ตอนที่ 1 บุตรีนอกสมรส

1602 คำ
ณ แคว้นเถียน ซึ่งเป็นแคว้นขนาดใหญ่หนึ่งใน 5 อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติในหลายๆ ด้าน แม้จะผ่านศึกสงครามมาไม่น้อยแต่กระนั้นช่วงเวลานี้ก็สงบสุขมาหลายสิบปีแล้ว ราชวงศ์ในวังหลวงไม่ได้มีการแย่งชิงบัลลังก์อย่างดุเดือดเช่นแคว้นอื่นนั่นยิ่งทำให้ราษฎรอยู่กันอย่างร่มเย็น ตระกูลขุนนางน้อยใหญ่ผลัดเปลี่ยนกันเรืองอำนาจ บางตระกูลสามารถรักษาความรุ่งโรจน์เอาไว้ได้ กลับกันแล้วยังมีหลายตระกูลที่เสื่อมโทรมใกล้ล่มสลายเต็มที ตระกูลโจว เป็นหนึ่งในตระกูลที่เคยมากไปด้วยมิตรสหายและบริวาร มายามนี้ไม่เหลือเค้าเดิมของความเปี่ยมบารมีอีกแล้ว ผู้นำตระกูลเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่ดำรงตำแหน่งขุนนางระดับกลางค่อนไปทางระดับล่างเสียด้วยซ้ำ ขุนนางขั้น 4 ที่ไม่มีปากมีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น “อึก…นั่นมัน….ฝันอย่างนั้นหรือ” เสียงหวานแหบแห้งพึมพำเมื่อเริ่มรู้สึกตัว ร่างบอบบางของดรุณีน้อยวัย 15 หนาวขยับกายอย่างยากลำบาก “พี่หญิง! ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” เด็กชายตัวเล็กขยับเข้ามาดูพี่สาวด้วยความกังวล ตั้งแต่อีกฝ่ายพลัดตกบันไดในสถานศึกษาก็สลบไปเกือบ 5 วันเลยทีเดียว “อาฟง….” ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นพลางกระพริบถี่ปรับการมองเห็น ใบหน้าของน้องชายผู้มีอายุ 13 หนาว เริ่มเด่นชัดสู่สายตา ในหัวของนางกำลังคิดทบทวนเรื่องราวทุกอย่าง เราสองพี่น้องคือบุตรนอกสมรสของผู้นำตระกูลโจว ท่านพ่อไม่เคยสนใจใยดีพวกเราเท่าใดนักเพราะฮูหยินใหญ่มีบุตรชายคนโตอยู่แล้ว นอกจากนี้ฮูหยินรองยังมีบุตรสาววัยไล่เลี่ยกันกับนางอีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าต่อให้นางล้มป่วยหนักขนาดนี้ก็ไร้หมอมาดูแลอย่างที่คุณหนูตระกูลขุนนางควรได้รับ ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยได้รับความรักหรือความเอาใจใส่จากคนในตระกูล แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นทั้งสองไม่เคยเรียกร้องอะไรเลยแค่พวกเขามีกันและกันก็พอแล้ว โจวถิงถิงและโจวถิงฟง เปรียบเสมือนกาฝากที่ถูกมองอย่างดูแคลนจากเหล่าข้ารับใช้ มีเพียงแม่นมจางซึ่งสงสารพวกเขาจึงคอยดูแลเท่าที่ฐานะของตนจะเอื้ออำนวย ทำให้สองพี่น้องอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เด็กสาวใช้ชีวิตเหมือนบุตรนอกสมรสของตระกูลขุนนางทั่วไปจนกระทั่งได้รับอุบัติเหตุ ในห้วงแห่งความเป็นและความตายนางกลับเห็นภาพความทรงจำบางอย่าง มันคล้ายกับว่านั่นคือตัวนางอีกคน สตรีผู้นั้นมีนามเดียวกันแต่แซ่กลับไม่เหมือน นอกจากนั้นแล้วรูปร่างหน้าตายังราวกับถอดแบบกันมา เด็กสาวในฝันใช้ชีวิตในโลกที่ต่างออกไป ทุกอย่างรอบกายมีแต่สิ่งที่นางไม่เคยพบเห็น เด็กคนนั้นชื่นชอบการออกแบบเครื่องประดับและการอ่านหนังสือประโลมโลกซึ่งเรียกกันว่า ‘นิยาย’ น่าแปลกที่เรื่องราวในนั้นช่างเหมือนกับชีวิตของนางในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อคนรอบตัว ชื่อตระกูล จนไปถึง…ชื่อคู่หมั้นชั่วคราวของนาง เฉินจ้าวเหว่ย ที่บอกว่าคู่หมั้นชั่วคราวเพราะทั้งสองตระกูลเพียงแค่หมั้นกันตามคำสั่งเสียของผู้อาวุโสตระกูลเฉินซึ่งเสียชีวิตจากโรคร้าย สุดท้ายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรตระกูลใหญ่ที่มีฐานะเป็นถึงเสนาบดีของแคว้นย่อมต้องถอนหมั้นสตรีผู้ไร้ฐานันดรและเฟ้นหาคุณหนูตระกูลใหญ่มาเกี่ยวดองแทนอยู่แล้ว นั่นเป็นสิ่งที่โจวถิงถิงรู้ดีจึงไม่เคยคาดหวังในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน มิหนำซ้ำเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นยังบอกว่าคุณชายตระกูลเฉินจะได้ครองคู่กับคุณหนูที่มาจากตระกูลเจ้ากรมโยธาอีกด้วย ยิ่งนางได้อ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าการฟันฝ่าอุปสรรคของคนทั้งคู่ช่างงดงามจนอดเอาใจช่วยไม่ได้ และทันทีที่เด็กสาวในความฝันเปิดหนังสือไปที่หน้าสุดท้ายนางก็ได้สติฟื้นขึ้นมา ‘มันเรียกว่าการเห็นนิมิตได้รึไม่นะ’ “พี่หญิงขอรับ” มือของเด็กชายเขย่าแขนพี่สาวเบาๆ อีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนป่วยยังคงนั่งเหม่อไม่ได้สติ “ขอโทษเจ้าด้วยนะอาฟง เจ้าต้องหยุดเรียนเพราะพี่ใช่ไหม” มือบางเอื้อมไปลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู ในหนังสือเล่มนั้นเราสองพี่น้องไม่ได้มีบทบาทใดมากไปกว่าการเป็นหนึ่งในอุปสรรคขัดขวางความรักของคู่ชะตาฟ้าลิขิต ดังนั้นแล้วต่อจากนี้นางจะทำตนเป็นแม่สื่อหวังช่วยให้ทั้งสองได้ครองคู่กันอย่างสบายใจเอง อย่างน้อยเผื่อว่าวันข้างหน้าจะได้ใช้สายสัมพันธ์อันดีเป็นแรงผลักดันให้น้องชายผู้นี้ได้มีเส้นสายในการเป็นขุนนางดั่งที่เขาต้องการ “มิเป็นไรขอรับ อย่างไรเสียช่วงนี้ก็ใกล้สอบจึงไม่ส่งผลกระทบต่อเวลาเรียนมากนัก” โจวถิงฟงตอบพี่สาวไปตามตรงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องกังวล ทั้งที่ความจริงแล้วหากขาดเรียนตอนนี้ในวันสอบคงลำบากไม่น้อย “พี่หลับไปนานหรือไม่” เด็กสาวเปลี่ยนเรื่องด้วยเข้าใจว่าน้องชายเป็นห่วงความรู้สึกนางมากแค่ไหน ขุนนางส่วนใหญ่จะส่งบุตรชายไปเข้าสถานศึกษาตั้งแต่อายุ 10 หนาว ส่วนบุตรสาวหากมีฐานะหน่อยอายุ 10 หนาว ก็เตรียมตัวเข้าไปเรียนรู้ศาสตร์ทั้งสี่ของสตรีเช่นกัน แต่ถ้าไม่สนใจเรื่องสานสัมพันธ์ บางตระกูลรออายุ 13-14 หนาว จึงส่งบุตรหลานเข้าเรียนก็มี แท้จริงที่ตระกูลระดับล่างพยายามส่งบุตรีเข้าไปเรียนในสถานศึกษาก็เพื่อหาคู่ครองดีๆ ไว้สำหรับเกี่ยวดองในอนาคต จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบุตรนอกสมรสเช่นโจวถิงถิงและโจวถิงฟงจึงได้รับโอกาสไปร่ำเรียนทั้งที่ถูกเลี้ยงดูมาไม่ดีนัก “เกือบ 5 วัน ขอรับ” โชคยังดีที่พี่สาวของเขาฟื้นขึ้นมา เพราะในจวนหลังนี้เขามีเพียงพี่สาวและแม่นมจางเท่านั้น “เช่นนั้นก็เตรียมตัวกลับสถานศึกษากันเถิด ถ้าเราหยุดเรียนมากกว่านี้คงถูกเหมิงเซียนเซิง (อาจารย์แซ่เหมิง) เรียกไปพบเป็นแน่” สถานศึกษาสำหรับเหล่าตระกูลขุนนางจะให้กินนอนอยู่ที่นั่นเลยเพื่อป้องกันปัญหาการหนีเรียนของเหล่าเด็กดื้อ “ตะ แต่ว่า…” เด็กน้อยมีท่าทางอึกอักจนคิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย โครม! ความสงสัยที่ว่าอยู่ได้ไม่นานก็ได้รับการแถลงไข ประตูเก่าทรุดโทรมถูกเปิดอย่างแรงจนน่ากลัวว่ามันจะพังไปเสียก่อนหรือเปล่า ร่างเล็กของเด็กหญิงอายุยังไม่พ้นวัยปักปิ่นเดินอุกอาจเข้ามาด้วยใบหน้ายับย่น “ยังไม่ตายไปอีกหรือ ดวงแข็งซะจริงเชียว” คำทักทายแรกไม่ได้ทำให้สองพี่น้องประหลาดใจนัก เด็กน้อยนางนี้มีนามว่าโจวจื้อหลิน เป็นบุตรีของฮูหยินรองซึ่งมีอำนาจในจวนอยู่มาก มิหนำซ้ำยังแอบหลงรักคุณชายตระกูลเฉินจึงจงเกลียดจงชังบุตรีนอกสมรสเช่นโจวถิงถิงที่มาแย่งวาสนาของตนไป เพราะในคำสั่งเสียของผู้อาวุโสจากตระกูลฝ่ายชายคือต้องการหมั้นหมายกับบุตรสาวคนโตของตระกูลโจวเท่านั้น ดังนั้นถ้าไม่มีโจวถิงถิงสักคนผู้ที่ได้หมั้นกับเฉินจ้าวเหว่ยย่อมต้องเป็นนาง “น้องหญิงรอง” ดวงตาหงส์เหลือบมองน้องสาวต่างมารดาด้วยความรู้สึกเฉยชา น่าเสียดายนักที่ในหนังสือเล่มนั้นไม่ได้กล่าวถึงตระกูลโจวเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วจึงไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของนางและคนในตระกูลจะไปทิศทางใด “คารวะพี่หญิงรองขอรับ” เด็กชายตัวสั่นจากความหวาดกลัว เขาถูกกลั่นแกล้งรังแกมาตั้งแต่เล็ก มือบางของถิงถิงดึงน้องชายให้ไปอยู่ด้านหลังพลางลุกขึ้นนั่งเพื่อเผชิญหน้ากับแขกไม่ได้รับเชิญ “มีสิ่งใดก็พูดมาเถิด จะได้ไม่เสียเวลา” ดูจากที่เด็กสาวตรงหน้ากลับมาที่จวน วันนี้คงเป็นวันหยุดของสำนักศึกษาซึ่งมีทุกๆ 7 วัน เพื่อไม่ให้บรรดาคนในตระกูลขุนนางต้องเป็นห่วงลูกหลานมากนัก “ข้าก็มิได้ต้องการอยู่ในเรือนสกปรกท้ายจวนเช่นนี้นานนักหรอก แต่เพราะคุณชายเฉินมาเยี่ยมเจ้า ท่านพ่อจึงสั่งให้ข้ามาดู แต่ไม่จำเป็นที่เจ้าต้องออกไปพบ ข้าจะบอกท่านพ่อว่าเจ้ายังไม่หายดี” แม้จะเป็นพี่สาวต่างมารดาแต่ความรังเกียจที่ฉายชัดออกมามันทำให้รู้ว่าโจวจื้อหลินไร้ซึ่งความเคารพต่อบุตรนอกสมรสของบิดาโดยสิ้นเชิง “เสียใจด้วยนะ ข้าจะออกไปพบคู่หมั้นของข้า…น้องหญิงรอง เจ้าเป็นเพียงคนส่งข่าวก็อย่าได้ทำเกินหน้าที่นักเลย เพราะถ้าหากข้าบอกท่านพ่อว่าแท้จริงแล้วเจ้ามีนิสัยเช่นไร บางทีฮูหยินรองอาจถูกลงโทษไปด้วยก็เป็นได้” ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนางกระทบกระทั่งกัน ต่อให้เป็นบุตรนอกสมรสแล้วอย่างไร ถ้ายอมโดนรังแกสุดท้ายมันจะไม่มีวันจบสิ้น ที่สำคัญนางต้องปกป้องน้องชายเพียงคนเดียวเอาไว้ “จะ เจ้า!” คุณหนูรองตระกูลโจวถลึงตาใส่พลางชี้หน้าคนโต้เถียงอย่างมีโทสะ ขณะที่กำลังจะเข้าไปหาเรื่องก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม