-บทที่-5 ระบบนำวิญญาณ
“ฮึก โฮ สา พี่ขอโทษ ฮือ ๆ พี่ขอโทษ พี่มันเลว สากลับมาหาพี่นะครับ กลับมาหาพี่ สาจะตบจะตีพี่พี่ก็ยอม กลับมาหาพี่นะ คนดี สาอย่าทิ้งพี่ไปแบบนี้สิ เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วนะ พี่รักสามาก สารู้หรือเปล่า พี่ขอโทษ ฮึก พี่ขอโทษนะคนดี” กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่อยู่ในมือล้ำค่าแค่ไหนก็สายเกินไปแล้ว
ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเขา เขาผิดที่ไม่อาจหักห้ามความต้องการทางเพศได้ จึงลงเอยด้วยการทำร้ายหัวใจของคู่หมั้นอย่างยับเยิน
เป็นเขาที่ชั่ว เป็นเขาที่เลวเอง ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาทั้งนั้น หากเขาไม่มักมาก ไม่มีอะไรกับฐาปนีย์ แฟนของเขาก็คงไม่เสียใจและคงไม่ตายแบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาทั้งนั้น..
สุดท้าย เขาต้องสูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะมาจากความมักมากของเขาแท้ ๆ ถึงจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด คู่หมั้นของเขาก็ไม่ฟื้นคืนมาได้อีก
ชายหนุ่มได้แต่เกลียดชังตัวเอง และไม่สนใจชู้รักอีกเลย เขาเฝ้าโทษตัวเองทุกวันว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คู่หมั้นเสียชีวิต ไม่สนใจดูแลร่างกายและงานในบริษัทอีก หุ้นร่วงกราวจนมีบริษัทจากสิงคโปร์ซ้อนซื้อในราคาถูกแสนถูก
เขาจมปลักกับความรู้สึกผิดบาปอยู่สามเดือน กระทั่งร่างกายซูบโทรม ป่วยหนัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจ ปกรณ์ได้แต่อ้อนวอนต่อผู้เป็นเจ้า ว่าอยากขอแก้ไขความผิดที่เคยกระทำมา ไม่ว่าจะชาติไหนภพไหน ขอให้เขาได้ชดใช้ให้กับเธอ
ผู้เป็นที่รักสุดหัวใจ
‘หึ เสียใจหรือ ทรยศหักหลังฉัน แล้วมาบอกว่าเสียใจ มันไม่สายไปหน่อยหรือไง’
ร่างโปร่งใสของวันวิสาลอยอยู่กลางอากาศ มองดูความสูญเสียด้วยใบหน้าสงบเยือกเย็น เธอตายแล้ว ตายเพราะความเจ็บปวดเสียใจจากความมักมากของเขา หญิงสาวจึงตั้งจิตอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่ภพหน้าจะได้ไม่ต้องเจอคนพวกนี้อีก
‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านมีจริงหรือเปล่า ถ้ามีจริงก็ขอให้ฉันและผู้ชายคนนี้สิ้นชาติขาดกัน สิ้นวาสนาทุกภพทุกชาติ ฉันไม่ต้องการพบเจอเขาอีกต่อไป ที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้ทำร้ายหัวใจฉันมากเกินพอแล้ว ให้ความรักและความเจ็บช้ำน้ำใจจบลงเพียงชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายเถอะนะคะ’
...ติ๊ด...
...ระบบนำวิญญาณข้ามมิติกำลังติดตั้ง...
ขาดคำอธิษฐานจากวิญญาณผู้อาภัพ เสียงโมโนโทนก็ดังขึ้นในหัว จากนั้นวันวิสาก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่รุนแรงจากอะไรบางอย่าง จนทำให้ดวงวิญญาณเกิดการบิดเบี้ยว
รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ได้กลิ่นสาบชวนอ้วก เสียงของใครหลายคนกำลังหัวเราะอย่างชอบใจ พร้อมกับเจ็บปวดตามใบหน้าและลำตัว เมื่อของมีคมถูกกรีดไปตามผิวกาย
“อะ จะ เจ็บ” หญิงสาวครางเสียงแผ่วเบา ความเจ็บปวดไปตามร่างกายราวกับถูกแล่เนื้อ แล้วภาพบางอย่างพลันไหลเข้าสู่ความทรงจำราวกับน้ำป่าไหลหลาก
“อื้อ ปวดหัว”
“อะ...” หญิงสาวหน้าบิดเบี้ยว ภาพเคลื่อนไหวที่ไหลผ่านในหัว บอกกับเธอว่า มันคือเรื่องจริง เธอได้ทะลุมิติมาอยู่อีกโลกที่มีบางอย่างคล้ายกับโลกเดิม หญิงสาวมั่นใจว่าคงเป็นโลกคู่ขนานแน่ ๆ
แถมยังมาเกิดใหม่ อืม.. ไม่ใช่สิ ไม่ใช่การเกิดใหม่
เธอจำได้แล้ว ว่านี่คือร่างของเธอเอง ความเป็นจริงที่น่าเหลือเชื่อนั่นก็คือหญิงสาวได้กลับมาอยู่ตรอกเล็ก ๆ ในตลาดที่เดิมและยังมีคู่หมั้นแสนบัดซบกับน้องสาวต่างมารดาผู้เป็นดั่งดอกบัวขาวจ้องแย่งคู่หมั้นพี่สาวอีกด้วย
ใช่แล้ว วันวิสาได้ย้อนกลับมาอยู่ในร่างเดิม ซึ่งเป็นคุณหนูรองตระกูลเหยียน เหยียนลี่จิน บุตรสาวของท่านราชครูเหยียนผิง น้องสาวคนรองของแม่ทัพหนุ่มอนาคตไกลอย่าง เหยียนเพ่ย และเป็นคู่หมั้นของคุณชายใหญ่ โจวเหว่ย
แต่ทว่า คุณหนูรองเหยียนคนนี้กลับไม่ทำตัวเหมือนเป็นคุณหนู เพราะชอบทำตัวร้ายกาจกับน้องสาวต่างมารดาอย่าง เหยียนถิง จนผู้คนลือเลื่องถึงความน่าเกลียดของนาง
“เหอะ น้องสาวเช่นนั้นหรือ หึหึ” ลี่จินแสยะยิ้ม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดแดงฉานดูน่ากลัวราวกับภูตผี
นางกำลังนึกถึงน้องสาวผู้แสนบอบบาง น้องสาวผู้งดงามที่เป็นแม่ดอกบัวขาว ทำตัวน่าทนุถนอม ใบหน้าสวยเจือความเศร้าสร้อย ประหนึ่งถูกรังแก จนใคร ๆ ตกหลุมพราง ผู้คนต่างสงสารในสิ่งที่แม่ดอกบัวขาวสร้างขึ้นมา และหนึ่งในนั้นก็คือ โจวเหว่ย คู่หมั้นสารเลวนั่น
เนื่องมาจากคู่หมั้นผู้โง่เขลา โจวเหว่ย ชอบทำตัวใกล้ชิดกับเหยียนถิงอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความหึงหวงลี่จินจึงบันดาลโทสะทำร้ายร่างกายน้องสาวต่างมารดา ข่าวลือถึงความร้ายกาจต่างกระจายไปทั่วเมืองหลวง ทำให้ถูกรังเกียจจากผู้คนที่รับรู้ข่าวลือนี้
ซึ่งเหยียนลี่จินก็ไม่เคยออกมาแก้ตัว กลับตั้งหน้าตั้งตาแสดงความเป็นเจ้าของคู่หมั้นจนชายหนุ่มระอา และไม่อยากสานสัมพันธ์ต่อ แต่เพราะทั้งสองตระกูลต่างรู้จักและสนิทสนมกันมานาน เขาจึงได้แต่กัดฟันทนต่อความน่ารังเกียจของคู่หมั้นต่อไป
แต่สิ่งที่ทำให้ความอดทนของโจวเหว่ยสิ้นสุดลง ก็เพราะ เหยียนลี่จินผลักหญิงคนรักของเขาต่างหาก
ชายหนุ่มโมโหเป็นอย่างมากจึงผลักคู่หมั้นล้มลงกับพื้น แล้วโอบกอดสตรีอื่นอย่างปกป้องหวงแหน ท่ามกลางผู้คนมากมายในตลาด
หลงลืมไปแล้วถึงความไม่เหมาะสม บุรุษที่มีคู่หมั้น กลับแนบชิดกับสตรีที่ยังไม่ออกเรือน เรื่องราวนี้ถูกเล่าขานจนโด่งดัง ตีคู่กับกับเรื่องร้ายกาจของลี่จิน แต่ทว่า โจวเหว่ยกลับไม่สนใจ เขายังคงเอาใจใส่ มองน้องสาวนางด้วยสายตาอ่อนโยน
เคียงคู่ประหนึ่งไม่พบเจอกันมาสิบชาติ จับไม้จับมือกับแม่ดอกบัวขาวให้ทุกคนได้เห็นชัด ๆ เพื่อเป็นการหยามเกียรติคู่หมั้นอีกด้วย
เห็นแบบนั้นแล้วเหยียนลี่จินถึงกับหัวเราะเวทนากับความโง่งมของตน จนลืมความเจ็บปวดจากภพเดิมไปเสียสิ้น
‘ลี่จินเอ๋ยลี่จิน ในอดีตเจ้าช่างโง่เขลานัก รักคนที่เขาไม่รักตอบ สิ่งที่ได้รับก็คือความเสียใจ และก็คงไม่แตกต่างกับช่วงที่ยังเป็นวันวิสา เพราะความเชื่อใจและโง่เขลาเบาปัญญา จึงเสียใจข้ามภพข้ามชาติแบบนี้
ฮึ..สวรรค์ท่านช่างเล่นตลกกับนางเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ปรารถนาไม่ต้องการพบกับคนหลายใจนั่นอีกแล้ว แต่ทำไมต้องส่งกลับมาที่เดิมด้วย ส่งไปเกิดที่ใหม่ ภพใหม่ไม่ได้หรืออย่างไร
ในเมื่อหลีกหนีไม่พ้น เหยียนลี่จินจึงแสยะยิ้มกับโชคชะตาอันน่าสมเพชของตน แต่เรื่องราวในชีวิตของคุณหนูรองตระกูลเหยียนยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หญิงสาวจำต้องกัดฟันทนกับการปวดศีรษะต่อไป
“อื้อ ปวด” หญิงสาวครางเบา ๆ
ส่วนคนชั่วทั้งห้า หลังจากรีดร่างของคุณหนูรองจนเหลือเพียงลมหายใจแผ่ว ๆ มันก็ปล่อยให้ร่างร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น แล้วชักชวนกันเดินไปดื่มสุรา เสียงเอะอะดังลั่น
พวกมันไม่รู้เลย ว่าสตรีที่พวกมันตั้งใจสังหาร บัดนี้กลับมีลมหายใจขึ้นมาแล้ว
ภาพแล้วภาพเล่าที่ไหลผ่าน ทำให้เหยียนลี่จินรู้ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นความสุขของตนเลยสักครั้งเดียว ตลอดสิบแปดปีของลี่จิน นางเอาแต่วิ่งไล่ตามโจวเหว่ยอย่างไร้ศักดิ์ศรีคุณหนูรองตระกูลเหยียน ช่างน่าสมเพชจริง ๆ
สุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ ผู้ชายหง่าว ๆ คนนั้นก็ไม่สนใจไยดีเหมือนเคย แต่ลี่จินคนเก่าก็ไม่ยอมหันกลับมารักตัวเองสักที
ภาพสุดท้ายที่ยังค้างในความทรงจำ นั่นก็คือ ทุรชนคนชั่วทั้งห้าที่ถูกจ้างวานจากจื่อรั่ว ผู้เป็นสาวใช้คนสนิทของเหยียนถิงให้สังหารนาง คนชั่วเหล่านั้นกำลังใช้มีดกรีดไปตามใบหน้าและร่างกายของตนช้า ๆ คนพวกนั้นต่างหัวเราะชอบใจ ราวกับกำลังทำเรื่องสนุกสนาน ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่
ความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับ ไม่อาจฝืนทนให้มีชีวิตต่อไปได้