ปะทะครั้งที่5.1

1366 คำ
‘J…JOKER’ “Well well~ ดูซิว่าฉันเจอใครนั่งอมทุกข์อยู่ตรงนี้” ฉันกัดฟันกรอดเมื่อถูกทักทายแบบนั้น มิหนำซ้ำเขายังทำตัวมีน้ำใจหยิบยื่นลูกโป่งในมือส่งให้ “ลูกโป่งไหม?” พลั่ก! ฉันตีมือเขาอย่างรู้สึกโกรธ จนด้ายป่านที่เขาถือหลุดจากมือลอยขึ้นเหนือหัวไปพร้อมลูกโป่งรูปกระต่าย “อย่ามายุ่งกับฉัน!” มันน่าโมโหที่เขายังทำตัวและพูดจาเหมือนไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไร ทั้งที่ทำรุนแรงแบบนั้นใส่ แต่อีกฝ่ายกลับตอบโต้กลับด้วยเสียงจิ๊ปากเป็นจังหวะพลางส่ายหน้าไปมาคล้ายกับเอือมระอา แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวว่าถูกความโกรธจับจ้องอยู่ ถึงได้หยุดและแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เห็น พร้อมทั้งดีดนิ้วหนึ่งที ปัง! ท่ามกลางความสงสัยที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำแปลกๆ ดังกล่าว เสียงของลูกโป่งสวรรค์ที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าก็แตกดังก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนตามมาด้วยลูกกวาดในห่อพลาสติกใสและอมยิ้มมากมายร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝน มายากลอีกแล้วเหรอ... “One nice JOKER he’s had a Sweet E-I-E-I-O~ (สุดยอดโจ๊กเกอร์มีลูกอมแสนหวาน E-I-E-I-O)” อีกครั้งที่เขาฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางก้มเก็บลูกกวาดบนพื้น และยังคงฮัมเพลงเดิมอย่างต่อเนื่องขณะแกะห่อพลาสติกใสออกจากลูกกวาดในมือ “And on his Sweet, It’s had some sweet E-I-E-I-O~ (และลูกกวาดในมือเขามันก็หว๊านหวาน)” ฉันนั่งมองทุกการกระทำของเขาจากชิงช้าตัวเดิมนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร มองจนอีกฝ่ายเดินมายังชิงช้าซึ่งอยู่ข้างกันและทำการปีนขึ้นไปยืนอยู่บนชิงช้าจากนั้นก็โยกไปมา จนความเงียบถูกรบกวนอีกครั้งด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากการเสียดสีของเหล็กขึ้นสนิม ครู่สั้นๆ เหมือนเขาจะนึกขึ้นได้ว่าตรงนั้นยังมีฉันนั่งอยู่อีกคนถึงได้หันมาถาม “ลูกอมไหม?” “นายเลิกทำบ้าๆ แบบนี้สักทีได้ไหม?” อยู่ดีไม่ว่าดี ชอบทำตัวให้โดนด่า ใครกันที่นิยามว่าเขาเป็นปีศาจ เหอะ! ตลก เขาก็แค่มนุษย์ที่มีหลายด้านหลายบุคลิกเท่านั้นแหละ! “เมื่อวานยังบอกว่าฉันบ้า แต่วันนี้กลับสั่งให้เลิกบ้า คุณสุภาพสตรี คุณนี่มันตลกเสียจริง” “ขอเถอะ เลิกกวนประสาทฉันสักที” “เปล่าสักหน่อย ตอนนี้แค่กำลังอารมณ์ดีเพราะ Sweet Candy จากสวรรค์ต่างหาก” เขาพูดพลางขำไป “...” “ไม่คิดบ้างเหรอ ว่าลูกกวาดพวกนี้มันทำให้อารมณ์ดี?” เขาทำเฉไฉเหมือนไม่เข้าใจว่าฉันต้องการสื่ออะไร บนใบหน้าซึ่งฉาบด้วยเมคอัพหนากำลังเหยียดยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี “เงียบสักทีได้ไหม ฉันอยากอยู่คนเดียว!” “เฮ้! อารมณ์เสียอะไรมา แล้วจะพาลใส่กันแบบนี้ไม่ได้นะคุณผู้หญิง” เขาหันมาค้อนใส่หนึ่งทีและพยายามหยุดชิงช้าที่กำลังเหวี่ยงตามแรงให้ช้าลงและหยุดนิ่งในที่สุด ก่อนเริ่มพูดจาหาเรื่อง “เคยหัวเราะ เคยยิ้มบ้างไหม หรือทำหน้าเครียดเป็นอย่างเดียว?” และการที่เขายังทำตัวไขสือเสมือนเป็นคนอื่นแบบนี้มันเริ่มทำให้ฉันหมดความอดทน “ฉันต้องทำยังไง ในเมื่อสิ่งที่นายทำกำลังทำให้ฉันเสียศูนย์... โอเค ฉันผิดเองที่ยื่นข้อเสนอบ้าๆ นั่นออกไป แต่ใครจะคิดว่านายจะกล้าทำผิดกฎของเราก้าว ข้ามเขตมาแล้วจูบฉันแบบนั้น” รู้ไหมฉันไม่เคยรัวคำพูดยืดยาวแบบนี้ใส่ใครมาก่อนเลย แถมยิ่งพูดทั่วหน้ามันก็กลับร้อนฉ่าขึ้นมาจนเกินการควบคุม “Aha~ ที่แท้คุณสุภาพสตรีคนนี้ก็เครียดเพราะถูกจูบมานี่เอง ฮ่าๆ” เขาหัวเราะคล้ายกับชอบใจ สมกับรูปลักษณ์ของ JOKER ที่เป็นอยู่ “เลิกแสดงละครบ้าๆ นั่นสักทีเถอะ ฉันขี้เกียจเล่นตามเกมของนายแล้ว ... ” และเขาก็เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งฉันพูดวลีหนึ่งออกมา “...เกอร์” ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบนใบหน้าของคนถูกเรียก รอยยิ้มซึ่งให้ความรู้สึกว่าเขาอารมณ์ดีตลอดเวลา เหลือแค่รอยสีแดงที่ลากไปจ้างแก้มสองข้างเท่าที่ทำให้เขาเหมือนกำลังยิ้มอยู่ เพราะท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขา มันทำให้ฉันซึ่งเต็มไปด้วยหลายๆ ความรู้สึกได้ใจ เอ่ยปากเพื่อไล่ต้อนอีกฝ่ายให้จนมุมเพื่อทดแทนความรู้สึกบางส่วนที่เสียไป “เลิกเล่นละคร แล้วถอดหน้ากากตัวตลกนั่นออกดีกว่า...” “...” “ยิ่งทำแบบนั้น นายยิ่งเหมือนคนป่วยเป็นโรค 2 บุคลิก เข้าใจที่พูดไหม...เกอร์” ฉันเน้นชื่อเขาในช่วงท้ายประโยค จงใจย้ำอีกฝ่ายให้รู้ตัวว่า ละครที่เขากำลังแสดงมันได้ดำเนินมาถึงฉากสุดท้ายแล้ว “เธอพูดถูก ฉันแพ้แล้ว...” น้ำเสียงเขาดร็อปลงอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้ฉันไม่เห็นรอยยิ้มของตัวตลกบนหน้าเขาอีกแล้ว เพราะไม่มีทางให้เขาหลบหนีอีกต่อไป อีกทั้งละครตบตาก็ถูกปิดม่านลง สิ่งที่ผู้ชายในคราบ JOKER ทำได้จึงมีเพียงแค่การเบือนหน้าหลบไปอีกทาง โดยที่มือยังกำโซ่คล้องชิงช้าเพื่อประคองตัวไว้ในท่ายืน “รู้ใช่ไหมว่าฉันเคยทำอะไรมาบ้าง...” ถ้าให้เดา เขาคงหมายถึงข่าวลือที่คนในมหาวิทยาลัยพูด คงเกี่ยวข้องกับเรื่องนักศึกษาที่เขาล่วงเกิน จนต้องพากันลาออกกันไปนักต่อนัก “ จับฉัน...ส่งตำรวจสิ ” “นายพูดอะไร...” “บอกให้จับฉันส่งตำรวจไง! อยากตกเป็นเหยื่ออีกคนหรือไง!!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ คนตัวใหญ่คอกเสียงเร่งเร้าเหมือนคนเสียสติอยู่บนชิงช้า การที่ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเป็นแบบนี้ มันทำฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก จริงสิ เกอร์เองก็จัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคสไตเรียซิส แถมบทบาท JOKER ที่เขาแสดงมันก็เป็นข่าวลือมานานหลายปี ดูท่าแล้วบุคลิกที่สองของเขาคงเป็นมายาวนานแล้วเช่นกัน นี่หรือว่าเขากำลังสติแตกที่ถูกจับได้... “นายควรใจเย็น...” แม้ตอนแรกจะเสียศูนย์ไปบ้างแต่เพราะถึงคราวที่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ฉันก็ยังพร้อมที่จะเผชิญอยู่ดี “ตามปกติ นิติกรรมที่บุคคลวิกลจริตทำจะมีผลสมบูรณ์ (เหมือนคนปกติ) แต่กฎหมายจะคุ้มครองให้นิติกรรมเป็นโมฆะ ก็ต่อเมื่อ ก)นิติกรรมนั้นได้ทำขณะที่จริตวิกล ข)คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าบุคคลนั้นเป็นคนวิกลจริต…” “...” “ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 28, 29 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 เมื่อคนไร้ความสามารถไม่สามารถแสดงเจตนาด้วยตนเองได้เพราะขาดความรู้สึกตัวคำสั่งศาลอาจสามารถยกเว้นหรือลดโทษให้แก่ผู้ป่วยหรือผู้ไร้ความสามารถได้ แต่ทั้งหมดนั่นมันก็ขึ้นอยู่กับผลพิจารณาที่...” “คิกๆ…ฮ่ะๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะที่เริ่มระดับความดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำสิ่งที่ฉันพยายามอธิบายจากการร่ำเรียนเป็นอันต้องสะดุดลง “คุณผู้หญิง...คุณชักจะจริงจังเกินไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ” เขากำลังพูดบ้าอะไร!? ครั้งนี้เข้าหันมามองฉันตรงๆ พลางใช้มือปิดปากตัวเอง โดยที่บริเวณฝ่ามือนั้นมีรูปปากยิ้มราวกับว่าเขากำลังหัวเราะอยู่ และใช้เพียงการทรงตัวนิ่งบนชิงช้าเท่านั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงหล่นลงมา “You Know?, It's Just kidding~ (คุณดูไม่ออกเหรอ ว่ามันคือการล้อเล่น)” สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นตัวตลกของเขาในเวลานี้ก็คงเป็นคำพูดต่อท้ายอย่างขี้เล่นนั่นแหละ “Smile~ Smile~,You Know, Smile~”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม