วันนี้ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้าตั้งใจว่าจะแอบตามไปดูศรันย์ที่ที่ทำงาน เช่นเคยว่านภายังไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวที่เพิ่งหายป่วยไปไหนมาไหนคนเดียวแน่
จึงจำเป็นต้องมีลุงพรคนขับรถตามมาด้วย วันนี้เธอใส่ชุดมิดชิดที่สุดเท่าที่ในตู้เสื้อผ้าของพรรับฟ้าจะมี แต่ก็เป็นเสื้อแขนกุดเอวลอย โชว์สัดส่วนอยู่ดี
เธอแอบแฝงมาในรูปแบบของคนที่จะมาติดต่องานเธอใส่แว่นดำพรางสายตาและแกล้งบอกรีเซฟชั่นว่านัดพนักงานในนี้เอาไว้ว่าจะมาฟังพรีเซนต์งานเธอเห็นศรันย์เดินเข้าออฟฟิศมาและเมื่อเขาเห็นเขตตะวันกับแก๊งค์เพื่อนเขาก็ตรงปรี่ไปต่อว่าเขตตะวันทันทีแบบไม่กลัวว่ามาตัวคนเดียว
"สะใจคุณหรือยังที่ฟ้าขวัญตาย" ศรันย์เปิดฉาก
"นายพูดเรื่องอะไร" เขตตะวันถามแบบไม่รู้เรื่อง
"เจ๊ฟ้าตายแล้ว เธอกระโดดน้ำตายเพราะมึง" ศรันย์ตะโกนใส่หน้า
"ตายเลยหรือ" เขตตะวันตกใจเล็กน้อย
"โห เพื่อนเราเสน่ห์รุนแรงว่ะถึงขั้นทำผู้หญิงฆ่าตัวตาย ฮ่าๆๆ" เบนตัวแสบหัวเราะแบบไม่สำนึกผิด
"มึงจะมากไปแล้วนะไอ้พวกเวร" ศรันย์ไม่พูดเปล่าเขาตรงเข้ากระชากเสื้อเบนง้างมือกำลังจะต่อยเขา
ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้าลืมตัวรีบลุกจากโซฟาที่นั่งรับแขกวิ่งเข้าไปห้ามศรันย์ทันที
"รันอย่า ต่อยพวกไร้สำนึกพวกนี้เสียมือเปล่า" ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้าร้องห้ามและจับมือเขาไว้ทัน
"ดีนะผู้หญิงมาห้ามไว้ไม่งั้นฉันสวนแกแน่ไอ้กระจอกเป็นแค่พนักงานไม่รู้แล้วว่าเพื่อนฉันมันเป็นใคร" เบนพูดใส่ด้วยความโมโหและจัดแจงจัดเสื้อผ้าตัวเองทำท่าปัดฝุ่นออกจากเสื้อด้วยความรังเกียจศรันย์
ศรันย์เองกำลังโมโหเลยไม่ใส่ใจว่าพรรับฟ้าคือใครทำไมถึงเรียกชื่อเขา
แต่คนที่สะดุดตาเธอตั้งแต่แรกเห็นคือ เขตตะวัน
ตอนที่เธอวิ่งมาห้ามศรันย์แว่นดำที่เธอใส่ก็หลุดออกร่วงลงพื้นเผยให้เห็นหน้าตาคมสวยมีเสน่ห์ อีกทั้งเสื้อผ้าที่เธอใส่โชว์ผิวขาวหน้าท้องและรูปร่างเป็นอย่างดี ไหนจะหน้าอกหน้าใจที่ล้นทะลักของเธอดึงดูดสายตาเขาเป็นพิเศษ
เขตตะวันก้มลงเก็บแว่นตาดำและค่อยๆเงยหน้าขึ้นพร้อมสายตาที่โลมเลียเธอ
"นี่ครับคุณผู้หญิง แว่นของคุณหล่นครับ" เขตตะวันส่งแว่นคืนให้เธอ
"ขอบใจ" ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้ารีบกระชากแว่นคืนกลับมารีบใส่ดังเดิมและพูดห้วน
"พวกเราโปรดสุภาพต่อหน้าสุภาพสตรีด้วย" เขตตะวันปรามเพื่อน
"ผมเขตตะวันครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ..." เขาเว้นระยะเสียงหมายจะให้อีกฝ่ายบอกชื่อ
"คุณไม่จำเป็นต้องรู้จักฉันค่ะ เพราะฉันไม่ได้อยากรู้จักคุณ" ฟ้าขวัญตอบด้วยความรู้สึกที่ยังโกรธแค้นชิงชังเขาอยู่
คำพูดนี่ช่างท้าทายคนอย่างเขตตะวันเหลือเกิน
"ไม่เป็นไรครับวันนี้ยังไม่รู้จักวันหน้าคุณลืมผมไม่ลงแน่" เขตตะวันพูดพร้อมจ้องหน้าเธอเหมือนสิงโตจ้องจะตะครุบเหยื่อ
"ไปกันเถอะรัน" ฟ้าขวัญในร่างฟ้าขวัญพาศรันย์ออกไปนอกออฟฟิศ
"เฮ้ยเพื่อนแกนี่มันร้ายเหยื่อเก่าเพิ่งตายก็หมายตาเหยื่อใหม่เลยนะ" พัดแซวเพราะแอบเห็นสายตาเพื่อนที่มองสาวสวยจนตาเยิ้มมันหยด
"ฉันต้องรู้จักผู้หญิงคนนี้ให้ได้ และฉันคิดว่าคนนี้ไม่น่าจะเหมือนคนอื่นๆ" เขตตะวันรู้สึกเหมือนปิ๊งแรกพบ
..........................................................................................................
ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้าพาศรันย์มานั่งที่ร้านกาแฟใกล้ออฟฟิศเจ้าประจำ
"ขอบคุณนะครับที่มาช่วยห้าม แต่เอ...เรารู้จักกันมาก่อนหรือครับ"
"ยิ่งกว่ารู้จัก..." ฟ้าขวัญปากไวพูดออกไปแต่นึกขึ้นได้เลยหยุดแค่นั้น
"ไม่มีไรค่ะแค่บังเอิญมาดูงานแล้วเห็นเหตุการณ์เลยเผลอเอามือเข้าไปสอด" ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้ายิ้มแหย
"ท่าทางคำพูดคุณนี่คุ้นๆเหมือนใครซักคนแต่นึกไม่ออก แต่ช่างมันเถอะ ยังไงผมก็ขอบคุณคุณมาก ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ" ศรันย์พูดพลางลุกออกจากโต๊ะไป
ฟ้าขวัญไม่ทันจะเรียกเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงดี วันนี้เลยต้องแห้วกลับไปก่อน
สรุปวันนี้คว้าน้ำเหลวไม่ได้เรื่องอะไรเลย
....................................................................................................................
ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้านั่งทบทวนระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านของพรรับฟ้า
"ถ้าเราจะพูดความจริงกับรัน มันจะเชื่อเราไหมนะ"
"ขนาดตัวเราเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องบ้าบอมันจะเกิดขึ้นได้จริง มันจริงใช่ไหมวะเนี่ย"
"โธ่โว้ยยย"
ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้าเถียงอยู่กับตัวเองจนตะโกนออกมาแบบลืมตัว
"คุณฟ้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับให้ผมพาไปโรงพยาบาลไหมครับ" ลุงพรคนขับรถมองเธอจากทางกระจกส่องหลังรถ
"ไม่ๆมีอะไรค่ะ ฟ้าปวดหัวนิดหน่อยค่ะ กลับบ้านๆค่ะ" เธอเป่าลมออกปากประมาณว่าเกือบไปแล้ว
เมื่อถึงบ้านของพรรับฟ้า ฟ้าขวัญก็เดินกลับขึ้นห้องทันที
"นี่ป้า ฉันว่าคุณหนูฟ้ายังไม่หายดีนะ" ลุงพรเจอป้าพริ้งก็เล่าทันที
"ยังไงตาพร"
"ก็พูดคนเดียว โวยวายๆแปลกๆ ผีเข้ารึเปล่าแถวบ้านนอกบ้านฉันนะหลับไปนานขนาดนี้ผีน่าจะยึดร่างแล้วล่ะ"
"เพ้อเจ้อน่ะตาพรอย่าไปพูดให้คุณท่านได้ยินล่ะไปๆๆทำงาน" ป้าพริ้งตีไหล่และไล่ลุงพร
.................................................................................................................
ฟ้าขวัญกระโดดขึ้นนอนบนเตียงนอน แล้วคิดสารพัดว่าจะทำยังไงให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองอยู่ขณะนี้ และเธอยังจะสามารถกลับเข้าร่างเดิมได้อีกไหมเพราะร่างเธอมันไร้วิญญาณไปเสียแล้ว และที่สำคัญร่างเธออยู่ไหนตอนนี้ มีแค่ศรันย์เท่านั้นที่บอกเธอและช่วยเธอได้
เธอคิดไปเรื่อยจนสะดุดกับเหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้น เขตตะวัน! ใช่ที่เธอต้องมาเป็นแบบนี้เพราะผู้ชายที่ชื่อเขตตะวัน หลังจากที่เธอรู้ความจริงว่าผู้ชายคนนี้มันแค่หลอกฟันเธอเพราะเดิมพันกับเพื่อน ฟ้าขวัญก็เสียใจจนเดินไปที่สะพานข้ามแม่น้ำจุดเดิมที่เธอเคยไปชมวิวกับเขตตะวัน แล้วจู่ๆเธอก็ตกลงไปในแม่น้ำอย่างรวดเร็วเหมือนมีใครมาวิ่งชนเธอเข้าอย่างจัง เธอค่อยๆสำลักน้ำจนจมดิ่งลงไป หลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้อะไรอีกเลยมารู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในร่างของพรรับฟ้า แล้วพรรับฟ้าล่ะจิตวิญญาณของเธออยู่ที่ไหนกัน
ฟ้าขวัญในร่างพรรับฟ้าลุกขึ้นและไปยืนมองตัวเองในกระจกโต๊ะเครื่องแป้งแล้วมองหน้าที่เป็นพรรับฟ้า
"จากนี้ไปฉันจะขอเป็นพรรับฟ้าอย่างเต็มตัว หากเรื่องของฉันสามารถแก้ไขหรือคลายปมปัญหาต่างๆได้ฉันจะคืนชีวิตให้เธอ พรรับฟ้า ฉันสัญญา"
.................................................................................................................
ทางธิดาแม่ของฟ้าขวัญยังติดใจกับสาเหตุที่ลูกสาวฆ่าตัวตายเพราะฟ้าขวัญไม่เคยมีเรื่องคิดมากมาก่อน และถึงจะไม่รวยแต่เธอก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน ศรันย์เองก็ไม่ได้ปริปากเล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นที่พึ่งของคนต่างจังหวัดอย่างเธอคือ หมอดู!
"เอ...ดวงชะตานี่มันแปลกนะ แน่ใจหรือว่าลูกสาวตายไปแล้วจริงๆ" หมอดูวัยชราที่ร่ำลือว่าแม่นนักหนาพลิกตำราไปมา
"จริงสิพ่อหมอใครจะมาล้อเล่นกันเล่า" ธิดาพูด
"นี่ก็แทบจะพลิกตำราหมดทุกเล่มแล้วนะ ดวงมันตกเคราะห์ก็จริงแต่มันยังไม่ตายนะ เหมือนดวงจิตมันแค่หลุดไปที่ไหนสักแห่ง" หมอดูย้ำว่ายังไงดวงชะตานี้คือยังไม่ตายแน่ๆ
"แม่นแน่นะหมอคนเนี่ย"ธิดาหันไปบ่นกับเพื่อนในหมู่บ้านที่พามา
"แน่สิ อย่างกับตาเห็นใครๆก็แห่กันมาดู" เพื่อนยังคอนเฟิร์ม
"เอาตรงๆฉันก็จนปัญญาจะอธิบายไม่เคยเจอจริงๆ เอาเป็นว่าไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกสาวมากๆก็แล้วกัน"
"แล้วสาเหตุที่ลูกสาวฉันมันคิดสั้นล่ะพ่อหมอ" ธิดาถามต่อ
"มันไม่ได้คิดสั้นเองแต่ดวงชะตามันพามาให้ประสบพบเจอ เรื่องบังเอิญไม่มีในโลก และสุดท้ายดวงชะตานี้จะหลุดพ้นเพราะความรักที่แท้จริง" หมอดูกล่าวทิ้งท้าย
"สรุปหมอดูก็คู่กับหมอเดา ไม่รู้ความจริงกันเสียที" ธิดากลับออกไปด้วยความไม่เข้าใจที่หมอดูพูดเป็นปริศนา
......................................................................................................................