ตอนที่ 2 คู่หมั้นชั่วคราวคนนั้น

1473 คำ
“น้องหญิงรอง” เสียงทุ้มเข้มเคร่งขรึมของบุรุษหน้าประตูที่เปิดอ้าค้างไว้ทำเอากายบางชะงักงัน ในบ้านหลังนี้นอกจากแม่นมจางแล้วคนที่พอจะมีใจช่วยเหลือสองพี่น้องอยู่บ้างก็คือคุณชายใหญ่โจวจิ้งเถิง “คารวะพี่ใหญ่” ทุกคนในห้องต่างทำความเคารพแขกที่มาใหม่ บุตรชายคนโตของตระกูลโจวเป็นผู้มีความสามารถเทียบเคียงคุณชายตระกูลใหญ่ได้ไม่ยาก ดังนั้นแล้วทั้งบิดามารดาล้วนให้ค่าคำพูดของเขาทั้งสิ้น “น้องหญิงใหญ่ เจ้าฟื้นแล้วสินะ อาการเป็นเช่นไรบ้าง” ร่างสมส่วนเดินเข้ามาดูอาการน้องสาวของตนด้วยความเป็นห่วง ฝ่ามือหนาลูบแก้มนุ่มซึ่งดูซีดเซียวอยู่มาก “ข้าอาการดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง” เด็กสาวเขยิบกายออกจากสัมผัสนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ว่านางรังเกียจพี่ชายคนนี้ เพียงแต่กังวลว่าอีกฝ่ายจะถูกลงโทษจากฮูหยินเอกเช่นทุกครั้งตั้งแต่เมื่อตอนยังเด็ก “เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว…น้องเล็ก เจ้าไปบอกแม่นมจางให้ตามหมอมาดูอาการเสียหน่อยเถิด แจ้งว่าเป็นคำสั่งจากพี่ใหญ่ พวกคนรับใช้ย่อมไม่กล้าขัด ส่วนเจ้า…น้องหญิงรอง ท่านพ่อเรียกหา กลับไปที่ห้องโถงได้แล้ว” เพราะตัวเขาเองก็ติดเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาทำให้กลับมาช้ากว่าที่คาด ยังดีที่มาทันก่อนจะเกิดเรื่องมากกว่านี้ “ขอรับพี่ใหญ่” เด็กชายรีบลุกออกไปด้วยความดีใจ “พี่ใหญ่!” โจวจื้อหลินไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้แต่พี่ชายก็ยังเอ็นดูนังบุตรนอกสมรสมากกว่าน้องสาวที่มีสายเลือดขุนนางเช่นตน “หลินเอ๋อร์ หากเจ้ายังดื้อดึง พี่ใหญ่จะบอกให้แม่รองอบรมเจ้าก่อนกลับสำนักศึกษา” คำพูดนั้นทำเอาร่างบางกระทืบเท้าไม่พอใจก่อนสะบัดหน้ากลับไปยังโถงหลัก “พี่ใหญ่ ท่านออกหน้าเช่นนี้หลินเอ๋อร์ย่อมเสียใจมาก” ไม่ว่ากี่ครั้งพี่ชายก็จะเข้าข้างนางเสมอ อาจเพราะสงสารที่พวกเราสองพี่น้องไร้ที่พึ่งพิง “เพราะแม่รองตามใจมากเกินไปจนหลินเอ๋อร์มีนิสัยกร้าวร้าว หากพี่ไม่ปรามเอาไว้บ้างวันข้างหน้าย่อมทำให้นางเสียนิสัยมากยิ่งขึ้น” ในตระกูลโจวปกติแล้วบุตรทุกคนจะเรียกขานฮูหยินเอกว่าแม่ใหญ่ และเรียกฮูหยินรองว่าแม่รอง ยกเว้นถิงถิงและถิงฟงที่ต้องเรียกว่าฮูหยินใหญ่กับฮูหยินรองราวกับไม่ยอมรับว่าพวกเขาคือลูกของผู้นำตระกูล “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยเหลือ” ความหวังดีนี้ทำให้ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มออกมา “รีบไปเถิด มิเช่นนั้นคุณชายเฉินจะรอนาน” แม้เป็นคู่หมั้นแต่จะให้มาพบเห็นความดำมืดของตระกูลโจวคงไม่ได้ การรังแกบุตรนอกสมรสย่อมมีให้พบเห็นทั่วไปถึงกระนั้นก็ยังดูแย่หากคนนอกมาพบเห็น ขนาดเขาเองถ้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก็ต้องทะเลาะกับมารดาทันที บ่อยครั้งเข้าก็ถูกตัดพ้อว่าเห็นคนอื่นดีกว่าแม่ สุดท้ายจึงต้องยอมแพ้แล้วแอบให้ความช่วยเหลือเป็นครั้งคราวแทน “เจ้าค่ะ อ๊ะ!” ถิงถิงรับคำพลางลุกขึ้น กายเล็กซวนเซเล็กน้อยเมื่อวิงเวียนเพราะหลับไปนาน ส่วนอาการบาดเจ็บอื่นๆ ไม่มีให้เห็นเท่าไหร่นัก “ถิงเอ๋อร์!” วงแขนหนาโอบรอบเอวคอดพยุงคนป่วยไม่ให้หน้าทิ่มลงพื้นก่อนที่สาวน้อยจะผละห่างออกมาเมื่อตั้งหลักได้ “ขอบคุณพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” ดวงหน้าหวานก้มหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน คงเพราะนอนนานเกินไปร่างกายจึงยังไม่ฟื้นตัว “อืม ไปกันเถอะ” โจวจิ้งเถิงรับคำก่อนจะเดินนำไปก่อน ระหว่างทางเขาคอยเหลือบไปมองด้านหลังเป็นระยะกลัวว่าน้องน้อยจะเป็นลมเป็นแล้งจนบาดเจ็บ เมื่อมาถึงจุดหมายเขาเลือกจะส่งน้องสาวเข้าไปด้านในส่วนตนเองขอตัวไปจัดการธุระอย่างอื่น ห้องโถงหลักของตระกูลโจว บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอึดอัดเล็กน้อยเนื่องจากคุณชายจากตระกูลใหญ่นั่งนิ่งเงียบขรึมไม่สนทนากับผู้ใด ต่อให้ชวนคุยอีกฝ่ายก็ทำแค่เพียงตอบตามมารยาทเท่านั้น บุรุษวัยกลางคนนามโจวป๋อเหวินเป็นเพียงขุนนางไร้อำนาจ ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้การหมั้นหมายนี้ยังคงอยู่ เพราะตราบใดที่ตนยังมีศักดิ์เป็นว่าที่พ่อตาของคุณชายใหญ่ตระกูลเฉินก็ยังมีคนพอจะเกรงใจอยู่บ้าง มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีผู้ใดเห็นหัว “คุณชายเฉินอุตส่าห์มารอตั้งนาน ถงเอ๋อร์ก็ช่างไร้มารยาทชักช้าเสียจนเวลาล่วงเลยถึงป่านนี้ ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” เสียงหวานของสตรีมีอายุเข้าสู่เลขสามกลางๆ เอ่ยบอกด้วยท่าทางรู้สึกผิด นางคือฮูหยินเอกที่กุมอำนาจเรือนหลังไว้ในกำมือ “นางเป็นคนป่วย ข้ารอได้ขอรับ” แม้จะพูดจาสุภาพแต่คำด่าที่สื่อออกมาก็ทำให้โจวฮูหยินถึงกับหน้าเสีย ‘กล้ากล่าวหาว่าคนป่วยไร้มารยาท คนพูดต่างหากที่ไม่รู้จักคำว่ามารยาท’ “ข้ารีบไปตามพี่หญิงใหญ่แล้วนะเจ้าคะ แต่นางกลับทำท่าเหมือนไม่อยากมาพบท่าน ข้ารู้สึกผิดจริงๆ เจ้าค่ะ” โจวจื้อหลินที่รีบกลับมายังห้องโถงกล่าวพร้อมทำหน้าเศร้า “ถิงเอ๋อร์นี่ยังไง คุณชายเฉินมาเยี่ยมยังไม่พอใจอีก” ฮูหยินรองที่นั่งใกล้กันรีบสนับสนุนคำพูดของบุตรสาว นางเองก็เสียใจที่ตำแหน่งคู่หมั้นตกไปอยู่ที่บุตรนอกสมรสน่ารังเกียจนั่นแทนที่จะเป็นลูกของตน “พอได้แล้ว คงเพราะป่วยอยู่จึงได้ช้าไปบ้าง พวกเจ้าก็เลิกพูดเสียที” เสียงทุ้มดุดันทำเอาทุกคนเงียบปาก ไม่ใช่ว่าโจวป๋อเหวินเข้าข้างลูกสาวที่ไม่เคยสนใจ เพียงแต่หากอีกฝ่ายยกเลิกการหมั้นหมายไปก็ใช่ว่าบุตรสาวอีกคนจะสามารถจับคุณชายผู้นี้ได้ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมเสี่ยงถ้าไม่เห็นว่าเฉินจ้าวเหว่ยให้ความสนใจบุตรสาวคนรองของตน ระหว่างรอชายหนุ่มกวาดตามองครอบครัวนี้อีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาเยี่ยมเยือนจวนของคู่หมั้นตามหน้าที่ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่บรรยากาศอันน่าสะอิดสะเอียนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยแสดงออกว่าสงสารหรือเห็นใจคู่หมายของตนสักครั้ง คงเพราะโจวถิงถิงไม่เคยเรียกร้องความช่วยเหลือใดเลย วันเวลาผ่านไปนางสู้ด้วยตนเองมาตลอด เขาจึงดูอยู่ห่างๆ โดยไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวนั้น “คารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่ ท่านแม่รอง คุณชายเฉินเจ้าค่ะ ขออภัยที่เสียมารยาทปล่อยให้พวกท่านต้องรอนาน” เสียงหวานหน้าประตูเรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง ใบหน้างดงามอ่อนหวานราวกับกระเบื้องแก้วทำให้สตรีทั้งหลายในห้องไม่พอใจเป็นอย่างมาก ยามอยู่ต่อหน้าคนนอกถิงถิงจึงได้รับอนุญาตให้เรียกพวกนางว่าแม่ แม้ในใจจะรังเกียจเดียดฉันท์ปานใดแต่ก็ต้องรักษาชื่อเสียงตระกูลเอาไว้ “เข้ามานั่งก่อนสิถิงเอ๋อร์” คำเรียกนั้นทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบมองบิดา ต่อให้เขาแสดงออกว่าไม่สนใจนางเพียงใดแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนลึกในใจของเด็กทุกคนย่อมต้องการความรักจากผู้เป็นพ่อแม่ “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” ร่างซีดเซียวเดินไปนั่งยังเก้าอี้ต่อจากน้องสาวคนรอง ทั้งที่ความจริงแล้วตามฐานะคุณหนูใหญ่ควรได้นั่งต่อจากฮูหยินเอกเสียด้วยซ้ำ “คุณหนูใหญ่ ในฐานะคู่หมั้นแล้วข้ามาเยี่ยมเจ้าช้าเกินไป ต้องขอโทษด้วย” เฉินจ้าวเหว่ยกล่าวทักทายด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยแสดงออกว่าสนใจผู้ใดนั่นจึงทำให้ผู้นำตระกูลโจวร้อนรนอยู่บ้าง “มิเป็นไรเจ้าค่ะ” เมื่อให้พบหน้าคู่หมั้นอีกครั้งทำให้เด็กสาวนึกย้อนไปถึงคำบรรยายในหนังสือเล่มนั้น ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน คิ้วเรียวลู่ดุจใบหลิว ดวงตาคมเฉยชาซ่อนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้จนมิด จมูกโด่งเป็นสันรับกับปากหยักได้รูป ทุกอย่างช่างพอเหมาะแต่ตัวจริงกลับเกินกว่าคำบอกเล่านั้นไปไกลมาก ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งอยากให้เขาได้ครองคู่กับคุณหนูเหรินจริงๆ เพราะคุณหนูจากตระกูลเจ้ากรมโยธาคือคนที่เด็กสาวในความฝันเรียกว่า ‘นางเอก’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม