กล้อง เขาก็พลอยยิ้มตามไปด้วย และอดไม่ได้ที่จะหันมาหอมแก้มเธอ นิดาไม่ได้เอียงหน้าหลบ แต่มืออีกข้างที่ตอนนี้กอดคอเขาอยู่หยิกหน้าอกเขาเต็มแรง เขาจึงหันมาหอมแรงกว่าเดิม คราวนี้เธอเก็บโทรศัพท์มือถือทำท่างอนเขาและลงไปนั่งอย่างเก่า
“ข้างหน้ามีตลาดนัด แถวนี้มีตลาดที่ชาวบ้านมาตั้งแผงขายของหลายที่ ตรงที่พี่จะพาไปอีกไม่นานก็ต้องเลิกขายแล้ว เพราะเจ้าของที่เขาขายที่ดินให้นายทุนใหญ่”
นิดาลุกขึ้นเกาะไหล่เขาอีกเพื่อมองไปข้างหน้า ไม่ไกลเท่าไรเริ่มมีผู้คนพลุกพล่าน รถมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนไปมามากขึ้น แต่ละคันมีพืชผักเต็มตะกร้าหน้ารถ
“ตรงนั้นเหรอคะ” เธอหายงอนเร็วมาก ชี้ไปยังจุดที่มีความเคลื่อนไหวด้วยความตื่นเต้น เธอไม่เคยเดินตลาดแบบนี้ เคยไปแต่ตลาดที่จัดโซนอย่างเป็นระเบียบเวลาไปกับมารดา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตมากกว่าที่เธอคุ้นเคย เธอเคยเห็นยูทูบเบอร์พามาเที่ยวตลาดตามต่างจังหวัด เธอว่ามันมีมนตร์ขลัง เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวิถีชาวบ้าน
ธีร์เอนตัวมาข้างหลังเล็กน้อย “จ้ะ”
หัวใจเขาเต้นแรง เธอดูตื่นเต้นกับบรรยากาศชนบท ส่วนเขาก็ตื่นเต้นกับช่วงเวลาแบบนี้ มันคุ้มค่ากับความเหนื่อยที่ต้องปั่นจักรยานมากว่าห้ากิโลเมตรแล้ว
เขาเอารถเข้าไปจอดในช่องจอดจักรยาน จากนั้นก็พานิดาเดินไปดูตลาดขนาดย่อม นิดาให้ความสนใจกับอาหารและขนมที่ชาวบ้านนำมาขายเป็นพิเศษ
“เดี๋ยวซื้อไปฝากพี่สิริด้วย” เธอหันมาบอกขณะเลือกซื้อขนมหวาน เขาก็ได้แต่พยักหน้าเซ็งๆ
“พี่ธีร์คะ” เสียงหวานใสดังขึ้น “มากับเด็กที่ไหนคะ”
นิดารับขนมมาจากแม่ค้าและหันไปมอง ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาคุยกับเขาแบบคุ้นเคย ดูจากสายตาแพรวพราวก็รู้ว่าคิดอย่างไรกับธีร์ เธอไม่สนใจว่าเขาจะคุยอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ธีร์ก็อย่างนี้ ไม่เคยตัดบทกับใคร หรือบางทีเขาอาจจะชอบบริหารเสน่ห์ก็ได้ใครจะไปรู้ นิดาเบื่อแล้วกับภาพพวกนี้จึงเดินดูของต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่รอกันเลย ถ้าพี่โดนผู้หญิงคนนั้นหิ้วไปจะทำยังไงหืม” ธีร์วิ่งตามเธอมา เมื่อครู่เขาหันไปบอกหวานว่านิดาคือผู้หญิงที่เขากำลังจีบ หวานทำหน้าผิดหวังห่อเหี่ยวอย่างแรง ก่อนจะตัดพ้อว่าที่แท้เขาก็ชอบพวกเด็กมัธยมนมมหาวิทยาลัยนี่เอง เธอก็หลงหว่านเสน่ห์เอาเป็นเอาตาย ธีร์ขี้เกียจจะต่อความ ซ้ำฝากให้หวานเป็นหอกระจายข่าวด้วยว่าเขามีเจ้าของแล้ว สาวๆ แถวนี้จะได้เลิกมาวุ่นวายกับเขาเสียที หลังจบประเด็นสำคัญกับหวาน หันมาอีกทีก็ไม่พบนิดาแล้ว แต่เขาหาเธอได้ไม่ยาก เธอดูแปลกแยกไปจากคนในตลาดแห่งนี้
“ไม่อยากอยู่เป็นก้าง ติดคอแล้วมันทรมาน” เธอบอกโดยไม่หันมามอง
“คนรู้จักกันธรรมดา ไม่ต้องหึงหรอก” ธีร์แหย่เธอเล่น
คราวนี้นิดาหันมาค้อนเขา “หึงทำไม เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ลืมง่ายจัง คงต้องรื้อฟื้น ” ธีร์บอกแล้วแย่งของในมือเธอมาถือ
“เสียใจด้วย ไม่มีการรื้อฟื้นอะไรทั้งนั้น” นิดาส่ายหัวใส่เขา
“มันไม่ใช่ตอนจบ แต่มันเพิ่งเริ่มต้น” เสียงเขาเบา ทว่าหนักแน่น ตาจับจ้องเข้ามาในดวงตาของเธอเขม็ง ย้ำเตือนคำพูดที่เพิ่งเอ่ยไปเมื่อครู่
นิดาแก้อาการประหม่าที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนด้วยการใช้มือข้างที่เพิ่งว่างจากการถือของจิ้มขนมครกไข่นกกระทาที่ถือไว้ในมืออีกข้างป้อนไปที่ปากเขา เขาอ้าปากรับ แต่สายตายังไม่เคลื่อนขยับไปจากดวงตาเธอ
โดนสะกดด้วยสายตาคมหวานเชื่อมแบบนี้ ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยต้องเข่าอ่อน เขาชอบใช้สายตานี้กับเธอมาแต่ไหนแต่ไร และมันก็ทำให้เธอเดินตามเขาต้อยๆ ในสมัยหนึ่ง มือของนิดาที่ถือกระทงไข่นกกระทาสั่นอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เธอพยายามเรียกสติ จิ้มไข่ใส่ปากเขาไปอีกฟอง รอยยิ้มเขินอายของเธอที่ส่งตามไข่นกกระทาไปเหมือนน้ำฝนที่พร่างพรมลงบนผืนดินที่แห้งผากมาเป็นเวลานาน เขายิ้มมุมปากเมื่อเคี้ยวกลืนเสร็จแล้ว นิดาทำท่าจะจิ้มอีกฟอง เขาจึงจับไปบนมือเธอ จิ้มไม้ลงไปกลางไข่แดง ทำให้ไข่แดงเยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
นิดามองที่ไข่ ก่อนเงยหน้ามองเขาที่มองเธออยู่
“โดนพี่เจาะไข่แดงแล้ว ฟองนี้พี่รับผิดชอบ” เขาเจตนาสื่อไปถึงอีกเรื่องที่เธอก็รู้ดีว่าหมายถึงอะไร